“โกหก!”
หยางเซิ่นเอ๋อร์ก้าวไปข้างหน้า พร้อมชี้หน้าด่าทอฉู่หลิวเยว่
“ข้าเห็นกับตาว่าเจ้าเป็นคนชิงกระบี่หลงหยวนไป!”
“จะจริงหรือหลอก ไว้ลองให้ผู้อาวุโสสักคนเข้าไปดูในอาณาเขตเซียนเทพของราชวงศ์ เดี๋ยวก็รู้เอง”
ฉู่หลิวเยว่ยกมือขึ้น แล้วปัดมือของหยางเซิ่นเอ๋อร์ออกไป
“แน่นอนว่าองค์หญิงสามก็สามารถเข้าไปตรวจสอบดูได้ด้วยตัวท่านเองนะเพคะ จะได้รู้ว่าใครกันแน่ที่โกหก”
ซั่งกวนหว่านกัดฟันกรอด
นางเองก็อยากเข้าไปใจจะขาด!
ทว่าชีพจรดั้งเดิมของนางเสียหาย หากเข้าไปก็มีแต่ตายสถานเดียว!
หนึ่งปีมานี้นางพยายามอย่างหนักเพื่อหลบซ่อนความจริงข้อนั้น และพยายามไม่ให้คนอื่นเห็นว่านางมีปัญหาในการฝึกตน
ซึ่งถ้านางย่างกรายเข้าไปในอาณาเซียนเทพของราชวงศ์ล่ะก็ เรื่องโกหกเหล่านั้นก็จะถูกเปิดเผยทันที!
นางระงับความโกรธและไม่เต็มใจไว้ พลันหันหลังกลับและเดินไปอยู่ข้างเจียงอวี่เฉิง
และเจียงอวี่เฉิงที่อ่านสีหน้านางออก ก็รีบเอ่ยออกมาทันควัน
“เดี๋ยวข้าจะให้ผู้อาวุโสตวนมู่เข้าไปตรวจสอบ”
ซั่งกวนหว่านพยักหน้าตอบ แต่อารมณ์ในใจของนางยังไม่สามารถสงบลงได้
เจียงอวี่เฉิงรู้ว่าวันนี้นางได้รับการกระตุ้นทางอารมณ์อย่างมาก โดยเริ่มจากฉู่หลิวเยว่ และตามด้วยเรื่องอาณาเขตเซียนเทพของราชวงศ์
หากอยู่ที่นี่ต่อไปคงไม่เหมาะแน่
เขาเบนสายตาไปมองพวกของฉู่หลิวเยว่
“เช่นนั้นก็หยุดเรื่องของพวกเจ้าไว้เท่านี้ก่อน และรอจนกว่าผลการตรวจสอบจะออกมา จากนั้นข้ากับองค์หญิงสามจะทำการพิจารณาอีกที”
ฉู่หลิวเยว่อยากจะออกไปนานแล้ว เพราะยิ่งเห็นใบหน้าของสองคนนั้น นางก็ยิ่งรู้สึกสะอิดสะเอียน
ถ้าอยู่ที่นี่นานกว่านี้ คงได้อาเจียนออกมาแน่นอน
ดังนั้นนางจึงรีบตอบโดยไม่ลังเล และหันหลังเตรียมเดินออกไป
“ไปกันเถอะ เสี่ยวโจว”
หยางเซิ่นเอ๋อร์หันมองหน้ากันกับหนิงเจียวเจียว
นี่มันอันใดกัน?
พวกนางทำงานหนักและวางแผนโค่นฉู่หลิวเยว่ลงมาจากตำแหน่งอย่างดี แต่สุดท้ายกลับได้ผลลัพธ์เช่นนี้หรือ?
