ฉู่หลิวเยว่จ้องมองเชียงหว่านโจวตาไม่กะพริบ
เชียงหว่านโจวเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยว่า
“ทรายรวมศูนย์นั้นไวต่อเลือดมนุษย์มาก หากเจ้าใช้เลือดสดล่อมัน เจ้าจะรวบรวมมันได้อย่างรวดเร็ว แต่เจ้าต้องรอจนกว่าทรายทั้งหมดจะมารวมตัวเป็นก้อนผลึก ถึงจะเชื่อได้ว่าภายในระยะหนึ่งร้อยลี้นี้ ไม่มีทรายรวมศูนย์หลงเหลืออยู่แล้ว ถึงค่อยวางใจได้เต็มร้อยว่ามันถูกกำจัดอย่างสมบูรณ์แล้ว”
ฉู่หลิวเยว่ผงะเล็กน้อย
“เลือดสดๆ หรือ? ภะ… ภูเขาชิงหยวนใหญ่โตเพียงนี้ ต้องใช้เลือดมากมายขนาดไหนกัน?”
“ก็ไม่มากหรอก แค่ต้องเป็น…เลือดสดๆ”
เชียงหว่านโจวเน้นอีกครั้ง
“พูดตรงๆ ก็คือเลือดของคนเป็น”
ฉู่หลิวเยว่เข้าใจในทันที พลันหดตัวลง
“เจ้าหมายความว่า…จะใช้คนเป็นๆ เป็นเหยื่อล่อพวกมันหรือ?”
เชียงหว่านโจวพยักหน้า
“มีแค่วิธีนี้เท่านั้นที่สามารถดึงทรายรวมศูนย์ทั้งหมดออกจากดินได้ และมีแค่วิธีนี้ ที่เราสามารถกะเวลาโต้ตอบได้แม่นยำที่สุด จะช้าหรือเร็ว ก็ต้องรีบกำจัดมันออกให้หมด”
ฉู่หลิวเยว่ถามต่อ
“แล้วถ้ามันดีจริง เหตุใดเจ้าถึงไม่พูดถึงวิธีนี้ตั้งแต่แรก?”
เชียงหว่านโจวเงียบและไม่พูดอันใด
“เพราะคนๆ เดียวไม่สามารถทนพลังของทรายรวมศูนย์ได้ ใช่หรือไม่?” ฉู่หลิวเยว่ถามเบาๆ “หรือที่เจ้าบอกว่ามันไม่เป็นพิษต่อมนุษย์นั้น เป็นเรื่องโกหกทั้งเพ?”
“ข้าไม่ได้โกหกเจ้า”
เชียงหว่านโจวขัดจังหวะฉู่หลิวเยว่ราวรำคาญใจ
“พิษของทรายรวมศูนย์นั้นไม่ใช่ปัญหาใหญ่สำหรับมนุษย์ แต่ประเด็นหลักก็คือ…คือ…เมื่อทรายรวมศูนย์รวมตัวกันในร่างกายของมนุษย์ มันจะกลืนกินพลังดั้งเดิมในร่างกายอย่างรวดเร็ว ซึ่งหากพลังดั้งเดิมนั้นแข็งแกร่งพอที่จะรองรับการควบแน่นของมัน ก็ถือว่าดีไป แต่ถ้าหมดพลังไปเสียก่อน…มันก็จะเริ่มกัดกินร่างกายมนุษย์ เช่นเดียวกับสมุนไพรเหี่ยวๆ เหล่านั้นที่เจ้าเห็นเมื่อครู่”
ฉู่หลิวเยว่ถอนหายใจเฮือกใหญ่
“เป็นเช่นนี้นี่เอง”
เช่นนั้นก็มิใช่ปัญหาใหญ่แต่อย่างใด
เชียงหว่านโจวก้าวเท้าไปข้างหน้า พลางจ้องมองนางราวพินิจพิเคราะห์
“เจ้าคิดจะใช้ตัวเองเป็นเหยื่อล่อสินะ?”
