ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ นิยาย บท 57

ดวงตาของนางเป็นประกายวูบไหวเล็กน้อย และซ่อนแววตื่นตระหนกจนมิด จากนั้นจึงเผยสีหน้ามึนงงสงสัยออกมา

“ราชวงศ์เทียนลิ่ง?”

“เจ้าไม่รู้หรือ ก็จริงสินะ เมื่อก่อนเจ้าเอาแต่โดนโขกสับอยู่ในตระกูลฉู่ เป็นเรื่องปกติที่เจ้าจะไม่รู้เรื่องระดับนี้”

ซินหยางเพิ่งจะปรับสภาพอารมณ์ได้ อย่างน้อยเขาก็รู้เรื่องนี้มากกว่าฉู่หลิวเยว่ก็แล้วกัน

ในฐานะทายาทสายตรงของตระกูลซือ อันที่จริงเขาก็ได้ยินเพียงข่าวลือบางส่วนเท่านั้น แต่สิ่งนี้อยู่นอกเหนือการเข้าถึงของคนธรรมดาทั่วไปอยู่เหมือนกัน

ฉู่หลิวเยว่งอนิ้วมือ ทำเหมือนไม่แยแสคำพูดของซือหยาง นางกลับยิ้มให้แล้วเอ่ยว่า

“ทำไมหรือ ราชวงศ์เทียนลิ่งที่กล่าวถึงมีอำนาจยิ่งใหญ่มากเชียวหรือ”

“ไม่เพียงแค่ยิ่งใหญ่ แต่นั่นคือสิ่งที่พวกเราแคว้นเย่าเฉินกำลังจับตามองอีกด้วย แล้วก็…”

ซือหยางเอ่ยถึงเรื่องนี้ด้วยท่าทางตื่นเต้น แต่พอจะพูดต่อกลับถูกซือถิงปราดตามองอย่างห้ามปราม

“ซือหยาง”

ซือหยางรู้ตัวทันทีจึงทำเป็นกระแอมไอกลบเกลื่อน

“…รู้แล้วๆ เรื่องนี้ไม่ครพูดไปเรื่อยเปื่อย…”

ฉู่หลิวเยว่นิ่งเงียบครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยถาม

“เจ้าเพิ่งบอกว่าผู้ที่สอบได้ที่หนึ่งสามารถเข้าพบราชทูตของพวกเขาใช่ไหม”

ซือหยางเหลือบมองซือถิงอย่างระมัดระวัง เมื่อเห็นเขาไม่ได้ห้ามปรามอีกจึงพยักหน้าตอบฉู่หลิวเยว่

“ก็ใช่น่ะสิ! แม้พวกเราจะไม่มีโอกาสไปเยือนราชวงศ์เทียนลิ่ง แต่ถ้าได้เจอราชทูตหรือบุคคลสำคัญของพวกเขาก็นับว่ามีบุญวาสนาแล้วล่ะ!”

เขาพูดพลางชำเลืองมองฉู่หลิวเยว่แล้วส่ายศีรษะ

“เจ้าถามเรื่องพวกนี้ไปก็ไร้ประโยชน์ การสอบครั้งนี้ได้สิ้นสุดลงแล้ว เจ้าได้ที่สอง อย่างไรเสียก็ไม่มีโอกาสแล้วล่ะนะ”

ฉู่หลิวเยว่หลุบตาต่ำ

“ดูเหมือนเจ้า…สนใจเรื่องนี้มากจังเลยนะ”

จู่ๆ ซือถิงก็เอ่ยถาม

เขายืนอยู่ข้างกันนั้นกลับเห็นทุกอย่างชัดเจน หลังจากที่ฉู่หลิวเยว่ได้ยินเรื่องนี้แล้วเหมือนตัวนางจะดูผิดแผกไปเล็กน้อย

แม้นางจะสอบได้ที่สองไปเมื่อก่อนหน้านี้ แต่ท่าทางนางดูสงบนิ่งมาก ราวกับว่าไม่ได้นำเรื่องนี้มาเก็บใส่ใจตั้งแต่ทีแรก และทำเพียงให้มันผ่านๆ โดยไม่ตั้งใจไปเท่านั้น

แต่ทว่าเมื่อครู่นี้ ดูผิวเผินเหมือนนางจะถามไปเรื่อยเปื่อย แต่ในเมื่อนางเอ่ยปากถามแล้วนั่นแสดงว่านางสนใจเรื่องนี้จริงๆ

“ฟังจากที่ซือหยางกล่าวมา นี่คืโอกาสที่หายากยิ่งนัก ข้าแค่ไม่เคยรู้เรื่องนี้มาก่อนเท่านั้น ตอนนี้รู้แล้วก็อยากลองอีกสักครั้ง”

แม้การแสดงสีหน้าของฉู่หลิวเยว่จะดูเปิดกว้าง แต่ก็มาเจือความเสียดายอยู่หลายส่วน

“น่าเสียดาย…”

นางกลับชาติมาเกิดในแคว้นเย่าเฉิน ซึ่งหากไกลจากราชวงศ์เทียนลิ่งอยู่เหลือคณานับ

เดิมทีนางคิดว่าหากนางต้องการกลับไปแก้แค้นคนพวกนั้น นางจะต้องใช้เวลาอีกหลายปี

แต่นางคิดไม่ถึงเลยว่าคนจากราชวงศ์เทียนลิ่งจะมาถึงที่นี่แล้วจริงๆ!

ถึงแม้จะยังไม่ทราบว่า ‘ราชทูต’ ที่กล่าวถึงนั้นจะเป็นผู้ใด แต่อย่างน้อยก็สามารถทำให้นางได้พอสืบข้อมูลอะไรบางอย่างได้บ้าง

แต่ทว่า…ราชวงศ์เทียนลิ่งมักจะไม่ค่อยส่งราชทูตมายังแคว้นประเทศราชเท่าใดนัก อย่างน้อยช่วงเวลาที่นางกุมอำนาจอยู่ในมือนั้นไม่เคยส่งคนมาที่แคว้นเย่าเฉินแม้แต่ผู้เดียว

คราวนี้เกิดอะไรขึ้น

ฉู่หลิวเยว่ถอนสายตากลับมา แล้วมองไปยังค่ายกลตรงหน้าอีกครั้ง ราวกับกำลังเพ่งสมาธิเพื่อศึกษาสิ่งนี้ต่อไป

แต่ในความเป็นจริง ความคิดของนางยังคงวนเวียนอยู่กับเรื่องราชทูตของราชวงศ์เทียนลิ่ง

ถ้านางพลาดโอกาสนี้ไป หากนางคงต้องรอฟังข่าวเกี่ยวกับราชวงศ์เทียนลิ่งอีกครั้งก็ยังไม่รู้ว่าจะต้องรออีกนานแค่ไหน

แคว้นเย่าเฉินเป็นเพียงหนึ่งในสิบประเทศราชเล็กๆ แทบไม่ได้อยู่ในสายตาด้วยซ้ำ ดังนั้นความน่าจะเป็นเช่นนี้หายากมากจริงๆ

แน่นอนว่าพลังความสามารถของนางในตอนนี้ไม่เพียงพอต่อการที่จะแก้แค้นให้สำเร็จ แต่…หากสืบเบาะแสบางอย่างได้บ้าง มันอาจจะเป็นสิ่งที่ดีก็ได้!

ตอนนี้ผ่านไปหนึ่งปีเต็มตั้งแต่วันที่ ‘นาง’ ตายจากไป และนางก็อยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นหลังจากนั้น!

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์