นางมาถึงที่นี่ได้อย่างใด!?
เจี่ยนเฟิงฉือหัวหมุน เข้าใจทันทีว่าฉู่หลิวเยว่มาทำอันใด…ชัดเจนว่ามาเพราะต้องการเงิน!
เมื่อคิดถึงตรงนี้ สีหน้าของเขาพลันมืดครื้ม
สุ่ยหลิ่วเอ๋อร์รีบกลับออกไปนั่งข้างนอกม่านกั้น และอยู่ในท่าเพิ่งบรรเลงเพลงจบ
“ก๊อก ก๊อก”!
เสียงเคาะประตูดังแว่วเข้ามา
สีหน้าของเจี่ยนเฟิงฉือยิ่งมืดครื้มกว่าเดิม
นางล้วนได้ยินหมดแล้วว่าพวกเขาอยู่ห้องรับรองใด ยังจะเคาะประตูเพื่ออันใดอีก?
สุ่ยหลิ่วเอ๋อร์เห็นเขาไม่ขยับ จึงก้าวไปเปิดประตูข้างหน้าให้แทน
ยามประตูใหญ่เปิดออก ใบหน้างดงามที่จำได้มิรู้ลืมของสตรีนางหนึ่งก็ปรากฏสู่ครรลองสายตา
สุ่ยหลิ่วเอ๋อร์เล่นดนตรีในหอคอยชุนเฟิงอยู่ทุกวัน พบเจอสตรีรูปร่างหน้าตางดงามมานับไม่ถ้วน ทว่ายามที่สตรีนางนี้ปรากฏสู่สายตา ราวกับว่านัยน์ตาของนางสว่างวาบไปชั่วขณะ
นางเผยยิ้มบางเบา
“มิทราบว่าคุณหนู…”
ฉู่หลิวเยว่พิศมองสตรีตรงหน้า นัยน์ตาปรากฏแววตระหนกผ่านวาบหนึ่ง
เหตุใดสุ่ยหลิ่วเอ๋อร์มาอยู่ที่หอคอยชุนเฟิงได้?
นางมิใช่คนจินชวนหรอกหรือ?
ครั้งหนึ่งเคยมีคำกล่าวแพร่หลายไปทั่วว่า ‘หลิ่วเอ๋อร์หนึ่งบทเพลงสะท้านจินชวน’
มันเป็นคำชมที่แสดงให้เห็นว่าสุ่ยหลิ่วเอ๋อร์นั้นเล่นผีผาได้ยอดเยี่ยมเพียงไร
จินชวนห่างกับซีหลิงหนึ่งพันลี้ เช่นนั้นนางมาที่นี่ได้อย่างใด?
สตรีในหอคอยชุนเฟิงล้วนขายฝีมือมิขายเรือนร่าง อีกทั้งค่าใช้จ่ายก็สูง คนท้องที่เข้ามายังหอชุนเฟิงแม้แต่ชาหนึ่งอึกยังดื่มกันไม่ลง ไม่ต้องพูดถึงการได้ฟังแม่นางเหล่านี้บรรเลงดนตรีและขับร้อง
ดูเหมือนว่าสุ่ยหลิ่วเอ๋อร์ได้กลายเป็นดาวเด่นของหอคอยชุนเฟิงไปแล้วเป็นที่เรียบร้อย
นางกดความตระหนกในใจลงไป ก่อนจะยิ้มแย้มพลางเอ่ย
“ข้าชื่อฉู่หลิวเยว่”
สุ่ยหลิ่วเอ๋อร์ตื่นตระหนก
ฉู่หลิวเยว่ นามนี้นั้นกระฉ่อนไปทั่วซีหลิง ไม่คาดคิดมาก่อนเลยว่าจะเป็นเช่นนี้
”ได้พบเจอคุณหนูฉู่ เป็นเกียรติของสุ่ยหลิ่วเอ๋อร์ยิ่ง”
ฉู่หลิวเยว่กวาดตามองเข้ามาในห้องแวบหนึ่ง
“ไม่ทราบว่านายน้อยเจี่ยนอยู่ข้างในหรือไม่?”