ฉู่หลิวเยว่กะพริบตาปริบๆ เดิมทีนางอยากจะปฏิเสธ แต่เมื่อสายตาที่แน่วแน่ของเขา ก็จำต้องพยักหน้ายอมรับแต่โดยดี
“ไม่ได้!”
เชียงหว่านโจวคัดค้านทันควัน
“เหตุใดจะไม่ได้?” ฉู่หลิวเยว่ขมวดคิ้วมุ่น
“ไม่ได้ก็คือไม่ได้! ชงซูเก๋อมีสาวกตั้งเยอะแยะ เหตุใดเจ้าต้องทำด้วย?”
ใบหน้าที่คมสวยของเชียงหว่านโจวเต็มไปด้วยความโกรธ
เขารู้อยู่แล้วว่า ถ้าฉู่หลิวเยว่รู้วิธีนี้ นางต้องเสียสละตัวเองเพื่อช่วยคนอื่นแน่นอน!
ฉู่หลิวเยว่ถอนหายใจเบาๆ
“เสี่ยวโจว วันนี้ตอนที่ขึ้นมาบนภูเขา เจ้าก็เห็นแล้วหนิว่าคนพวกนั้นเป็นอย่างใด เจ้าคิดว่าพวกเขาจะทำได้เหมือนข้าหรือ?”
อย่าว่าแต่คนที่อ่อนแอกว่านางเลย แม้แต่คนแข็งแกร่งกว่านาง…ก็กลัวว่าจะทนไม่ไหวเหมือนกัน
แต่สาเหตุที่นางทำได้ นั่นเพราะในกายนี้มีหยดน้ำพิเศษซ่อนอยู่
ถึงนางจะไม่ได้บอกเรื่องนี้ให้เชียงหว่านโจวรู้ แต่ด้วยความเฉลียวฉลาดของเขา หลังจากที่ได้ติดตามและใช้ชีวิตด้วยกันมาพักหนึ่ง เขาน่าจะเดาได้ว่านางมีไพ่เด็ดที่แข็งแกร่งมากอยู่กับตัว
ยิ่งไปกว่านั้น เขาก็เคยเห็นกับตาไปแล้วว่า นางคือคนที่ดึงกระบี่หลงหยวนออกมาจากแท่นในวันนั้น
มีหรือที่นักรบระดับสี่ธรรมดาๆ จะสามารถทำเช่นนี้ได้?
“ไหนจะเจ้าสำนักเก๋อ และก็ผู้อาวุโสซย่าอี้นั่นอีก”
เชียงหว่านโจวกล่าวอย่างไม่พอใจ
ฉู่หลิวเยว่หัวเราะและขยี้ผมของเขาแรงๆ
“เจ้าสำนักเก๋อได้รับบาดเจ็บ เจ้าอย่าอ้างว่าไม่เห็นเชียวนะ และสำหรับผู้อาวุโสซย่าอี้…แม้ว่าเขาจะสบายดี แต่ตอนนี้เขาถือเป็นมือขวาหลักของชงซูเก๋อ ยังมีหลายสิ่งหลายอย่างที่เขาไปจัดการ…”
ไม่ใช่ว่าเรื่องนี้จะไม่อันตราย แต่ถ้ามีบางอย่างผิดปกติเกิดขึ้น…ชงซูเก๋อก็จะตกอยู่ในความโกลาหลอีกครั้ง
เชียงหว่านโจวปัดมือนางอย่างหงุดหงิด
“อย่างใดเจ้าก็จะทำให้ได้เลยสิ!? เจ้าแข็งแกร่ง แต่เจ้าไม่ได้เป็นอมตะนะ!”