หนิงเจียวเจียวเอ่ยถามอย่างไม่พอใจนัก
“องค์หญิงสามเพคะ ท่านไม่ควรปล่อยฉู่หลิวเยว่ออกไปง่ายๆ เช่นนั้นนะ เพคะ! นาง…”
“พวกเจ้าไม่ได้ฟังที่ข้าพูดไปเมื่อครู่หรือ?” เจี่ยงอวี่เฉิงขัดจังหวะหนิงเจียวเจียวด้วยท่าทางเย็นชา
หนิงเจียวเจียวถึงกับผงะ ก่อนจะพูดต่อช้าๆ
“ดะ ได้ยินเพคะ…ข้า พวกข้ากำลังจะไป…”
หยางเซิ่นเอ๋อร์อยากจะพูดอันใดบางอย่าง แต่หลังจากเหลือบไปเห็นสีหน้าของเจียงอวี่เฉิง นางก็รีบกลืนคำพูดเหล่านั้นกลับไป
แม้ว่านางจะเพิ่งมาที่ซีหลิงได้ไม่นาน แต่นางก็ได้ยินข่าวลือมากมายเกี่ยวกับเจียงอวี่เฉิง
ทางที่ดีอย่าเอาตัวเข้ายุ่งเกี่ยวกับชายผู้นี้จะดีกว่า
โฉวติ่งถอยหลังและเดินออกไปแล้ว
หยางเซิ่นเอ๋อร์กับหนิงเจียวเจียวนิ่งไปพักหนึ่ง แต่สุดท้ายก็ยอมจากไปอย่างไม่เต็มใจ
…
ทันทีที่เดินออกจากห้องนั้น ฉู่หลิวเยว่ก็เหลือบไปเห็นอวี้ฉือซงที่รออยู่ไม่ไกล
และมีเย่หรานหร่านยืนอยู่ข้างกัน
เมื่อได้ยินเสียงการเคลื่อนไหว ทั้งสองก็มองไปพร้อมกัน ดวงตาของพวกเขาเต็มไปด้วยความกังวล
เดิมทีพวกเขาอยากจะเดินเข้าไปหาคนทั้งสอง ทว่ารอบตัวนั้นเต็มไปด้วยผู้ที่อยู่ใต้บัญชาขององค์หญิงสาม ดังนั้นพวกเขาจึงทำได้เพียงยืนรอยู่ที่เดิม แล้วรอให้พวกของฉู่หลิวเยว่เดินออกมาเอง
“ฉู่หลิวเยว่ หว่านโจว เป็นอย่างใดบ้าง?”
พอพวกเขาเดินออกมา อวี้ฉือซงก็รีบพุ่งเข้าหาทันที
ฉู่หลิวเยว่ยิ้มตอบ
“พวกข้าน่ะหรือ? ก็แค่โดนองค์หญิงสามเรียกเข้าไปสอบถามเท่านั้น”
“จริงรึ?”
แน่นอนว่าอวี้ฉือซงไม่เชื่อง่ายๆ
ดูจากท่าทีของหยางเซิ่นเอ๋อร์เมื่อครู่แล้ว คงไม่น่าจะเป็นแค่เรื่องขี้ปะติ๋วแน่ๆ
“จริงแท้ ท่านว่าพวกเราดูเหมือนคนโดนเล่นงานมาหรือ? นี่ก็เย็นมากแล้ว ข้าว่าพวกเรารีบกลับกันจะดีกว่า?”
พออวี้ฉือซงเห็นว่าฉู่หลิวเยว่รู้สึกไม่สะดวกใจที่จะพูดอันใด เขาจึงไม่ถามคำถามใดๆ อีก และทำเพียงพยักหน้าตกลงกลับไป
“ดี! เช่นนั้นก็กลับกัน!”
…
หนิงเจียวเจียวที่เป็นถึงคุณหนูใหญ่จอมเอาแต่ใจ นั้นไม่ค่อยเจอคนปฏิบัติต่อนางแบบนี้ และไม่ต้องพูดถึงว่าอีกฝ่ายคือ หยางเซิ่นเอ๋อร์ที่ไม่ได้มีภูมิหลังใหญ่โตอันใดเลย!
