ทันใดนั้นเองอาการปวดแสบปวดร้อนก็ขึ้นมาจากท้องน้อย
เจียงอวี่เฉิงขมวดคิ้วมุ่นใบหน้าซีดเผือดทันที
ซุนฉีรีบก้าวขึ้นมาด้านหน้าแล้วถามอย่างตื่นตระหนกว่า
“คุณชายใหญ่ ท่านเป็นอันใดไปหรือ?”
เจียงอวี่เฉิงโบกมือ
“ไม่เป็นไร จับตัวเขาไว้ซะ”
“ขอรับ!”
ฉีต้าเหอมึนงงอย่างมาก
เรื่องที่ควรพูดเขาก็ได้พูดไปหมดแล้ว เหตุใดคุณชายใหญ่ยังไม่ปล่อยเขาไปอีก?
เขามั่นใจว่าเขาไม่เคยทำเรื่องที่ต้องรู้สึกผิดต่อคุณชายใหญ่!
ซุนฉีเดินไปหยุดที่ด้านข้างของฉีต้าเหอ แล้วมองเจียงอวี่เฉิงอย่างลังเลอยู่ครู่หนึ่ง
“คุณชายใหญ่ เช่นนั้น…”
เจียงอวี่เฉิงส่งสายตาไม่พอใจให้เขาเล็กน้อย
“ทำตามแผน”
ซุนฉีพยักหน้าตอบรับทันที
แต่ฉีต้าเหอกลับรู้สึกไม่สบายใจอย่างมาก
ทำตามแผน…
แผนอันใด?
เขารู้สึกได้ว่าประโยคเมื่อครู่นี้กำลังพูดถึงเขาอยู่…
ผลัวะ!
ซุนฉีใช้สันดาบสับที่หลังคอ ทำให้ฉีต้าเหอตาเหลือก แล้วสลบไป
หลังจากนั้นเขาก็ลากฉีต้าเหอออกไปด้วยตนเอง
เมื่อประตูห้องปิดลง ภายในห้องจึงเหลือเพียงเจียงอวี่เฉิงคนเดียวเท่านั้น
เขาสูดลมหายใจเข้าลึกๆ จากนั้นก็เดินไปหลังฉากกั้นห้อง
จากนั้นเขาก็ถอดเสื้อออก แล้วมองดูแผลตรงบริเวณท้องน้อยของตัวเองอย่างละเอียด
เมื่อครู่เขารู้สึกเจ็บปวดราวกับว่ากำลังเผาไหม้ แต่มันปรากฏแค่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็สลายหายไปในทันที
พู่กันด้ามนี้ทะลวงเข้าไปด้านในโดยตรง ความจริงบาดแผลนี้ไม่ได้ใหญ่ กอปรกับเฟิงซานหยวนได้จัดการแผลให้เขาเสร็จเรียบร้อยแล้ว ดังนั้นแผลจึงดีขึ้นเรื่อยๆ แล้ว
แต่ความเจ็บปวดแปลกๆ นั้น กลับทำให้เจียงอวี่เฉิงวางใจลงไม่ได้
เขานั่งสมาธิ พร้อมโคจรลมปราณ ก่อนจะตรวจสอบสถานการณ์ในร่างกายของตนเองอย่างละเอียด แต่เขากลับไม่เจอปัญหาใดๆ เลย
หลังจากที่เขาครุ่นคิดเรื่องนี้อยู่สักพัก เขาก็ส่งคนให้ไปเชิญเฟิงซานหยวนมา
หลังจากที่เฟิงซานหยวนฟังเขาบรรยายแล้ว ในใจของเขาก็เต็มไปด้วยความประหลาดใจ
แต่หลังจากที่เขาจับชีพจรให้เจียงอวี่เฉิงซ้ำสามครั้งแล้ว ก็ยังไม่พบสิ่งผิดปกติอันใด
“นี่…นอกจากบาดแผลเล็กน้อยบนร่างกายของคุณชายใหญ่แล้ว เหมือนว่าจะไม่มีปัญหาใดๆ อีก…ความเจ็บปวดที่ท่านพูดถึง เป็นเรื่องอันใดกันแน่?”
