“มา ข้าจะพาเจ้าเที่ยวชมสำนักเทียนลู่!”
ไป๋เชินทั้งตื่นเต้นทั้งดีใจ เขาแทบรอไม่ไหวจึงรีบรับฉู่หลิวเยว่มาเป็นศิษย์
สุดยอดอัจฉริยะด้านปรมาจารย์เช่นนี้ ถ้าเขาพลาดไป ช่างน่าเสียดายอย่างยิ่ง!
เดิมทีเขาไม่พอใจเพราะถูกส่งตัวไปเป็นผู้คุมสอบ แต่ตอนนี้เขารู้สึกว่าตัวเองโชคดีมาก!
ใครมือยาวสาวได้สาวเอา เขาต้องชนะใจนางก่อนที่ตาแก่พวกนั้นจะรู้จักพรสวรรค์ของฉู่หลิวเยว่
เมื่ออดฉู่หลิวเยว่เห็นท่าทางของเขาก็หัวเราะเจื่อนๆ ไม่ได้
“อาจารย์ไป๋เชิน นี่มันเร็วไปหน่อยหรือ”
“ไม่เร็วๆ! ไม่เร็วไปเลยสักนิด เดิมทีเจ้าเข้าเรียนไม่ทันตั้งแต่เดือนแรกแล้ว ตอนนี้ผ่านไปครึ่งปีการศึกษาแล้ว เจ้าช้ากว่านักเรียนคนอื่นครึ่งปีเต็ม เจ้าต้องรีบไขว่คว้าถึงจะถูก อย่างน้อยที่สุด เจ้ามาทำความคุ้นเคยกับบรรยากาศกับข้าดีกว่า”
เมื่อพูดถึงตรงนี้ จู่ๆ เขาก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้แล้วตบเขาฉาด
“จริงสิ หลังจากเข้าเรียนแล้ว เจ้าจะอยู่บ้านหรืออยู่ที่สำนัก หากเจ้าจะอยู่ที่สำนักล่ะก็ ข้าจะรีบสั่งให้คนไปจัดการที่พักให้เจ้าเดี๋ยวนี้!”
ปกติศิษย์สำนักเทียนลู่สามารถเลือกได้อย่างอิสระ
ซึ่งโดยทั่วไปลูกศิษย์ที่มีบ้านอยู่ในเมืองหลวงก็มักจะเลือกอยู่บ้านมากกว่า
คนที่มาจากนอกเมืองหลวงส่วนใหญ่มักจะพักอยู่ในสำนัก
สำนักเทียนลู่เป็นสำนักแห่งแรกในแคว้นเย่าฉิน และแน่นอนว่าสภาพไม่เลวร้ายย่ำแย่ แต่เมื่อเปรียบเทียบกับบ้านเรือนตระกูลต่างๆ ในเมืองหลวงแล้วกลับดูเรียบง่ายกว่ามาก
ดังนั้นลูกศิษย์จำนวนมากจากครอบครัวชนชั้นสูง นอกเหนือจากการฝึกฝนในวันธรรมดาแล้ว มักจะใช้เวลาอยู่ที่บ้านมากกว่า
จะว่าไป อันที่จริงฉู่หลิวเยว่ก็เป็นถึงทายาทคนโตของตระกูลฉู่ แต่ไป๋เชินรู้ดีแก่ใจ นางถูกกล่าวหาว่าเป็นคนไร้ความสามารถมานับสิบปี ชีวิตของฉู่หลิวเยว่คงไม่ดีไปกว่านี้อีกแล้ว
ยิ่งไปกว่านั้น นางเพิ่งยกเลิกสัญญาหมั้นหมายกับองค์ชายรัชทายาท และตอนนี้กำลังอยู่ท่ามกลางคลื่นลมที่ไม่สงบ
เกรงว่าคนในตระกูลฉู่น้อยคนนักที่จะปฏิบัติต่อนางอย่างจริงใจ
เมื่อเห็นว่าไป๋เชินมีน้ำใจเช่นนี้ ฉู่หลิวเยว่รู้สึกอบอุ่นในใจ เมื่อรู้ว่าเขาพิจารณาเรื่องนี้แทนตัวนางเอง ดังนั้นนางจึงโค้งคำนับให้แก่เขา
“เช่นนั้น ข้าขอบคุณอาจารย์ไป๋เชินมากเจ้าค่ะ”
ไป๋เชินรู้สึกปลาบปลื้มและโบกมือ
“จากนี้ไป ข้าก็ถือว่าเป็นอาจารย์ของเจ้าแล้ว เรื่องเล็กแค่นี้มีอะไรน่าขอบคุณกันล่ะ หากเจ้าไม่มีธุระอื่น เดี๋ยวเข้าสำนักไปกับข้าเลยดีหรือไม่”
ฉู่หลิวเยว่พยักหน้า
“ดี”
เมื่อพูดจบ ทั้งสองก็พากันเดินเข้าไปในสำนักเทียนลู่
ในเวลานี้ ทุกคนที่รายล้อมก็ได้นึกขึ้นได้ว่าเกิดอะไรขึ้น เมื่อมองไปที่เด็กหญิงร่างผอมบาง ทันใดนั้นพวกเขาก็ถึงกับพูดไม่ออก!
ใครจะไปคาดคิดว่านางทำสำเร็จมาจนถึงก้าวนี้ได้
เมื่อดูจากท่าทางของไป๋เชิน เห็นได้ชัดว่านางมีความสำคัญต่อเขามาก!
ต่อไปฉู่หลิวเยว่คงไม่ใช่คนไร้ความสามารถของตระกูลฉู่ที่ใครจะรังแกก็ได้คนนั้นเหมือนอดีตอีกแล้ว
เมื่อเดินไปไม่กี่ก้าวก็มาถึงหน้าประตู ฉู่หลิวเยว่หยุดฝีเท้า แล้วนางก็ค่อยๆ กวาดสายตามองคำสี่คำที่เขียนว่า “สำนักเทียนลู่”
นับตั้งแต่นี้เป็นต้นไป ในที่สุดนางก็ได้เข้าสำนักอันดับหนึ่งในแคว้นเย่าเฉิน!
แต่นี่ก็เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์