เข้าสู่ระบบผ่าน

ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ นิยาย บท 399

สิ้นเสียงดังกังวานนั่น พื้นที่รอบๆ ฐานบัลลังก์ก็แตกออกทันที!

รอยร้าวแผ่ขยายออกจากฐานบนบัลลังก์ กระจายไปทั่วทุกสารทิศ!

จากนั้นก็มีบางอย่างพุ่งออกมาจากรอยแตกนั่น!

ฉู่หลิวเยว่จ้องมองตาไม่กะพริบ ก่อนจะพบว่ามันคือ…ทรายสีทอง!

ทรายจำนวนนับไม่ถ้วนที่ส่องแสงสีทองจางๆ ราวกับน้ำพุ พุ่งทะลักออกมาจากใต้พื้นดินไม่หยุดหย่อน!

ทว่าทรายเหล่านี้ไม่ได้กระจายออกไปโดยรอบ แต่มันกลับค่อยๆ ก่อตัวสูงขึ้นเรื่อยๆ!

ตอนนั้นเองที่ฉู่หลิวเยว่ตระหนักได้ว่า นั่นไม่ใช่ทรายจริง แต่เป็น…หินแร่ผลึกที่ถูกบดละเอียด!

เศษหินแร่ผลึกที่ถูกบดละเอียดเหล่านั้นค่อยๆ รวมตัวกัน แล้วจับตัวกันเป็นก้อน พลันปรากฏเป็นผลึกบางๆ รูปทรงห้าเหลี่ยมขนาดเท่าเล็บมือ ที่ดูแปลกประหลาด

และผลึกบางห้าเหลี่ยมเหล่านี้ ก็มาเชื่อมต่อกัน ก่อตัวสูงขึ้นไปทีละชั้น

ทว่าผลึกบางๆ ด้านบนนั้นไม่ได้เชื่อมต่อกันอย่างใกล้ชิดทั้งหมด ตรงกันข้าม ผลึกส่วนใหญ่อยู่ห่างกันราวกับถูกรวมเข้าด้วยกันตามรูปแบบที่แปลกประหลาดบางอย่าง

และในไม่ช้า กำแพงสีทองที่เปรียบเสมือนรั้วก็ปรากฏขึ้นด้านหน้าฉู่หลิวเยว่!

แต่ยังไม่หมดแค่นี้!

ผนังด้านข้างที่เหลือเองก็กำลังแตกร้าว และมีทรายหลั่งไหลเข้ามา!

ฉู่หลิวเยว่รู้ว่าตนนั้นไม่สามารถนั่งนิ่งๆ หรือรอให้ผนังผลึกบางๆ สีทองทับถมไปมากกว่านี้ได้ มิเช่นนั้น ยามที่นางต้องการจะออกไป มันจะยากขึ้นกว่าเดิมหลายเท่า!

นางผุดลุกขึ้นยืนทันควัน เพื่อเตรียมก้าวออกจากบัลลังก์นี่

แต่เมื่อนางยืนขึ้น การเคลื่อนไหวทั้งหมดรอบตัวนางก็พลันหยุดลงทันที!

ราวกับว่ามีใครบางคนกดปุ่มหยุดเวลา เพื่อหยุดเหตุการณ์ทั้งหมดนี้

ฉู่หลิวเยว่หยุดชะงัก พร้อมท่าทางที่เริ่มเคร่งเครียด

พลันก้าวไปข้างหน้าอย่างระมัดระวัง

หึ่ง!

จู่ๆ ก็มีเสียงอื้ออึงดังขึ้น!

พร้อมกับความว่างเปล่าตรงหน้าที่กำลังเกิดความผันผวน!

เส้นริ้วสีทองเสมือนสายน้ำ แผ่กระจายออกไปเงียบๆ แล้วหายแวบไป

ฉู่หลิวเยว่ตกใจสุดขีด จู่ๆ ก็มีค่ายกลเกิดขึ้นที่นี่!?

ยิ่งกว่านั้น เมื่อพิจารณาอย่างถี่ถ้วนแล้ว ค่ายกลนี้ ไม่ใช่สิ่งที่ตัวนางในปัจจุบันสามารถทำลายได้อย่างแน่นอน!