เจียงอวี่เฉิงขมวดคิ้วแน่น
“เหมือนถูกแผดเผา แต่เพียงช่วงเวลาสั้นๆ ก็หายไป ข้าตรวจสอบด้วยตนเองแล้วก็ไม่พบสิ่งผิดปกติ แต่ความเจ็บปวดนั้น มันน่าแปลกอย่างมาก…”
เขาเป็นคนที่ระแวดระวังเป็นพิเศษ ยิ่งไปกว่านั้นเรื่องนี้เป็นเรื่องที่เกี่ยวกับสุขภาพร่างกายของเขา ดังนั้นเขาจะไม่สนใจไม่ได้
เฟิงซานหยวนแสดงสีหน้าอับจนปัญญา
“อาจจะเป็นเพราะว่าวิชาแพทย์ของข้ายังไม่ดีพอ…เช่นนั้นคุณชายใหญ่ลองให้หมอคนอื่นมาดูบาดแผลดีหรือไม่?”
“ไม่ต้อง”
เจียงอวี่เฉิงส่ายหน้า
เฟิงซานหยวนรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย
“เหตุใดล่ะขอรับ? จั่วหมิงซีและคนอื่นๆ ก็เป็นคนที่ไว้ใจนะขอรับ พวกเขาไม่มีทางแพร่งพรายเรื่องสุขภาพของท่านออกไปอย่างแน่นอน”
เซียนหมอสามคนนั้นล้วนเป็นคนสนิทของซั่งกวนหว่านและเจียงอวี่เฉิง ไม่เช่นนั้นคงไม่ยินยอมให้พวกเขาดูแลฝ่าบาทโดยเฉพาะหรอก
เจียงอวี่เฉิงไม่ได้พูดอันใด แต่สีหน้าก็เคร่งเครียดขึ้นหลายส่วน และทำให้หัวใจของเฟิงซานหยวนเต้นแรงเหมือนมีคนตีกลองอยู่ภายใน
หรือว่า…คุณชายใหญ่ไม่เชื่อใจคนพวกนั้นแล้ว?
“ตอนนี้เป็นสถานการณ์พิเศษ ไม่ว่าร่างกายของข้าจะเป็นอย่างใด ก็ห้ามแพร่งพรายออกไปแม้แต่น้อย ดังนั้นต่อให้เป็นพวกเขา ก็อย่าให้รู้จะดีที่สุด”
วันนี้ซั่งกวนหว่านได้เล่าเรื่องนั้นให้เขาฟังแล้ว จึงทำให้เขารู้สึกไม่สบายใจ
หากมีคนหักหลังพวกเขาจริงๆ ละก็…ดังนั้นเขาจึงต้องระวังตัวเองให้มากยิ่งขึ้น
เฟิงซานหยวนไม่ได้ถามอันใดต่อ
“ขอรับ เช่นนั้นเดี๋ยวข้าจะกลับไปเปิดตำราแพทย์ ดูว่าจะสามารถหาสาเหตุมันได้หรือไม่?”
เจียงอวี่เฉิงพยักหน้า
หลังจากเฟิงซานหยวนออกไปแล้ว เจียงอวี่เฉิงจึงลุกขึ้นยืน แล้วเดินไปที่ด้านข้างของโต๊ะตัวนั้น ก่อนจะมองพู่กันด้ามนั้นอย่างละเอียด
ด้านบนมีคราบเลือดที่แห้งกรังติดอยู่
“นี่มันเรื่องอันใดกันแน่!”
วันที่อากาศหนาวเย็นเช่นนี้ แต่ใบหน้าของลุงฝูกลับเต็มไปด้วยหยาดเหงื่อ
เขาพูดขึ้นอย่างประหม่า
“คุณชายใหญ่ วันนี้ข้าน้อยติดตามคุณหนูสี่ไป แต่ในตอนที่กำลังจะชำระเงินนั้น คุณหนูกลับหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย ตอนที่ข้าน้อยหานางพบ…ก็เห็นว่า..เห็นว่า…คุณหนูสี่เป็นเช่นนี้แล้วขอรับ…ข้าน้อยละเลยหน้าที่ คุณชายใหญ่ได้โปรดลงโทษข้าน้อยด้วย!”
