“สมรส? กับผู้ใดกัน?”
ผู้อาวุโสจงเยี่ยตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง และเมื่อเห็นการแสดงออกของซือถูซิงเฉิน เขาก็เข้าใจในทันที
“กับเจ้ารึ!?”
ซือถูซิงเฉินพยักหน้าเล็กน้อย
“ท่านพ่อทรงเจตนาให้เป็นเช่นนั้น”
ผู้อาวุโสจงเยี่ยประหลาดใจสุดขีด
แต่ไหนแต่ไรแคว้นเย่าเฉินและแคว้นซิงหลัวนั้น แทบไม่ค่อยมีการสานสัมพันธ์ระหว่างสองแคว้น เหตุใดพวกเขาจึงคิดเรื่องการสมรสขึ้นมาเอาตอนนี้?
นอกจากนี้ยังเลือกซือถูซิงเฉินอีก!
“พ่อของเจ้าคิดทำการใดอยู่กันแน่? หรงจิ้นไม่ใช่คนที่โด่ดเด่นเลยสักนิด และถ้าพิจารณาจากสิ่งที่เจ้าเอ่ยมา หากไม่ใช่เพื่อทำการใหญ่แล้ว เด็กนั่นไม่มีอะไรเหมาะสมกับเจ้าเลย!”
ต่อให้ไม่ใช่หรงซิว แต่ก็ควรเป็นชายหนุ่มรุ่นเยาว์ที่มีพรสวรรค์คนอื่น เหตุใดจึงเป็นหรงจิ้นกัน
ซือถูซิงเฉนพยายามไม่ใส่ใจ และตอบกลับด้วยรอยยิ้ม
“อย่างไรเสียเขาก็เป็นถึงองค์รัชทายาทแห่งแคว้นเย่าเฉิน การที่เขาอยู่รอดมาได้จนถึงตอนนี้ คงจะมีความสามารถอยู่พอตัว ท่านอาจจะประเมินเขาต่ำไปก็ได้ แม้ว่าเรื่องนี้จะยังดูฉงน แต่ท่านพ่อยืนกรานหนักแน่นมาก แสดงว่าท่านพ่อต้องวางแผนในใจไว้แล้ว ท่านคิดว่าอย่างไร?”
“กลับกัน ข้าไม่เห็นด้วยกับการสมรสครั้งนี้!”
ผู้อาวุโสจงเยี่ยพ่นลมหายใจอย่างเย็นชา
“หากมันเกิดขึ้นจริง หลังแต่งเจ้าก็ต้องย้ายไปอยู่ที่แคว้นเย่าเฉินมิใช่หรือ? เจ้าเด็กหรงจิ้นนั่นก่อเรื่องไว้มากมาย แค่นั้นก็แสดงให้เห็นแล้วว่า เขาไม่สามารถแบกรับภาระอันใหญ่หลวงในอนาคตได้แน่นอน! ถึงตอนนี้จะมีศักดิ์เป็นองค์รัชทายาท ทว่าตำแหน่งนี้คงอยู่กับเขาได้ไม่นานหรอก ซิงเฉิน เจ้าวางใจเสีย พรุ่งนี้ รอให้เด็กนั่นมาถึง ข้าจะทำลายการสมรสนี่เอง มีข้าอยู่ทั้งคน พ่อของเจ้าไม่กล้าบังคับเจ้าแน่”
ดวงตาของซือถูซิงเฉินเป็นประกาย
“ผู้อาวุโสจงเยี่ย ซิงเฉินรู้ว่าท่านหวังดี แต่สาเหตุที่ข้านำเรื่องนี้มาบอกท่าน ก็เพื่อ…หวังให้ท่านเห็นด้วยกับการสมรสที่จะจัดขึ้นพรุ่งนี้”
“อะไรนะ นี่เจ้าอยากอยู่กินกับเจ้าเด็กหรงจิ้นนั่นจริงๆ หรือ” ผู้อาวุโสจงเยี่ยขมวดคิ้วมุ่นจ้องหน้าซือถูซิงเฉินเขม็ง “เจ้า หรือเพราะเจ้าโกรธที่หรงซิ่วแต่งกับหญิงอื่น เลยแค้นใจแล้วหันไปแต่งกับน้องชายเขาแทนอย่างนั้นรึ?”
ซือถูซิงเฉินหัวเราะออกมาเบาๆ
“ท่านคิดมาเกินไปแล้ว ข้าจะทำเช่นนั้นได้อย่างไร ข้าเต็มใจยอมรับการสมรสครั้งนี้ ท่านก็น่าจะรู้ว่ามีเพียงไม่กี่คนที่รู้เรื่องนี้ ฉะนั้น หากป่าวประกาศออกไปปุบปับ หลายๆ คนจะต้องคัดค้านแน่นอน ทว่าหากพรุ่งนี้ท่านยืนกรานและเห็นดีเห็นงามไปกับข้า คนเหล่านั้นคงโต้แย้งอะไรมากไม่ได้”
สถานะของผู้อาวุโสจงเยี่ยในแคว้นซิงหลัวนั้นสูงส่งมาก ตราบใดที่เขายินดี เรื่องนี้จะต้องราบรื่นแน่ๆ
“ข้า…ซิงเฉิน เจ้าคิดดีแล้วใช่หรือไม่?”
“เจ้าค่ะ”
ผู้อาวุโสจงเยี่ยมองสีหน้าท่าทางอันเด็ดขาดของซือถูซิงเฉิน และแอบถอนหายใจกับตัวเอง
“ก็ได้! หากเจ้าว่าเช่นนั้น ข้าก็ไม่ขัด!”