สุ่ยหลิ่วเอ๋อร์ผงกศีรษะแผ่วเบา
“สุ่ยหลิ่วเอ๋อร์ วันนี้ข้าไม่พบใครทั้งนั้น!”
แว่วเสียงเอื่อยเชื่อยของเจี่ยนเฟิงฉือลอยออกมาจากข้างในห้อง
สุ่ยหลิ่วเอ๋อร์ลอบก่นด่าเจี่ยนเฟิงฉืออยู่ในใจที่เอาตนมาเป็นโล่ ทว่านางก็ยังคงทำสีหน้าปั้นยากพลางมองไปยังฉู่หลิวเยว่
“คุณหนูฉู่ ท่านลอง…”
ฉู่หลิวเยว่เอ่ยขึ้นมาทันควัน
“พี่สาว สุ่ยหลิ่วเอ๋อร์ ปิ่นปักผมของท่านจะหลุดแล้ว”
“อ๊ะ?”
สุ่ยหลิ่วเอ๋อร์ลนลาน รีบหมุนกายเดินไปยังกระจกทองเหลืองเบื้องหน้า มองดูปิ่นปักผมบนศีรษะตนด้วยความระมัดระวัง
ฉู่หลิวเยว่อดไม่ได้ที่จะลอบยิ้มในใจ
สุ่ยหลิ่วเอ๋อร์ตรวจดูเครื่องประดับศีรษะอย่างเอาใจใส่ นอกจากผีผาแล้ว นี่ก็เป็นสิ่งที่นางให้ความสำคัญรองลงมา
ทว่ากลับไม่มีอันใดเคลื่อนแม้แต่น้อย
ฉู่หลิวเยว่อาศัยช่วงที่สุ่ยหลิ่วเอ๋อร์ส่องกระจก ก้าวเข้ามาในห้อง มุ่งตรงไปยังหลังม่านกั้น
เจี่ยนเฟิงฉือคาดไม่ถึงว่านางจะพุ่งตรงเข้ามา พลันแสดงสีหน้าทึ่มทื่อ…
“นายน้อยเจี่ยน ดูเหมือนว่าชีวิตท่านจะผ่านไปได้อย่างมีชีวิตชีวาเสียจริง! “
ฉู่หลิวเยว่ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่
ตอนที่ขึ้นมา นางได้ยินหมดแล้วว่าเจี่ยนเฟิงฉือมากอดสตรีที่นี่ คาดไม่ถึงว่าจะเป็นสตรีที่มีค่าตัวแพงที่สุดอย่างสุ่ยหลิ่วเอ๋อร์
ถ้าหากว่าไม่ใช่เพราะเงินเดิมพันที่ได้จากนาง เขาจะสุรุ่ยสุร่ายเช่นนี้ได้อย่างใด?
เจี่ยนเฟิงฉือโต้ตอบ
“เจ้าเข้ามาได้อย่างใด!? สุ่ยหลิ่วเอ๋อร์? สุ่ยหลิ่วเอ๋อร์!”
หลังจากสุ่ยหลิ่วเอ๋อร์กลัดปิ่นให้ตัวเองเรียบร้อยแล้ว ได้ยินเสียงเจี่ยนเฟิงฉือ หันกลับไปมองก็พบว่าฉู่หลิวเยว่เดินเข้ามาแล้ว นางตกตะลึงจนหัวใจแทบ “หล่น” ไปอยู่ตาตุ่ม
นางที่เพิ่งกุมชัยชนะจากงานหมื่นทูร แต่พอกลับไปแล้วดันคิดจะตัดความสัมพันธ์กับมู่ชิงเหอเช่นนั้นหรือ?
