ซือถิงมองหญิงสาวที่ปรากฏตัวตรงหน้าเขา และกวาดสายตามองนางอย่างรวดเร็ว
ไม่บาดเจ็บเลยสักนิด
ดูเหมือนนางจะไม่ได้เจออุปสรรคใดๆ เลยด้วยซ้ำ
แต่ทว่า นี่มันผิดปกติเกินไป
ถ้าระหว่างทางฉู่หลิวเยว่เลือกเดินผิดทาง เมื่อติดกับดักค่ายกล นางจะต้องเจออุปสรรคอะไรบางอย่างบ้างสิ
แต่ดูท่าทางนางราวกับมาเดินเล่นก็มิปาน
แต่ถ้าหากนางไม่เจอกับอุปสรรคใดๆ ล่ะก็ นางน่าจะมาถึงตั้งนานแล้ว อย่างน้อยก็น่าจะใช้เวลาพอๆ กับเขา
แต่กลับช้ากว่าเขาไปหนึ่งก้าว
ซือถิงจ้องหน้านางเพื่อต้องการเห็นอะไรบางอย่าง แต่ในส่วนลึกของแววตาเปล่งประกายกลับสงบนิ่ง ไม่เห็นสิ่งใดผิดแปลกไปทั้งนั้น
ดูเหมือนว่าไม่มีสิ่งใดในโลกนี้สามารถสั่นคลอนความคิดของนางได้
“เจ้าก็เร็วเหมือนกันนี่”
ซือถิงกล่าวสั้นๆ
ฉู่หลิวเยว่แบมือยักไหล่
“หากเทียบกับเจ้าแล้วข้ายังช้าไปหนึ่งก้าว”
ซือถิงไม่เอ่ยสิ่งใดอีก แล้วหันตัวออกไป
การแข่งขันครั้งนี้ไม่มีอะไรต้องร้อนใจ ตัวแปรเดียวอาจเป็นฉู่หลิวเยว่ผู้นี้ก็ได้
แต่เห็นได้ชัดว่านางไม่คิดที่จะแสดงพลังความสามารถที่แท้จริงออกมา หากเป็นเช่นนั้นค่อยหาเวลาสืบต่อภายหลังก็ไม่สาย
ฉู่หลิวเยว่ก็ไม่ได้พูดให้มากความแล้วเดินต่อไปข้างหน้า
เมื่อเดินผ่านที่ไหนสักแห่ง นางจ้องมองหินก้อนนั้นที่เหมือนหินโม่ตรงใต้ฝ่าเท้าของนาง
ใครจะไปคิดว่าตรงคือจุดศูนย์กลางของค่ายกล
หากมองดูผิวเผินก็เหมือนกับก้อนหินธรรมดาทั่วไป แต่ที่จริงแล้วมันกลับซ่อนเร้นพลังแกร่งกล้าที่สุดของค่ายกลเอาไว้อย่างแยบยล
ขอแค่เดินผ่านตรงนี้ไป ทางออกก็ไม่ไกลแล้วล่ะ
ร่างของซือถิงหายตัวไปอย่างรวดเร็ว และฉู่หลิวเยว่ก็ตามหลังเขาไปติดๆ
…
ซือถิงเดินออกจากป่าโดยไร้ซึ่งอุปสรรค พวกซุนจ้งเหยียนทั้งสามคนก็รออยู่ตรงนั้นก่อนแล้ว
เขาปลดธงลงมาอย่างง่ายดาย ในขณะเดียวกัน ดอกไม้ไฟก็พุ่งขึ้นจากธงสู่ท้องฟ้า
ปัง!
ด้วยดอกไม้ไฟที่บานสะพรั่งบนท้องฟ้าหมายความว่าได้มีผู้ชนะอันดับหนึ่งของการสอบปรมาจารย์แล้ว
“ซือถิง เจ้าก้าวหน้าขึ้นมากจริงๆ คราวนี้ใช้เวลาหาทางออกเพียงไม่ถึงครึ่งชั่วโมง”
ซุนจงเหยียนกล่าวชื่นชม
ซือถิงยกมือคารวะด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง
“ขอบคุณผู้อาวุโสซุนที่ชื่นชม ศิษย์ยังมีข้อบกพร่องอีกมาก”
“ปีนี้เจ้าอายุเพียงสิบห้าปี และเจ้าเป็นปรมาจารย์ขั้นที่สามแล้ว หวังว่าอนาคต อันดับหนึ่งนี้สมควรเป็นชื่อของเจ้าตลอดไป!”
ชายวัยกลางคนอีกหัวเราะชอบใจ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์