“เป็นไปไม่ได้! เจ้าโกหก!”
ในที่สุดฮองเฮาที่กรีดร้องเสียงแหลมออกมาอย่างทนไม่ได้
มือของนางสั่นดิกๆ พร้อมชี้ไปที่หรงจิ่วอย่างโมโห ใบหน้าที่ได้รับการดูแลเป็นอย่างดี ก็เริ่มบิดเบี้ยวมากขึ้น
“เจินเจินหายไปอย่างไร้ร่องรอยแล้ว!”
นางขาดการติดต่อกับหรงเจินไปหลายวันแล้ว หากหรงเจินอยู่ที่ชีเจี่ยวเซี่ยงจริงๆ เหตุใดนางถึงไม่รู้เรื่องล่ะ
ก่อนหน้านี้นางให้คนของตระกูลซือต้นหาทั่วทั้งเมืองหลวงแล้ว ก็ยังไม่ได้ข่าวคราวอันใดเลย
หลังจากเรื่องถูกเปิดเผย จักรพรรดิจยาเหวินก็ส่งคนไปค้นหาโดยรอบ แต่ก็ไม่ได้เบาะแสอันใดเลย
นางจึงสงสัยว่า หรงเจินอาจจะถูกพาตัวออกจากเมืองหลวงไปแล้ว
แต่ตอนนี้หรงจิ่วกลับกระโดดออกมาพูดว่าหรงเจินยังอยู่ที่ชีเจี่ยวเซี่ยง นี่มันเรื่องบ้าอันใดกัน?
หรงจิ่วมองนิ้วชี้ของนางที่แทบจะชี้มาที่ใบหน้าของเขาแล้ว มุมปากของเขากระตุกขึ้น
“ฮองเฮาเหนียงเหนียงจะกระวนกระวายด้วยเหตุใด? เรื่องนี้จริงหรือหลอก แค่ส่งคนไปตรวจสอบ ความจริงก็ปรากฏขึ้นมาแล้วไม่ใช่หรือ? ไม่ว่าอย่างใดชีเจี่ยวเซี่ยงก็อยู่ในเมืองหลวง ส่งคนไปหาสักรอบ มันไม่เสียเวลาเกินไปหรอก”
“ไม่ได้!”
ฮองเฮาเถียงออกไปแทบจะในทันที
ทันทีที่นางพูดออกไป นางก็รู้สึกว่ามันมีพิรุธ จักรพรรดิจยาเหวินจึงพูดเสียงเย็นขึ้น
“เจิ้นว่า วิธีนี้ก็เป็นวิธีที่ดี ในเมื่อหรงจิ่วบอกว่าหรงเจินอยู่ที่นั่น เช่นนั้นก็ส่งคนไปหาก็พอแล้ว หากหาเจอ ก็พิสูจน์ได้ว่าคำพูดของหรงจิ่วเป็นความจริง หากหาไม่เจอ…หรงจิ่ว เจ้ารู้ใช่หรือไม่ว่าผลลัพธ์จะเป็นอย่างใด?”
สีหน้าของหรงจิ่วดูเฉยเมย
“ลูกทราบ หากหรงเจินไม่ได้อยู่ที่ชีเจี่ยวเซี่ยง ลูกจะไม่ออกจากเมืองหลวงอีกเลย”
จักรพรรดิจยาเหวินชะงักไป คิดไม่ถึงว่าหรงจิ่วจะทำตามคำขอด้วยตนเองเช่นนี้
ความจริงแล้วในตอนนี้ เขากำลังครุ่นคิดเรื่องจัดการหรงจิ่ว
ให้กลับไปที่กองทัพซีเป่ยหรือ? เป็นไปไม่ได้ แบบนั้นเท่ากับปล่อยเสือเข้าป่า
ให้เขาอยู่ที่เมืองหลวง? มันก็ไม่เหมาะสม
หรงจิ่วได้ประโยชน์ทางทหาร อีกทั้งหากไล่เขาออกจากตำแหน่งทหารในตอนนี้ มันจะชัดเจนเกินไป
ความจริงแล้ว ก่อนหน้านี้จักรพรรดิจยาเหวินได้ฎีกามาไม่น้อยเลย เพื่อให้หรงจิ่วกลับไปอยู่ที่กองทัพซีเป่ย
แต่เขามีความกังวล และผลัดเรื่องนี้ออกไปอยู่เรื่อยๆ
แต่อย่างใดก็ตามครั้งนี้หรงจิ่วกลับพูดเรื่องนี้ขึ้นมาเอง ขอเพียงแค่ไม่เจอหรงเจินที่ชีเจี่ยวเซี่ยงก็พอ เขาจะได้อยู่ที่เมืองหลวงตลอดไป
ความจริงจักรพรรดิจยาเวินก็อยากให้หาหรงเจินเจอ แต่ก็หวังว่าจะใช้โอกาสนี้จะใช้หรงจิ่วอยู่ที่นี่ได้
ไม่ว่าจะเป็นทางไหนก็ดีสำหรับเขาทั้งนั้น
ดังนั้นเขาจึงตอบข้อตกลงอย่างไม่ลังเล
“เจิ้นจะไปหาด้วยตนเอง หมินกงกง! ไปเตรียมตัวเดี๋ยวนี้”
ขาทั้งสองข้างของฮองเฮาอ่อนแรง จนแทบจะล้มไปกองที่พื้นแล้ว
“ฝ่าบาท ไม่ได้เด็ดขาดเลยนะเพคะ”
ทุกคนต่างมองออกว่าตอนนี้ฮองเฮาดูกังวลใจมากเพียงใด จักรพรรดิจยาเหวินเองก็มองออกเช่นกัน
ยิ่งเป็นเช่นนี้ ยิ่งต้องไป
“ฮองเฮา เจิ้นแค่จะไปหาหรงเจินเท่านั้น เจ้าจะมาห้ามด้วยเหตุใด มันมีอันใดกันแน่? เจ้าไม่อยากให้เจิ้นหาหรงเจินเจอ หรือว่า…เจ้ามีเหตุผลอย่างอื่นอยู่?”
