“อย่างนี้นี่เอง”
ฉู่หลิวเยว่พยักหน้าทันทีและดูเหมือนจะถามด้วยความสงสัยเล็กน้อย
“ที่เรียกว่าเทียนหยวนฝูต้งหรือถ้ำกำเนิดพลัง มันมีพลังมหาศาลขนาดนั้นเชียวหรือ”
“นั่นมันแน่นอนอยู่แล้ว!”
ไป๋เชินยกนิ้วชี้ไปยังทิศทางหนึ่ง
“เห็นเจดีย์จิ่วโยวตรงนั้นหรือไม่ ตรงนั้นเป็นสถานที่ที่ใกล้เทียนหยวนฝูต้งที่สุด พลังแห่งฟ้าดินในนั้นยิ่งแข็งแกร่ง! และมากกว่าหลายเท่า หากฝึกยุทธ์ในนั้น อาจกล่าวได้ว่าได้ผลสองเท่าแม้ใช้ความพยายามเพียงครึ่งเดียว!”
ฉู่หลิวเยว่มองด้วยสายตาแน่วแน่แล้วเผยรอยยิ้ม
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ถ้าอยู่ในนั้นหนึ่งปีเท่ากับฝึกอยู่ข้างนอกหลายปีใช่หรือไม่เจ้าคะ”
“ฮ่าฮ่า! ถึงจะพูดกันเช่นนั้นแต่ก็ใครสามารถอยู่ในนั้นได้นานหรอก! พลังในเจดีย์จิ่วโยวมีมากมายมหาศาล ด้วยเหตุนี้ มันจึงสร้างแรงกดดันอย่างมากต่อร่างกายของผู้ฝึกยุทธ์! ถึงแม้จะเป็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นที่สามก็ตามแต่อยู่ในนั้นได้ครั้งละไม่เกินสามวัน! ถ้าฝืนอยู่ในนั้น ไม่เพียงแต่จะส่งผลเสียต่อการฝึกฝนเท่านั้น แต่ยังเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิตอีกด้วย!”
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ ไป๋เชินก็ยิ่งมีสีหน้าเคร่งเครียด
“โลภมากมักลาภหาย เจ้าคงเข้าใจดี”
ฉู่หลิวเยว่พยักหน้า
“แต่เจดีย์จิ่วโยวไม่สามารถเข้าไปโดยพลการ เจ้ารู้แค่นี้ก็พอแล้ว”
ไป๋เชินเหลือบมองฉู่หลิวเยว่
“หากมีเวลาเจ้าก็ลองศึกษาเรื่องค่ายอาคมจะดีกว่า”
ฉู่หลิวเยว่ยิ้มโดยไม่พูดอะไร
นางเข้าใจความหมายที่ไป๋เชินสื่อดี…นางเป็นคนที่มีชีพจรไม่สมบูรณ์ ไปที่นั่นก็ไม่มีประโยชน์อะไร
มีเพียงปรมาจารย์เท่านั้นที่ไม่มีข้อกำหนดใดๆ เกี่ยวกับชีพจรของผู้ฝึกฝน ตราบใดที่สามารถสัมผัสได้ถึงพลังแห่งฟ้าดินก็เพียงพอแล้ว
สิ่งที่อาจารย์กล่าวมา เขาได้พิจารณาแทนนางมาอย่างดีแล้ว
ฉู่หลิวเยว่ก็ไม่ได้อธิบายอะไรให้มากความอีก
อาจไม่ใช่เรื่องดีที่จะเข้ามาในฐานะอัจฉริยะด้านปรมาจารย์
ในอนาคตหลายๆ อย่างจะสะดวกขึ้นมาก และในขณะเดียวกันก็ต้องเหลือทางหนีทีไล่ให้ตัวเองด้วย
“ด้านนั้นเป็นสนามฝึกต่อสู้ของสำนัก ปกติเหล่านักเรียนก็จะมาฝึกซ้อมกันตรงนั้น ถัดจากนั้นคือลานประลองที่มีเอาไว้ให้นักเรียนท้าทายต่อสู้กัน”
ไป๋เชินพาฉู่หลิวเยว่เดินเข้าไปในสำนัก พร้อมกับเล่าเรื่องต่างๆ มากมายเกี่ยวกับสำนักให้นางฟัง
“แม้วันนี้จะเป็นวันเข้าเรียนของเจ้า เจ้าก็น่าจะรู้ดี ว่าสำนักรับแต่ผู้ที่มีความสามารถระดับสูง เพื่อที่จะดึงศักยภาพของพวกเขาให้ออกมาได้มากที่สุด ดังนั้นวิธีการสอนของสำนักค่อนข้างเฉพาะเจาะจง”
ไป๋เชินชูสามนิ้ว
“ในสำนักแบ่งออกเป็นสามประเภทใหญ่ๆ ได้แก่ผู้ฝึกยุทธ์ ปรมาจารย์และหมอเทวดา แต่ว่าจำนวนของปรมาจารย์มีแค่หนึ่งในสิบของผู้ฝึกยุทธ์ ส่วนนักเรียนหมอเทวดา…มีน้อยมาก มีเพียงแค่สิบกว่าคนท่านั้น”
และจำนวนคนในนั้น ผู้ที่จะสามารถสำเร็จเป็นหมอเทวดาที่แท้จริงได้ยังไม่ถึงหนึ่งในสามเลยด้วยซ้ำ
“หลังจากที่เข้ามาเรียนแล้ว พวกเขาจะได้รับมอบหมายให้ไปเรียนกับอาจารย์ที่แตกต่างกันตามคะแนนการสอบรับเข้าเรียน คนที่มีพรสวรรค์ความสามารถแตกต่างกันแน่นอนว่าอาจารย์ก็ต่างกัน เพียงแต่…ถ้าหากเป็นผู้ที่มีพรสวรรค์ชั้นเลิศ อาจารย์หลายๆ ท่านก็จะแก่งแย่งนักเรียนกัน เมื่อถึงคราวนั้น นักเรียนก็จะได้เป็นฝ่ายเลือกอาจารย์เอง”
ไป๋เชินพูดแล้วกระแอมไอ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์