บทที่ 568 เงิน [รีไรท์] – ตอนที่ต้องอ่านของ ยอดหญิงลิขิตสวรรค์
ตอนนี้ของ ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ โดย จ้าน นิชิโนะ ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายการเกิดใหม่ทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง บทที่ 568 เงิน [รีไรท์] จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที
“องค์ไท่จู่?”
ฉู่หลิวเยว่ถึงกลับกลืนไม่เข้าคายไม่ออก
จู่ๆ เหตุใดองค์ไท่จู่ถึงเข้ามามีส่วนร่วมด้วยเล่า?
“ท่านอย่าล้อข้าเล่นเลย”
ซั่งกวนจิ้งเอ่ยเสียงจริงจัง
“ข้าไม่ได้พูดเล่น แม้ว่าตอนนี้ข้าจะเป็นแค่เศษเสี้ยวของความคิดที่หลงเหลืออยู่ แต่ข้าก็ยังมีแรงช่วยเจ้า”
ฉู่หลิวเยว่รู้สึกอุ่นใจขึ้นมาเล็กน้อย
“เช่นนั้นข้าต้องขอบคุณท่านมากจริงๆ!”
ถึงมันจะแทบเป็นไปไม่ได้ แต่ในเมื่อองค์ไท่จู่พูดเช่นนี้ มันก็คุ้มค่าที่จะเสี่ยงแล้ว
“ไม่มีอันใดจะต้องขอบคุณ ข้าติดอยู่ในอาณาเขตเซียนเทพของราชวงศ์มานับพันปีแล้ว และข้าก็เบื่อมาก ถ้าข้าไม่ได้พบเจ้า ข้าคงไม่มีโอกาสได้ออกมา และ…ไม่รู้ว่าเพราะอันใด ช่วงนี้พลังของข้าจึงดูแข็งแกร่งขึ้น…”
ซั่งกวนจิ้งหรือองค์ไท่จู่เอ่ยด้วยความสงสัย
ฉู่หลิวเยว่เองก็พลอยตกใจไปด้วย
“ท่านเป็นเศษเสี้ยวความคิดมิใช่หรือ? แล้วจะพัฒนาพลังของท่านได้อย่างใด?”
“ข้าเองก็ไม่รู้”
ซั่งกวนจิ้งยังงงงวยมาก
แต่ในเมื่อมันเป็นสิ่งที่ดี ฉะนั้นเขาก็จะไม่คิดมากเกี่ยวกับเรื่องนี้
และการติดตามยัยหนูนี้ออกมาเจอกับโลกภายนอก ก็ไม่ใช่เรื่องเลวร้ายอันใด
ฉู่หลิวเยว่ไม่รู้เลยว่าควรหัวเราะหรือร้องไห้ดี หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง นางก็ทิ้งเรื่องพวกนี้ไว้เบื้องหลัง และเริ่มพูดคุยกับอวี้ฉือซงและเชียงหว่านโจว เพื่อแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับทรายรวมศูนย์
…
ที่ตำหนักหวู่ซวง
ทั้งภายในและภายนอกตำหนักอันงดงาม มีซากศพอยู่ทุกหนทุกแห่ง พร้อมทั้งธารโลหิตที่เจิ่งนองไปทั่ว
กลิ่นคาวเลือดแพร่กระจายขึ้นสู่ท้องฟ้าจนแทบสำลัก
ทหารจำนวนมากในชุดเกราะหนัก ได้ล้อมห้องโถงหลักของตำหนักหวู่ซวงไว้ทั้งหมด
และบริเวณตรงกลางห้องโถง ก็มีร่างของเจ้าของตำหนักอย่าง จางโหย่วฟาง ยืนอยู่
ข้างหลังเขามีคนยืนรอยู่ประมาณหนึ่งร้อยคน
ซึ่งแต่ละคนได้รับบาดเจ็บไปไม่มากก็น้อย ช่างดูน่าสมเพชยิ่งนัก
ในเวลานี้ สายตาของพวกเขาเอาแต่จับจ้องไปยังชายตรงหน้า!
ผู้ซึ่งแต่งกายด้วยชุดคลุมสีดำทั้งตัว
สายลมเย็นยะเยือกพัดผ่าน จนชายผ้าคลุมของเขาสะบัดเป็นเกลียวคลื่น ราวกับนักฆ่าผู้ยิ่งใหญ่!
ดวงตาอันลึกล้ำของเขาเปรียบเสมือนน้ำแข็งพันปี ที่เต็มไปด้วยจิตสังหารที่แข็งแกร่ง!
