ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ นิยาย บท 70

เมื่อหมิ่นกงกงได้กล่าวเสร็จสิ้น บรรยากาศบนถนนตลอดสายก็เข้าสู่ความเงียบอย่างแปลกประหลาด

สีหน้าของผู้อาวุโสและคนอื่นในตระกูลไม่ได้ยินดีเลยแม้แต่นิดเดียว ตรงกันข้าม พวกเขากลับมีทำหน้าเหยเกเหมือนกลืนแมลงวันเข้าปาก

หมิ่นกงกงสังเกตเห็นทันทีว่ามีบางอย่างผิดปกติ เขาจึงแย้มยิ้มเล็กน้อย

“เอ่อคือ…ท่านเป็นอะไรไปหรือ”

คราวนี้ผู้อาวุโสได้สติคืนมาแล้วมองหน้าหมิ่นกงกงเพื่อต้องการพูดอะไรบางอย่าง แต่กลับเหมือนมีอะไรมาจุกอยู่ที่ลำคอและพูดไม่ออกแม้แต่คำเดียว

“เป็นไปได้อย่างไร ตอนนั้นเขาบาดเจ็บสาหัสมาก แม้แต่บรรดาหมอเทวดายังบอกว่าชาตินี้เขาแทบไม่มีโอกาสรักษาหาย! แต่ทำไมจู่ๆ เขาถึงรักษาหายได้ แล้วยังบรรลุผู้ฝึกยุทธ์ขั้นที่ห้าได้อีก!”

ฉู่เยี่ยนเผลอตะโกนด้วยความตกตะลึง

เขาไม่เชื่อ

เขาไม่เชื่อว่าเป็นเรื่องจริงเด็ดขาด!

หมิ่นกงกงหรี่ตาแล้วเผยรอยยิ้มที่ดูเย็นชาขึ้นมาเล็กน้อย

“ทำไม ใต้เท้าฉู่เยี่ยนกำลังสงสัยในพระกระแสรับสั่งของฝ่าบาทหรือ”

ฉู่เยี่ยนชะงักไปในทันที

“เปล่า เปล่า! ข้าไม่ได้หมายความเช่นนั้น ข้าก็แค่ ข้าก็แค่ตกใจมากไปหน่อย…เรื่องนี้ ทำไมไม่มีข่าวคราวเกี่ยวกับเรื่องนี้มาก่อนเลย ทำไมถึง… ทำไมถึง…”

หมิ่นกงกงปัดฝุ่นไปมา

เรื่องนั้นในตระกูลฉู่เขาทราบอย่างดี หลายปีมานี้สองพ่อลูกคู่นั้นต้องทนลำบากตรากตรำแค่ไหน ตำแหน่งสถานะในตระกูลฉู่ก็ช่างน่าอึดอัดยิ่งนัก เพราะมักถูกคนในตระกูลกีดกันเสมอ

ดังนั้นจึงเป็นเรื่องธรรมดาที่ฉู่หนิงจะไม่บอกพวกเขาว่าได้ทำการรักษาจนหายและทะลวงผ่านผู้ฝึกยุทธ์ขั้นที่ห้าแล้ว

เมื่อได้ยินข่าวนี้ บางคนในตระกูลฉู่ก็น่าจะร้อนใจขึ้นมาบ้างแล้ว

ดูอย่างเช่นฉู่เยี่ยนนั่นสิ

การที่ฉู่หนิงบรรลุขั้นคือภัยคุกคามอันใหญ่หลวงของเขา แน่นอนว่าทำใจยอมรับไม่ได้

แต่หมิ่นกงกงขี้เกียจเกินไปที่จะเปิดเผยไปมากกว่านี้ จากนั้นเขาจึงพูดด้วยรอยยิ้มว่า