ความจริงแล้วลุงฝูก็ถูกใส่ร้ายเช่นกัน
เขาติดตามคอยระวังให้คุณหนูสี่ทั้งวัน แต่ใครจะคิดว่าช่วงเวลาไม่นาน อีกฝ่ายกลับลงมือเสียแล้ว!?
วันนี้เจียงอวี่เฉิงเจอเรื่องเลวร้ายมาทั้งวัน แต่เขาก็คิดไม่ถึงว่า ขนาดกลางดึกก็ยังมีเรื่องมาไม่หยุดหย่อน
ปราณที่อยู่รอบข้างของเขาก็แผ่กระจายความเย็นเยียบออกมา
“ลงโทษตอนนี้จะมีประโยชน์อันใด? ไปหาตัวต้นเรื่องนั้นมาให้ได้! ครั้งนี้พวกเจ้าเห็นหน้าตาของคนผู้นั้นแล้วใช่หรือไม่?”
เจียงอวี่จือส่ายหน้าพร้อมน้ำตาริน
ลุงฝูพูดขึ้นว่า
“คุณชายใหญ่ ในเมื่อคนผู้นั้นสามารถลักพาตัวคุณหนูสี่ไปจากข้างกายของข้าอย่างไร้เสียงได้ หมายความว่าฝีมือของคนผู้นั้นสูงกว่าข้าแน่นอน”
เจียงอวี่เฉิงชะงักไปเล็กน้อย
แม้ว่าลุงฝูจะไม่ได้เป็นยอดฝีมือระดับสูง แต่ฝีมือของเขานั้นไม่ต่ำเลย
แต่ฝ่ายตรงข้ามกลับสามารถส่งคนที่มีวรยุทธ์สูงส่งกว่าได้ หากเขาต้องการชีวิตของเจียงอวี่จือจริงๆ เกรงว่าจะเป็นเรื่องง่ายอย่างมาก
แต่อีกฝ่ายกลับไม่ได้ทำเช่นนั้น
นั่นหมายความว่าเขาตั้งใจทรมานเจียงอวี่จืออย่างชัดเจน
เมื่อคิดถึงตรงนี้ เขาก็เหลือบสายตากลับไปมอง จากนั้นก็เห็นใบหน้าที่ดูเหมือนไม่ได้รับความเป็นธรรมของเจียงอวี่จือ แต่ในแววตายังมีความหวาดกลัวแฝงอยู่
“พี่…พี่ใหญ่…จากนี้ข้าจะไม่ออกจากเรือนแล้ว…ท่านรีบจับคนผู้นั้นออกมาโดยเร็วได้หรือไม่?”
ครั้งก่อนเจียงอวี่จือยังดูกำเริบเสิบสาน แต่ตอนนี้กลับได้รับความลำบาก ท่าทีจึงเปลี่ยนไปทันที
ในใจของเจียงอวี่เฉิงทั้งรู้สึกทุกข์ใจและรำคาญในคราวเดียวกัน สุดท้ายจึงพูดได้แค่
“เจ้ากลับไปรักษาตัวก่อนเถิด ช่วงนี้ก็ห้ามออกจากจวน ข้าจะส่งคนไปสืบเรื่องนี้เอง”
เจียงอวี่จือไม่ได้คัดค้าน และพยักหน้าตกลงอย่างน่าสังเวช
คืนนี้เจียงอวี่เฉิงจึงนอนหลับไม่สนิท และฝันร้ายติดต่อกัน
ความเจ็บปวดจากการถูกแผดเผา ทำให้เขานึกถึงเพลิงไหม้ครั้งใหญ่
แต่ในคราวนี้ เขากลับเป็นคนที่อยู่ในกองเพลิงแทน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์
ขอบคุณมากค่ะ สนุกมากกกค่ะ...
สนุกมากค่ะ...
อ่านสนุกมากค่ะ ติดตามอ่านทุกตอน...