“หรงซิว! ตำหนักหวู่ซวงของข้าไปทำอันใดให้เจ้า เจ้าถึงได้มาฆ่าแกงกันเช่นนี้!?”
ดวงตาของจางโหย่วฟางแดงก่ำ และจ้องเขม็งไปยังหรงซิว ผู้ที่ทำลายตำหนักหวู่ซวงทั้งหมดอย่างไร้ความปราณี!
สีหน้าของหรงซิวยังคงเรียบเฉย นัยน์ตาคู่คมทอแสงเย็นชา พลางเอ่ยเสียงต่ำ
“ทำอันใดลงไปน่ะหรือ? ถึงคนอื่นจะไม่รู้ แต่เจ้าย่อมรู้อยู่แก่ใจดีมิใช่หรือ จางโหย่วฟาง? เจ้าคิดว่าพอออกจากพรมแดนม่านฟ้าได้แล้ว เจ้าจะสังหารข้าได้อย่างนั้นรึ?”
ริมฝีปากบางของเขายกขึ้นเล็กน้อย พร้อมดวงตาที่จดจ่อแน่วแน่
“พวกเจ้ามัน…อวดดีเกินไปแล้ว”
น้ำเสียงของเขานิ่งมาก ก่อนจะมองจางโหย่วฟางและคนพวกนั้นอย่างเฉยเมย และเย็นชาราวกับมองมดตัวหนึ่ง
จางโหย่วฟางยิ่งทวีความเกลียดชังขึ้นในใจ
หรงซิวไม่เคยเห็นหัวตำหนักหวู่ซวงของเขามาตั้งแต่แรก!
และสายตาที่มองมานั่น กำลังทำให้เขารู้สึกกว่าตัวเองกลายเป็นตัวตลกสำหรับอีกคน!
ถ้าเป็นไปได้ เขาอยากจะรีบฆ่าหรงซิวให้ตายๆ ไปเสีย!
แต่…เขาทำไม่ได้!
หากขอบเขตพลังของหรงซิวถูกระงับ เมื่อออกมานอกพรมแดนม่านฟ้า แค่เขาคนเดียว มันก็ยังพอจะมีความหวังอยู่บ้าง
ทว่าตอนนี้…
คนที่ต้องตายคงจะเป็นพวกเขามากกว่า!
ในใจจางโหย่วฟางรู้สึกเสียใจอย่างมาก
ถ้าวันนั้นเขาส่งคนไปมากกว่านี้ หรงซิวคงโดนเก็บไปแล้ว และจะไม่มีหายนะเช่นนี้เกิดขึ้นแน่นอน!
จางโหย่วฟางสูดหายใจเข้าลึกๆ และพูดว่า
“หรงซิว เจ้าช่างโหดเหี้ยมอำมหิตนัก เจ้าไม่กลัวว่านี่จะเป็นบ่อเกิดแห่งสงครามหรือไร!?”
ย้อนกลับไปตอนนั้น เนื่องจากเขารู้ว่าหรงซิวยังมีเรื่องให้คอยกังวล ดังนั้นเขาถึงกล้าทดสอบความอดทนของอีกฝ่ายซ้ำแล้วซ้ำเล่า
หลายครั้งที่หรงซิวถูกคุกคามและหมายเอาชีวิต แต่เขาก็ยังอดทน
แต่ครั้งนี้มันอันใดกัน?!
หรงซิวเผยยิ้มมุมปาก ทว่าดวงตาของเขากลับไม่ได้ยิ้มตาม
“ข้าให้โอกาสพวกเจ้าเกินพอแล้ว อีกอย่าง…ข้าก็ไม่ได้กลับมาเลยช่วงหนึ่ง จนทำให้เสียการปกครองไป แล้ววันนั้นตำหนักหวู่ซวงของพวกเจ้าก็เป็นฝ่ายเสนอหน้า และส่งคนไปสร้างความวุ่นวายแก่ข้า”
เมื่อก่อนเขาเอาแต่อดทนไม่โต้ตอบ ด้านหนึ่งเป็นเพราะเขากำลังเตรียมการ และในทางกลับกัน พวกเขายังจงใจดึงคนที่หลบซ่อนอยู่ในเงามืดเหล่านี้ออกมาด้วย
ในเมื่อวันนี้ทุกอย่างพร้อมแล้ว ก็ไม่ต้องกังวลอีกต่อไป
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์
สนุกมากค่ะ...
อ่านสนุกมากค่ะ ติดตามอ่านทุกตอน...