นางกอดอกแล้วพูดอย่างเย็นชา
“เจ้าหมายความเช่นไร? เจ้าไม่ใช่หรือที่มาขอให้ข้าช่วยพูดเรื่องนี้ให้? เจ้าดึงข้าให้ตกต่ำ ทั้งๆ ที่เห็นได้ชัดว่ามันเป็นความผิดของเจ้า แต่ตอนนี้เจ้าก็ยังจะโทษข้าอีก!? ถ้าตอนนั้นเจ้ามองเห็นชัดๆ ไปเลยว่าใครหยิบไป เหตุการณ์คงไม่ผลึกผันเช่นนี้หรอก?”
หยางเซิ่นเอ๋อร์เหยียดยิ้ม
“มาถึงขนาดนี้แล้ว ถึงเจ้าจะพูดอันใดไปก็ไม่มีประโยชน์ รอผลการตรวจสอบของทางองค์หญิงสามเสียก่อนเถิด แล้วเจ้าค่อยมาถกเถียงกับข้าอีกครั้งก็ยังไม่สาย!”
“ถ้าเป็นอย่างที่ฉู่หลิวเยว่พูด… เจ้ากับข้าได้เห็นดีกันแน่!”
หนิงเจียวเจียวกดเสียงต่ำอย่างเอาเรื่อง พลันหมุนตัวออกไปทันที
สีหน้าของหยางเซิ่นเอ่อร์ยังคงเรียบเฉย แต่เมื่อนางนึกถึงท่าทางที่แน่วแน่ของฉู่หลิวเยว่เมื่อครู่ นางก็เริ่มใจเสียขึ้นมาอีกครั้ง
…
หลังจากคนเหล่านั้นออกไปแล้ว ก็เหลือเพียงซั่งกวนหว่านและเจียงอวี่เฉิงเท่านั้นที่ถูกทิ้งไว้ในห้อง
ซั่งกวนหว่านนั่งนิ่งอยู่บนเก้าอี้ด้วยท่าทางเศร้าสร้อย พร้อมความขุ่นเคืองในดวงตาของนาง
เจียงอวี่เฉิงเดินออกไปคุยเรื่องภารกิจที่ต้องทำหลังจากนี้กับฉานอี้และซุนฉี ก่อนจะเดินกลับเข้ามาและพบเข้ากับบรรยากาศอันอึมครึมนี้
เขาชะงักฝีเท้าลงพักหนึ่ง แล้วค่อยเดินเข้าไป
“หว่านเอ๋อ…”
“เจ้ารู้อยู่แล้วสินะ”
ซั่งกวนหว่านพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา
จนเจียงอวี่เฉิงขมวดคิ้วฉับ
“อันใดหรือ?”
ซั่งกวนหว่านเงยหน้าแล้วสบตาเขา
“ก่อนหน้านี้เจ้าเคยเห็นฉู่หลิวเยว่แล้ว เหตุใดเจ้าถึงไม่บอกข้าว่านางมีรูปลักษณ์เช่นนี้!?”
สุดท้ายก็วนเข้ามาเรื่องนี้จนได้
เจียงอวี่เฉิงแอบถอนหายใจ พลางเอ่ย
“ก็แค่คนหน้าคล้ายๆ กัน เหตุใดเจ้าถึงต้องใส่ใจขนาดนั้น?”
และจู่ๆ ซั่งกวนหว่านก็ส่งเสียงหัวเราะแปลกๆ ออกมา
“อ้อ? เจ้าคิดเช่นนั้นจริงๆ หรือ?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์
ขอบคุณมากค่ะ สนุกมากกกค่ะ...
สนุกมากค่ะ...
อ่านสนุกมากค่ะ ติดตามอ่านทุกตอน...