“อย่าว่าแต่ท่านเลย แม้กระทั่งฝ่าบาทก็เพิ่งทรงทราบวันนี้เหมือนกัน หลายปีมานี้ฝ่าบาททรงเป็นห่วงใต้เท้าฉู่หนิงมาโดยตลอด ดังนั้นเมื่อพระองค์ทรงได้ยินว่าใต้เท้าฉู่หนิงบรรลุผู้ฝึกยุทธ์ขั้นที่ห้าสำเร็จแล้วก็ทรงดีพระทัยมากจริงๆ ประกอบกับตำแหน่งหัวหน้าราชองครักษ์ว่างพอดี แล้วใต้เท้าฉู่ก็เป็นผู้ที่เหมาะสมที่สุดแล้ว นี่ยังไม่นับเรื่องที่ฝ่าบาททรงตรัสว่าคืนนี้ให้ใต้เท้าฉู่หนิงอยู่พูดคุยกับพระองค์ ในวังต่อด้วยนะ!”

ฉู่เยี่ยนหุบปากของตัวเองทันที

คำพูดของหมิ่นกงกงเหมือนเป็นการเตือนเขากลายๆ

แม้กระทั่งฝ่าบาทก็ไม่ทรงทราบเรื่องนี้ แล้วเขาจะไปรู้ได้ยังไง

ฉู่หลิวเยว่ก้าวไปข้างหน้าขัดจังหวะผู้อาวุโส จากนั้นจึงพูดด้วยรอยยิ้มว่า

“นี่ถือเป็นดีอย่างยิ่ง รอท่านพ่อกลับมาพรุ่งนี้ พวกเราต้องจัดฉลองแน่นอน พอถึงวันนั้น ไม่ว่ายังไงข้าก็ต้องขอเชิญท่านหมิ่นกงกงมารับรางวัลด้วยให้ได้”

เมื่อหมิ่นกงกงเห็นฉู่หลิวเยว่รุ้จักประพฤตัวและพูดจาไพเราะเหมาะสม เขาก็ยิ่งรู้สึกชอบนางมากกว่าเดิม

“คุณหนูใหญ่ฉู่ก็พูดเกินไป ใต้เท้าฉู่หนิงกับท่านต่างเป็นคนที่มีความสามารถที่แท้จริง ข้ายังนึกชื่นชมอยู่เลย วันนั้นข้าต้องไปแสดงความยินดีถึงประตูบ้านแน่นอน ดูท่านสิ ตั้งแต่วันนี้ไปหัวกระไดบ้านท่านคงไม่ทนแห้งเป็นแน่”

ฉู่หลิวเยว่ส่ายหน้าแล้วหันไปมองผู้อาวุโสและคนอื่นๆ ด้วยแววตาสื่อความหมายล้ำลึก

“กระไดบ้านนี้คงสูงไปหน่อย เกรงว่าท่านจะปีนขึ้นมาเหนื่อย ข้าว่าเราเปลี่ยนที่กันดีกว่า อ่อ ท่านคงยังไม่รู้ว่าข้าเพิ่งตัดขาดกับตระกูลฉู่ไปหยกๆ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ข้ากับท่านพ่อไม่มีความเกี่ยวข้องกับตระกูลฉู่อีกแม้แต่เศษเสี้ยว!”

แม้หมิ่นกงกงจะคุ้นเคยกับเรื่องที่ทำให้ตกใจสุดขีดมาแล้ว แต่ตอนนี้เขาก็ยังตกใจสุดขีดอยู่ดี

“อะไรนะ”

ฉู่หลิวเยว่ยิ้มหยดย้อยโลกละลาย

“ก็หมายความว่า เรื่องยินดีสองเรื่องซ้อนนี้ไม่เกี่ยวข้องกับตระกูลฉู่และคนในตระกูลฉู่ยังไงล่ะ ท่านน่ะ บอกเรื่องดีๆ นี้กับข้าแค่คนเดียวก็พอแล้วเจ้าค่ะ”

คนพวกนี้เคยเหยียดหยามรังแกนางมามากแล้ว แต่ตอนนี้ นางจะไม่ยอมให้พวกเขามารังแกอีกต่อไป!

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์