คลื่นพลังปราณนั้นมีขนาดเล็กมากและหายไปอย่างรวดเร็ว แต่ฉู่หลิวเยว่มั่นใจว่ามันเกิดขึ้นตรงบริเวณนั้นจริงๆ
นางยืนอยู่ที่นั่นและรออยู่ครู่หนึ่ง พลันคลื่นพลังก็ปรากฏขึ้นมาอีกครั้ง!
ทว่าคราวนี้ ความปั่นป่วนที่เกิดจากความผันผวนของพลังปราณนั้นน้อยลงกว่ารอบแรก
หากฉู่หลิวเยว่ไม่ใช่คนช่างสังเกตและรอบคอบ เกรงว่าคงไม่มีทางพบคลื่นพลังนั่นเป็นแน่
นางก้าวไปข้างหน้าสองสามก้าว และหยุดยืนอยู่ตรงกลางชั้นสี่ แล้วเงยหน้าขึ้นมอง
บริเวณชั้นห้าทั้งชั้น มีบรรยากาศลึกลับชวนพิศวงราวกับอยู่คนละโลก
เวลาผ่านไป ฉู่หลิวเยว่ยืนนิ่งรอการถือกำเนิดของคลื่นพลังปราณลูกที่สาม!
เพียงแต่ว่าครั้งนี้ มวลพลังปราณนั้นอ่อนแรงกว่าครั้งที่แล้วมาก
ราวกับว่าความผันผวนเหล่านั้นค่อยๆ ลดลงไปเรื่อยๆ
ฉู่หลิวเยว่ยืนรออยู่พักใหญ่ แต่กลับไม่เห็นการเคลื่อนไหวใดใด
นางมองไปรอบๆ ทั่วทั้งสี่ทิศ
ดูเหมือนว่าการเคลื่อนไหวจากชั้นห้า จะไม่มีผลกระทบอันใดต่อชั้นสี่
ราวกับว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นในตอนนี้ เป็นเพียงภาพหลอนที่นางสร้างขึ้นเอง
แต่ลึกๆ แล้วนางรู้ว่า มันไม่ใช่ภาพลวงตา
จากนั้นฉู่หลิวเยว่ก็นึกถึงคำพูดของผู้อาวุโสมั่วชัง
มีเพียงจ้าวสำนักของสำนักไท่เหยียนเท่านั้นที่ขึ้นไปชั้นห้าได้อย่างนั้นหรือ?
ทว่าจิตสำนึกกลับบอกให้นางควรเพิกเฉยต่อการเคลื่อนไหวบนชั้นห้า และอย่าคิดสร้างปัญหาที่ไม่ทราบสาเหตุให้ตัวเอง
แต่ในใจลึกๆ ดันมีแรงกระตุ้นเล็กๆ ที่ขัดขวางไม่ให้นางหันหลังกลับนี่สิ
ฉู่หลิวเยว่กลั้นหายใจเฮือกใหญ่ และในที่สุดก็ยกเท้าขึ้น เตรียมก้าวเดินไปยังขั้นบันไดด้านบน
แต่เมื่อกำลังจะก้าวขึ้นบันได จู่ๆ ด้านหน้าก็มีแสงสีเงินส่องมาที่ดวงตาของนาง!
ขาเรียวหยุดชะงักแล้วเงยหน้าขึ้นทันที!
สิ่งที่ปรากฎตรงหน้านางก็คือ ปราณค่ายกลสีเงินขนาดใหญ่ที่กำลังลอยนิ่งอยู่เหนือศีรษะนาง!
ลำแสงนับไม่ถ้วนโยงพันกัน ทำให้ค่ายกลนั้นมีรูปแบบที่ลึกซึ้งและซับซ้อนเสมือนม่านสี่เหลี่ยมจัตุรัสที่งดงาม มันผูกตัวปิดผนึกอาณาเขตชั้นที่ห้าทั้งหมด!
ฉู่หลิวเยว่สามารถสัมผัสถึงรัศมีการยับยั้งอันทรงพลังที่มาจากมันได้อย่างชัดเจน!