นางหันมองด้านข้างอีกครั้ง พลันขยับสองที

ปรากฏว่าบริเวณฐานบัลลังก์ทั้งหมด ถูกค่ายกลปกคลุมไว้หมดเสียแล้ว!

ฉู่หลิวเยว่ทรุดตัวนั่งบนบัลลังก์อีกครา

สสารทั่วทั้งสี่ทิศ กำลังก่อร่างสร้างตัวกันไม่หยุด!

เสียงของทรายละเอียดที่ไหลออกมาจนเกิดเสียงสวบสาบ แสงสีทองสว่างส่องทั่วพื้นที่ราวกับช่วงกลางวันที่แสงแดดเจิดจ้า

ทว่าหัวใจของฉู่หลิวเยว่กลับค่อยๆ จมลงสู่ก้นบึ้งอันมืดมิด

นางกวาดตามองไปรอบๆ แล้วสังเกตกำแพงผลึกสีทองบางๆ ที่ก่อตัวทับถมกันสูงเกินศีรษะมนุษย์ไปเล็กน้อย ภาพด้านหน้าทั้งหมดดูเหมือนกับเขาวงกตลึกลับที่คดเคี้ยว!

และนาง… ติดแหงกอยู่กลางเขาวงกตแห่งนี้!

ปึง!

ทว่า จู่ๆ ถวนจื่อก็กระโดดออกมา แล้วพุ่งตัวเข้าใส่ค่ายกล

จากนั้นก็เกิดเสียงกระทบอื้ออึง ตามมาด้วยร่างของเจ้าถวยจื่อที่กระเด็นตกลงมา

ฉู่หลิวเยว่ยื่นมือไปคว้าร่างของมันไว้อย่างรวดเร็ว

ถวนจื่อลูบหัวตัวเองปอยๆ

เจ็บจริงๆ เลย!

“ถวนจื่อ เจ้าไม่เป็นไรใช่หรือไม่?” ฉู่หลิวเยว่ถามด้วยความเป็นห่วง

ถวนจื่อยืนขึ้นด้วยความโมโหและพุ่งตัวใส่ค่ายกลตรงหน้าอีกครั้ง! ขณะเดียวกันก็พลันอ้าปากและกัดลงอย่างดุเดือด

ก๊อก!

ฉู่หลิวเยว่เบิกตากว้าง

เสียงมัน…ฟังดูแปลกๆ นะ…

เมื่อเห็นว่าตัวของถวนจื่อเหมือนจะติดอยู่กับค่ายกลตรงหน้า และขยับตัวดิ้นหนีไม่ได้ ฉู่หลิวเยว่จึงเอ่ยเรียกอีกครั้ง “ถวนจื่อ?”

ไม่ต้องรอให้มันตอบสนอง ฉู่หลิวเยว่ก็สังเกตได้เองว่าหางของมันกำลังสั่นเครือ

นางเริ่มกังวลมากขึ้นเรื่อยๆ พลางเอื้อมมือไปคว้าตัวถวนจื่อกลับมา

ถวนจื่อจึงใช้อุ้งเท้าน้อยๆ ของมันปิดหน้าปิดตาทันที

ฉู่หลิวเยว่รีบดึงกรงเล็บเหล่านั้นออก

“เหตุใดเจ้าถึงทำตัว…”

ทว่าพูดยังไม่ทันจบ นางกลับต้องเงียบเสียงลง

หนึ่งคนกับหนึ่งสัตว์ร้ายจ้องหน้ากันนิ่งๆ พร้อมดวงตาทั้งสี่ดวงที่ประสานกันอย่างแน่วแน่

และเพื่อบรรเทาความอับอาย ถวนจื่อจึงค่อยๆ ยิ้มเผล่ออกมา

ขณะที่ฉู่หลิวเยว่กำลังเผชิญกับสถานการณ์อลม่านอยู่ในสุสานของจักรพรรดิ บรรยากาศด้านนอกยอดเขาซีจินกลับเงียบสงบ ต่างจากด้านในสุดขั่ว

