หลังจากผ่านเรื่องราวต่างๆ มาทั้งวัน ในที่สุดก็สามารถกลายเป็นผู้ฝึกยุทธ์ตัวจริงได้สำเร็จแล้ว
ฉู่หลิวเยว่ถอนหายใจด้วยความโล่งอก
ตอนนี้ก็ดึกมากแล้ว ฝนที่ตกข้างนอกก็ค่อยๆ หยุดตกไปในที่สุด
ฉู่หลิวเยว่มองไปที่ประตูที่นางทำพังไปโดยไม่ได้ตั้งใจ และเริ่มคิดว่าจำเป็นต้องนอนที่นี่ต่อไปหรือไม่
ทันใดนั้นสีหน้าของหรงซิวพลันเปลี่ยนไปเล็กน้อย จากนั้นก็เงยหน้ามองไปทางประตู
ราตรีอันแสนมืดมิด อำพรางกระแสน้ำจนมืดสนิท
สักพักเขาจึงเอ่ยว่า
“ในเมื่อฝนหยุดตกแล้ว เช่นนั้นข้าขอตัวก่อน”
ฉู่หลิวเยว่แปลกใจอย่างยิ่ง
“ไหนพระองค์บอกว่าจะค้างที่นี่หนึ่งคืนมิใช่หรือ แม้ฝนจะหยุดตกแล้ว แต่พอพระองค์เสด็จออกไปก็เกรงว่าอาจต้องลมได้โดยง่าย”
เมื่อได้ยินนางแอบกระแนะกระแหนเขา หรงซิวก็อดยิ้มมุมปากไม่ได้
“ห้องหนังสือนี่ให้คนนอนไม่ได้แล้ว หรือว่าเยว่เอ๋อร์อยากนอนร่วมห้องกับข้า”
ฉู่หลิวเยว่สบถเสียงต่ำ
นางทำเป็นแสร้งไม่ได้ยินคำพูดหยอกล้อของหรงซิว
“เป็นองค์ชายไปไหนมาไหนได้อย่างอิสระอยู่แล้ว เชิญตามสบาย!”
“ไว้วันหน้าข้าจะมาเยี่ยมเจ้าอีก”
หรงซิวพูดพลางยกขาก้าวออกไป
เสวียเสวี่ยมองฉู่หลิวเยว่ด้วยสายตาอาลัยอาวรณ์ จากนั้นจึงรีบตามไป
“องค์ชาย ข้างนอกมีน้ำท่วม พระองค์…”
ฉู่หลิวเยว่กำลังจะเตือนเขา แต่ทันใดนั้นรูม่านตากลับหดตัวลง
เท้าของหรงซิวที่เหยียบบนผืนน้ำช่างเบาราวกับขนนก โดยที่เท้าเขาไม่เปื้อนเปียกน้ำเลยสักนิดเดียว
หากสังเกตดีๆ จะเห็นได้ชัดว่ามีช่องว่างแคบๆ ระหว่างฝ่าเท้ากับผืนน้ำ
…เขาสามารถเหาะเหินเดินอากาศได้จริงๆ ด้วย!
มีเพียงผู้ที่บรรลุผู้ฝึกยุทธ์ขั้นที่ห้าแล้วเท่านั้นจึงจะสามารถทำเช่นนี้ได้
ฉู่หลิวเยว่มองฉากนี้ด้วยความตกตะลึง
ดูเหมือนตอนนี้หรงซิวจะมีอายุเพียงสิบหกหรือสิบเจ็ดเท่านั้น พลังความสามารถของเขามาถึงระดับที่น่าอัศจรรย์ขนาดนี้ได้จริงๆ!
อ่อนแอที่ไหนกัน
เกรงว่าทุกคนน่าจะประเมินหลีอ๋องผู้ลึกลับผู้นี้ต่ำไป!
ฉู่หลิวเยว่ไม่เคยประเมินเขาต่ำเกินไป แต่นางคิดไม่ถึงเลยว่าเขาจะเป็นถึงผู้ฝึกยุทธ์ขั้นที่ห้า!
พรสวรรค์เช่นนี้ แม้แต่ในราชวงศ์เทียนลิ่งก็ถือว่าโดดเด่นอยู่แล้ว
ในขณะที่ฉู่หลิวเยว่กำลังตกตะลึงและพูดไม่ออกอยู่นั้น ร่างของคนหนึ่งคนและสัตว์อสูรหนึ่งตัวก็หายไปอย่างรวดเร็วท่ามกลางรัตติกาลอันมืดมิด
…
กลางดึกสงัด ฉู่หลิวเยว่ก็กลับไปนอนที่ห้องนอนของตนเอง
ทว่าเมื่อเห็นเสื้อคลุมสีดำข้างเตียง นางก็ฟื้นคืนสติขึ้นมาทันที หรงซิ่วลืมเอาสิ่งนี้ไปจริงๆ ด้วย!
ฉู่หลิวเยว่เบะปากคว่ำด้วยความหงุดหงิด กระนั้นสุดท้ายก็ยังเก็บเสื้อคลุมตัวใหญ่ผืนนั้นเอาไว้แล้วคิดว่าค่อยหาเวลาส่งกลับคืน
หรงซิวพยักหน้าโดยไม่แปลกใจเท่าไหร่นัก
“ให้เขาจับตาดูต่อไป”
เยี่ยนชิงตกใจ
“นายท่าน ท่าน…ท่านเดาได้ตั้งแต่แรกแล้วหรือ”
เจดีย์จิ่วโยวเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งต่อสำนักเทียนลู่ ถ้านายท่านคาดการณ์ไว้แล้วว่าวันนี้มันจะเกิดความเคลื่อนไหว แล้ว….เหตุใดถึงจัดการให้ชวนฉยงเฝ้าสังเกตการณ์ตั้งแต่ต้น
เสวียเสวี่ยหาววอดๆ ราวกับว่ามันชักทนไม่ไหวแล้ว
หรงซิวเหลือบมองมันแล้วเอ่ยถามชิงเยี่ยน
“ช่วงนี้องค์หญิงสี่กำลังทำอะไรอยู่บ้าง”
ชิงเยี่ยนรีบกราบทูล
“ช่วงนี้องค์หญิงสี่ทรงโวยวายอยากออกไปลานล่าสัตว์ตลอด ยอมจ่ายเงินจำนวนมากอย่างไม่ลังเล ได้ยินข่าวว่าพระนางทรงนัดหมายลูกหลานขุนนางให้ไปที่นั่นด้วย บอกว่าจะล่าสัตว์อสูรระดับสูง เวลานัดก็คือพรุ่งนี้ขอรับ”
หรงซิวตอบ “อืม” เบาๆ และชำเลืองมองเสวียเสวี่ย
“อย่าลืมปล่อยให้องค์หญิงสี่เล่นให้สนุกไปก่อนล่ะ”
เสวียเสวี่ยเลียอุ้งเท้าของมันและจากนั้นก็มีแสงประกายในดวงตาสีฟ้าอันเยือกเย็นของมัน!
“นายท่าน เสื้อคลุมของท่าน…”
นายท่ายของเขามักสวมผ้าคลุมเวลาออกไปข้างนอก ทำไมตอนนี้มันถึงหายไปได้
หรงซิวเบนสายตากลับมา ชายคาสีเข้มค่อยๆ เลือนรางไปในความมืดมิด
“พรุ่งนี้ค่อยมารับคืน”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์
สนุกมากค่ะ...
อ่านสนุกมากค่ะ ติดตามอ่านทุกตอน...