ดวงตาเรียวสวยจ้องมองค่ายกลตรงหน้า พลันขมวดคิ้ว
สำหรับนางแล้ว มันไม่ใช่ว่านางปลดผนึกค่ายกลที่มีรูปแบบลึกซึ้งเช่นนี้ไม่ได้ แต่ด้วยความแข็งแกร่งในปัจจุบันของนาง ทำให้การปลดผนึกในตอนนี้ นั้นแทบเป็นไปไม่ได้เลย
นอกจากนี้ นางกังวลว่าหากเริ่มเคลื่อนไหว เพียงพริบตา มันอาจจะดึงดูดความสนใจจากบุคคลภายนอกได้
เฉิงหันเกลียดนางเข้าไส้ เขาจะต้องคอยจับตามองอย่างใกล้ชิด เพื่อรอจับกุมนางแน่ๆ
ฉู่หลิวเยว่ถอยหลังไปหนึ่งก้าว พลันแสงของค่ายกลที่ซับซ้อนนี่ก็ค่อยๆ ดับลง
นางกัดฟันแน่น พร้อมความรู้สึกว้าวุ่นในใจ
“เจ้าอยากขึ้นไปหรือไม่?”
จู่ๆ ก็มีเสียงแหบแห้งดังออกมาจากตำแหน่งตันเถียน
ฉู่หลิวเยว่ชะงัก
“อินทรีสามตา? เจ้ามีวิธีช่วยให้ข้าเข้าไปได้อย่างนั้นหรือ?”
“แสดงว่าเจ้าไม่รู้เกี่ยวกับพลังเวทย์ของเผ่าข้าเลยสินะ”
น้ำเสียงของอินทรีสามตายังคงเย่อหยิ่งเหมือนเคย
ดวงตาของฉู่หลิวเยว่ทอประกายอย่างมีหวัง!
นางลืมไปเลยว่าในบรรดาอสูรศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมด อินทรีสามตานั้นมีพลังพิเศษอย่างการแช่แข็งพื้นที่!
การแช่แข็งพื้นที่ คือความสามารถในการแช่แข็งอนูอากาศ และควบคุมทุกอย่างภายในขอบเขตพื้นที่ที่กำหนดได้อย่างสมบูรณ์ ภายในพื้นที่นั้น มวลพลังของอินทรีสามตาจะสมบูรณ์และพุ่งทะยานถึงขีดสุด!
“เจ้าหมายถึง…จะแช่แข็งชั้นห้าหรือ” ฉู่หลิวเยว่ถามด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง
“ถูกต้อง เพราะข้าอยู่ในตัวเจ้า และอยู่ภายใต้การควบคุมของเจ้า ตราบใดที่เจ้าอยู่ใน ‘อาณาเขตเซียนเทพ’ ของข้า ทุกสิ่งที่ข้าควบคุมได้ เจ้าเองก็สามารถทำได้เช่นกัน”
นั่นคือสิ่งที่เรียกว่า “อาณาเขตเซียนเทพ”
ฉู่หลิวเยว่เริ่มเปลี่ยนใจ
ต้องยอมรับว่าข้อเสนอของอินทรีสามตานี่ ทำให้นางตื่นเต้นอย่างมาก
ให้อินทรีสามตาใช้อาณาเขตเซียนเทพเพื่อหลีกเลี่ยงความสนใจจากบุคคลภายนอก ซึ่งอีกนัยหนึ่ง นางเองก็จะมีเครื่องรับประกันความปลอดภัยขณะก้าวขึ้นสู่ชั้นห้าด้วย
ยามนี้ไม่มีผู้ใดรับรู้ว่าหลังจากขึ้นไปแล้วจะพบเจอกับสิ่งใด ทว่าด้วยความช่วยเหลือของอินทรีสามตา ผลที่ได้จะต้องออกมาดีอย่างแน่นอน
แต่สุดท้ายแล้วมันก็เป็นอสูรศักดิ์สิทธิ์ ที่แฝงไว้ด้วยเจตนาที่ไม่ธรรมดา
“เจ้าต้องการข้อแลกเปลี่ยนอันใด?”
ฉู่หลิวเยว่ถามเสียงเรียบ
อินทรีสามตารีบเปิดปากอย่างไว ทว่าไม่ใช่ประโยคที่มีเจตนาดีนัก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์
สนุกมากค่ะ...
อ่านสนุกมากค่ะ ติดตามอ่านทุกตอน...