จงฉีและคนอื่นๆ ยืนอยู่บนยอดเขา พลางจ้องมองวงแหวนที่ยังคงหมุนช้าๆ ด้วยใบหน้าที่มืดมนสุดๆ

เนื่องจากคล้อยหลังสองร่างที่หลุดหายเข้าไปในวงแหวน ก็ไม่มีการเคลื่อนไหวอื่นใดเกิดขึ้นอีก

พวกเขาไม่สามารถผ่านวงแหวนเข้าไปในสุสานของจักรพรรดิได้ และทำได้เพียงยืนมองมันจากด้านข้างเท่านั้น มันเกินความสามารถของพวกเขาแล้วจริงๆ

และไม่มีผู้ใดรู้ว่าสถานการณ์ปัจจุบันภายในสุสานของจักรพรรดิเป็นเช่นไร

ยิ่งความเงียบก่อตัวมากขึ้นเท่าไหร่ พวกเขาก็ยิ่งกระสับกระส่ายมากขึ้นเท่านั้น

ทว่าไม่นานก็เกิดเสียงเปรี้ยงราวฟ้าผ่าขึ้นกลางอากาศ!

จงฉีรีบเงยหน้าขึ้นมองอย่างฉับไว และเมื่อเห็นผู้มาเยือน สีหน้าของเขาก็แปรเปลี่ยนไปด้วยความยินดี

“เยี่ยเหล่า!”

ซึ่งผู้มาเยือนที่ว่าก็คือ เยี่ยจือถึง

เดิมที่เขากำลังซ่อมแซมหอคอยจิ่วโยวอยู่ที่สำนักวิชา แต่เมื่อเขาเห็นดอกไม้ไฟแจ้งเตือน เขาก็รู้ทันทีว่ามีบางอย่างเกิดขึ้นกับสุสานของจักรพรรดิ ดังนั้นเขาจึงรีบมาที่นี่

ขณะที่เยี่ยจือถิงกำลังจะอ้าปากเอื้อนเอ่ย สายตากลับสังเกตเห็นวงแหวนอาคมที่หมุนอยู่รอบๆ ยอดเขาซีจินเสียก่อน พลันตกอกตกใจ

“สุสานจักรพรรดิถูกเปิดออกอย่างนั้นหรือ!?”

จงฉีกัดฟันยืนกันปากแน่นไม่ขยับเขยื้อน พร้อมก้มศีรษะลง

“ขออภัยเยี่ยเหล่า ทั้งหมดเป็นความผิดของข้า…สองคนนั้นจึงสบโอกาสทำเช่นนี้ได้!”

สีหน้าของเยี่ยจือถึงจริงจังขึ้นมาทันควัน

“สองคนหรือ? ระบุตัวตนได้หรือไม่?”

จงฉีละอายใจอย่างมาก “…ไม่ พวกเขาเคลื่อนไหวเร็วมาก กว่าเราจะรู้ตัว พวกนั้นก็ขึ้นมาถึงยอดเขาแล้วเปิดสุสานของจักพรรดิภายในได้อย่างรวดเร็ว พวกเรามาไม่ทัน…”

เยี่ยจือถิงถึงกับประหลาดใจ

“จะเป็นเช่นนั้นได้อย่างใด? เพราะหากไม่มีกุญแจ ก็ไม่สามารถข้ามผ่านค่ายกลของยอดเขาซีจินได้ แล้วพวกเขาจะลอบผ่านเข้ามาเงียบๆ ได้อย่างใด?”

จงฉีและคนอื่นๆ ยืนเงียบเป็นเป่าสาก

แต่จู่ๆ เยี่ยจือถิงก็เงียบไป

หรือว่า…สองคนนั้นจะมีกุญแจผ่านค่ายกลยอดเขาซีจินอยู่กับตัว!?

ทว่ากุญแจนั่นมีเพียงดอกเดียวเท่านั้น และผู้ที่ถือครองมันมาตลอดก็มีเพียงฝ่าบาทเท่านั้น!

“นอกจากฝ่าบาทแล้ว ยังมีคนอื่นถือครองกุญแจอีกหรือ!”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์