ซือถูซิงเฉินกดยิ้มลึกขึ้น
“ขอบพระคุณท่านผู้อาวุโส”
…
ตำหนักหลวง ณ แคว้นเย่าเฉิน
ท้องฟ้าด้านนอกมืดสนิท แต่จักรพรรดินีและหรงจิ้นยังคงพูดคุยกันอยู่ในห้อง
“วันพรุ่งเจ้าต้องไปที่แคว้นซิงหลัวแล้ว เจ้าต้องทำให้การสมรสครั้งนี้ประสบผลสำเร็จ” จักรพรรดินีทำหน้าตาจริงจัง “นี่เป็นโอกาสที่ดีที่สุดสำหรับเจ้าในตอนนี้ หากเจ้าพลาด ก็ไม่รู้ว่าจะต้องรอไปอีกนานเท่าใด”
หรงจิ้นพยักหน้า “ลูกทราบดี ท่านแม่โปรดวางใจ ลูกกับซือถูซิงเฉินตกลงกันไว้แล้ว จะไม่เกิดปัญหาตามมาแน่นอน”
จักรพรรดินีผ่อนคลายลงเล็กน้อย พลางเอนหลังพิงเก้าอี้ รอยยิ้มพึงพอใจก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของนาง
“เช่นนั้นก็ดี ก่อนหน้านี้ข้าขอให้เจ้าลองมองนางใหม่ ไม่คิดเลยว่าจะราบรื่นเพียงนี้”
หรงจิ้นหัวเราะออกมาด้วยความพึงพอใจ
“ว่ากันว่าซือถูซิงเฉินเป็นดั่งไข่มุกที่เปล่งประกายที่สุดของแคว้นซิงหลัว เมื่อนางโตพอจะแต่งงานได้ ก็เห็นว่ามีชายมากหน้าหลายตาเข้าไปขอนางแต่งงาน แต่นางปฏิเสธเสียทุกคน เดิมทีลูกคิดว่านางหยิ่งยโสและเข้าถึงยาก คิดไม่ถึงว่าเพียงเขียนจดหมายไปฉบับเดียว นางถึงกับ…”
“หรือนางอาจจะแอบชอบเจ้ามานานแล้ว เพียงแค่ไม่ยอมบอกกล่าว”
จักรพรรดินีมองหรงจิ้นพลางอมยิ้ม
“สำหรับแม่นางอย่างเรา ความรักนั้นถือเป็นสิ่งที่เอื้อนเอ่ยออกมาได้ยากที่สุด”
หรงซิวกำลังนั่งเขียนอันใดบางอย่างอยู่ในห้องทำงาน
ส่วนเยี่ยนชิงและอวี๋มั่วก็ยืนรออยู่ห่างๆ
แสงไฟจากตะเกียงแก้วแปดเหลี่ยมสะท้อนบนใบหน้าขาวเนียนเสมือนหยกของหรงซิว
เขาหลับตาลง เมื่อแสงไฟกระทบกับขนตายาวหนาของเขา ก็เกิดเงาจางๆ ใต้เปลือกตา หากใครมาเห็นเขาเช่นนี้คงคิดว่าภาพตรงหน้านั้นราวกับควันสีเข้มที่ลอยอยู่เหนือแสงจันทร์อันเจิดจ้า ทั้งเย็นเยียบและมีสง่าราศี
หลังจากผ่านครู่หนึ่ง ในที่สุดเขาก็หยุดเขียน
เยี่ยนชิงกับอวี๋มั่วรู้สึกกระปรี่ประเปร่าขึ้นทันที พลันเงยหน้าสอดส่ายสายตามอง
หรงซิวหยิบสิ่งที่เขียนขึ้นมาอ่านอีกครั้ง แล้ววางลงบนหยกสี่เหลี่ยมที่แวววาวตรงหน้าเขา
เมื่อของสองชิ้นสัมผัสกัน แสงเรืองรองจางๆ ก็ปรากฏขึ้นบนหยกสี่เหลี่ยม
จากนั้นส่วนปลายยอดของหยก ก็ยุบลงไป กลายเป็นแอ่งน้ำตื้นเล็กๆ ที่มีเส้นทางคดเคี้ยวอยู่ข้างใน
ก่อนที่สิ่งนั้นสลายตัวเมื่อสัมผัสกับน้ำ และกลายเป็นกลุ่มคลื่นแสงที่ลอยละล่องอยู่เหนือผิวน้ำ
ชั่วขณะหนึ่งที่แสงนั่นได้จางหายไป ผิวน้ำก็กลับมาสงบอีกครั้ง และค่อยๆ แทรกซึมกลับเข้าไปในหยก แล้วสลายไปจนหมด
หากมองดูเผินๆ มันต่างจากหยกธรรมดาที่หาได้ทั่วไป
หรงซิวผลักสิ่งนั้นไปข้างหน้าและพูดเบาๆ ว่า
“ส่งมันกลับไป”
เยี่ยนชิงก้าวไปข้างหน้าและหยิบมันขึ้นมาอย่างระมัดระวัง
ทว่าทันใดนั้น เขาก็สังเกตุเห็นแสงสีทองกระจุกหนึ่งปรากฏขึ้นบนแขนเรียวยาวและปลายนิ้วของหรงซิว!
เขาอุทานด้วยความตกใจ
“หลีอ๋อง!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์
สนุกมากค่ะ...
อ่านสนุกมากค่ะ ติดตามอ่านทุกตอน...