เสียงของจักรพรรดิจยาเหวินไม่ดังมาก แต่บรรยากาศดูคุกคามอย่างมาก คำพูดทุกคำเหมือนมีมีดมาทิ่มแทงเข้าที่หัวใจของฮองเฮาอย่างรุนแรง
นางอยากจะห้ามไม่ให้จักรพรรดิจยาเหวินไป แต่ด้วยสถานการณ์แบบนี้ ไม่ว่าจะพูดอย่างใด มันก็รู้สึกผิดปกติอย่างมาก
ในที่สุดหรงจิ้นก็ได้สติกลับคืนมา จึงไปพยุงตัวฮองเฮา
“เสด็จแม่! เหตุใดท่านต้องเป็นขนาดนี้ด้วย? มันก็แค่ซอยซอยหนึ่งไม่ใช่หรือ? เสด็จพ่อจะไป เหตุใดท่านจะต้องไปห้ามด้วย”
หากทำเช่นนี้กับเสด็จพ่อ ไม่มีข้อดีอันใดหรอก!
ฮองเฮาไม่มีแรงหันมามองหรงจิ้นแล้ว น้ำตาร่วงไหลอีกครั้ง
เขารู้อันใดหรือ…
จู่ๆ ฉู่หลิวเยว่ลุกขึ้นยืนพรึ่บ พร้อมกล่าวเสียงเบาๆ
“ฝ่าบาท หม่อมฉันจะไปกับฝ่าบาทด้วย”
จิตสังหารแผ่กระจายออกจากร่างกายของหรงจิ่วบางๆ
คนที่ผ่านสมรภูมิรบ ฆ่าคนมามากมาย หรงจิ้นจะเป็นคู่มือของเขาได้อย่างใด?
ใบหน้าของหรงจิ้นซีดขาวไปหมดแล้ว ในที่สุดหรงจิ่วก็ปล่อยมือ เขาส่งสายตาเป็นการเตือน จากนั้นก็หันหลังกลับไป
หรงจิ้นแทบจะระเบิดด้วยความโกรธแล้ว แต่ก็ไม่กล้าพูดอันใด
ฮองเฮาพยายามจะลุกขึ้นยืน
นางต้องไป
นางจะต้องไปให้ได้
เมื่อหรงจิ้นเห็นดังนั้น ก็รีบพยุงนางขึ้นมา พร้อมมองไปที่ซือถูซิงเฉินที่ยืนอยู่ข้างๆ
“ซิงเฉิน เจ้าเหม่ออันใดอยู่? รีบมาพยุงเสด็จแม่เร็ว”
เขาไม่เคยเห็นเสด็จแม่สติแตกขนาดนี้มาก่อนเลย
ตั้งแต่ตอนแรกซือถูซิงเฉินก็รู้สึกแล้วว่ามันมีอันใดผิดปกติ
แต่เมื่อได้ยินหรงจิ้นพูดเช่นนั้น ในใจเต็มไปด้วยความรังเกียจ
นี่มีอันใดผิดพลาดหรือเปล่า?
เขาไม่เห็นหรือว่าตอนนี้ฮองเฮาดูสกปรกและจนตรอกขนาดนี้ นางจะไปพยุงได้อย่างใด!?
“ซิงเฉิน?!”
หรงจิ้นเห็นว่าซือถูซิงเฉินไม่ได้ตอบอันใด จึงคิดว่านางได้ยินไม่ชัด จึงตะโกนให้ดังขึ้น
ซือถูซิงเฉินกดความรู้สึกรังเกียจที่อยู่ในใจลง นางเดินขึ้นมาด้านหน้า ใช้แขนเสื้อมาคลุมนิ้วมือ จากนั้นก็ช่วยพยุงฮองเฮา เหมือนว่าฮองเฮาเป็นตัวเชื้อโรคที่สามารถแพร่ระบาดมาถึงนางได้
หรงจิ้นมองไม่เห็นการกระทำของนาง ในใจคิดแต่ว่าจะต้องตามเสด็จพ่อไปให้เร็วที่สุด
ฉู่หลิวเยว่เดินตามจักรพรรดิจยาเหวินอยู่ไม่ไกล ตอนนั้นนางก็กำลังคิดอันใดสักอย่างอยู่ แต่ก็ได้ยินเสียงอันใดสักอย่างอยู่ด้านหลัง จึงหันไปมอง พบว่าหรงจิ้นและซือถูซิงเฉินกำลังพยุงฮองเฮาเดินตามมา
มุมปากของนางโค้งขึ้นเป็นรอยยิ้มที่สดใส
“จริงสิ หม่อมฉันยังไม่ได้แสดงความยินดีสำหรับงานหมั้นของรัชทายาทและซือถูซิงเฉินเลยนะเพคะ ในตอนนี้ หม่อมฉันขออวยพรว่า ถือไม้เท้ายอดทอง ตะบองยอดเพชร อยู่ด้วยกันจนแก่เฒ่านะเพคะ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์
ขอบคุณมากค่ะ สนุกมากกกค่ะ...
สนุกมากค่ะ...
อ่านสนุกมากค่ะ ติดตามอ่านทุกตอน...