ฉู่หลิวเยว่เองก็ไม่คิดที่จะอธิบายให้เขาฟังมากนัก นางเล่าเพียงแค่ว่าตนเข้าร่วมกับสำนักชงซูเก๋อแล้ว ภายหลังคิดที่จะอาศัยอยู่ในซีหลิง ดังนั้นจึงคิดหาบ้านให้ตัวเองสักหลังหนึ่ง
“ของสิ่งใดในซีหลิงล้วนมีราคาสูง จะทำอันใดล้วนต้องใช้เงิน นายน้อยเจี่ยน หรือว่าท่านใจแข็งพอที่จะเห็นข้าเร่ร่อนอยู่ข้างถนน?”
คำพูดของฉู่หลิวเยว่นั้นมาจากใจจริง
ริมฝีปากของเจี่ยนเฟิงฉือสั่นระริกอย่างรุนแรง
นางน่ะหรือจะเร่ร่อนอยู่ข้างถนน?!
แค่นางไม่ทำให้ผู้อื่น เช่นเขา กลายเป็นคนเร่ร่อนข้างถนนก็ถือว่าดีเท่าไรแล้ว!
“นั่นก็…ความจริงแล้วตัวข้าเอาเงินก้อนใหญ่ไปลงเดิมพันในบ่อนหมดแล้ว บัดนี้ยังไม่ได้รับกำไรคืน ในระยะเวลาเพียงเท่านี้ไม่สามารถหาเงินจำนวนเยอะเพียงนั้นได้จริงๆ… มิเช่นนั้น ให้เจ้าก่อนสักส่วนหนึ่ง เป็นอย่างใด?” เจี่ยนเฟิงฉือเตรียมเจรจากับฉู่หลิวเยว่
ทว่าทันทีที่พูดจบ ก็ได้รับสายตาที่เปี่ยมไปด้วยความเหยียดหยามจากสุ่ยหลิ่วเอ๋อร์ที่อยู่ด้านข้าง
จิ๊ เมื่อครู่เจ้าคนนี้หยิบผนึกศิลาขาวหนึ่งแสนชิ้นออกมาแบบดวงตาแทบไม่กะพริบ มาบัดนี้กลับแสร้งว่ายากจนขึ้นมาทันทีทันใด!
ได้ยินเช่นนี้แล้ว เห็นได้ชัดว่าเขาสัญญาจะแบ่งเงินให้ฉู่หลิวเยว่ ทว่าตอนนี้คิดจะกลับคำพูด
เหอะ!
ดีจริงๆ!
นางก้าวไปข้างหน้า พลางเอ่ยชี้ชวนด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
“องค์ชายเจี่ยน แต่ไหนแต่ไรมาท่านรักษาคำพูดเสมอ อีกทั้งยังใจกว้าง บัดนี้คุณหนูฉู่ประสบพบความยากลำบาก ท่านคงนิ่งดูดายไม่ช่วยไม่ได้ มิใช่หรือ?”
ข่าวลือก่อนหน้าที่ว่าเจี่ยนเฟิงฉือมีใจแก่ฉู่หลิวเยว่ บัดนี้ดูอย่างใดก็ล้วนเป็นเรื่องเหลวไหลทั้งสิ้น!
เจี่ยนเฟิงฉือพลันรู้สึกถึงแรงกดดัน
ท้ายที่สุด เขาก็กัดฟันตอบ
“เช่นนั้นข้าจะหาทางรวบรวมเงินดู”
ระหว่างพูด เขาก็หยิบแหวนเฉียนคุนออกมาหนึ่งวง
จากนั้น ก็หยิบแหวนเฉียนคุนออกมาเพิ่มอีกหนึ่งวง
ในตอนที่เขาหยิบแหวนเฉียนคุนวงที่ห้าออกมา สีหน้าของสุ่ยหลิ่วเอ๋อร์ค่อยๆ นิ่งค้าง
ทว่าเจี่ยนเฟิงฉือก็ยังไม่หยุดมือ
…สรุปแล้วเขาชนะมาเท่าไรกันแน่!?
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์
ขอบคุณมากค่ะ สนุกมากกกค่ะ...
สนุกมากค่ะ...
อ่านสนุกมากค่ะ ติดตามอ่านทุกตอน...