ฉู่หลิวเยว่ตกตะลึง
นี่เป็นครั้งแรกที่เชียงหว่านโจวโกรธนางขนาดนี้ และเป็นครั้งแรกที่เขาปัดมือนางด้วย
อันที่จริงเมื่อชาติที่แล้ว แม้ว่านางจะเรียนการกลั่นโอสถกับอวี้ฉือซงมาเป็นเวลานาน แต่นางก็ไม่เคยเข้าร่วมกับเขาอย่างเป็นทางการเลยสักครั้ง
เดิมทีนางแค่ต้องการไปฝึกตน แต่เจ้าสำนักเก๋อกล่าวว่าสถานะของนางนั้นมีค่ามากเกินไป และเพราะค่อนข้างไว้เนื้อเชื้อใจ เขาจึงต้องการให้นางมีส่วนร่วมกับทางสำนัก ทว่าหากนางตอบรับเขาและกลายเป็นอาจารย์ประจำสำนักจริงๆ เช่นนั้นชงซูเก๋อทั้งหมดก็จะตกเป็นของนางผู้เดียว
จากนั้นภายในราชวงศ์เทียนลิ่งจึงมีกฎที่ว่ากันปากต่อปากว่า ห้ามมิให้องค์ชายและองศ์หญิงเข้าร่วมกับสำนักใดในเมืองซีหลิง
เพื่อหลีกเลี่ยงความสงสัย และเพื่อความสมดุล
แต่อันที่จริงตอนนั้น ในฐานะผู้สืบทอดราชสมบัติ นางแทบจะมีอำนาจเหนือชั้นศาลและคัดค้านข้อห้ามนั้นได้ ซึ่งถ้านางคิดจะทำล่ะก็ ย่อมไม่มีปัญหา
ทว่าอวี้ฉือซงก็ยังดื้อรั้น
ในใจของนางรู้สึกขอบคุณอวี้ฉือซงอย่างมาก
ฉะนั้นตอนนี้ หากนางสามารถทำอันใดเพื่อตอบแทนอวี้ฉือซงกับชงซูเก๋อได้ นางก็จะทำ
คำตอบนี้ทำให้เชียงหว่านโจวไม่สามารถแย้งได้
แม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่า เพราะเหตุใดเจ้าสำนักเก๋อและคนอื่นๆ ถึงมีความสำคัญต่อนางมาก แต่ในเมื่อนางพูดเช่นนั้น…
“เจ้าแน่ใจว่าทำได้แน่นะ?” เขายังรั้นถามต่อ
ฉู่หลิวเยว่พยักหน้าเป็นคำตอบ
เหมือนว่าเชียงหว่านโจวกำลังหวาดกลัว
แต่ตอนนี้มันไม่ใช่เวลาที่จะมาถามอันใดแบบนี้แล้ว
ในที่สุดเชียงหว่านโจวก็ยอมพยักหน้า
“ข้าจะปกป้องเจ้าเอง”
ฉู่หลิวเยว่แอบถอนหายใจอย่างโล่งอก
“ศิษย์น้องหญิง! ศิษย์น้องชาย! พวกเจ้าตรวจดูเสร็จแล้วหรือยัง? รีบออกมาเถิด! ถ้ามีคนมาเห็นเข้าล่ะก็ซวยแน่!”
ลู่เจือเหยาตะโกนเสียงต่ำจากนอกประตู
ฉู่หลิวเยว่กับเชียงหว่านโจวมองหน้ากันแวบหนึ่ง พลางหันหลังกลับและเดินออกไป
เมื่อเห็นทั้งสองคนออกมา หัวใจที่ตื่นตระหนกของลู่เจือเหยาก็ค่อยๆ สงบลง
จากนั้นฉู่หลิวเยว่ก็พูดว่า
“ข้าต้องไปพบเจ้าสำนักเก๋อ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์
ขอบคุณมากค่ะ สนุกมากกกค่ะ...
สนุกมากค่ะ...
อ่านสนุกมากค่ะ ติดตามอ่านทุกตอน...