เข้าสู่ระบบผ่าน

ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ นิยาย บท 790

เมื่อจิตใจเริ่มผ่อนคลาย เงาร่างสูงโปร่งของบุรุษก็พลันหายวับไปทันตา

ดวงตะวันฉายแสงเจิดจ้าส่องลงมาเบื้องล่าง

จากนั้นทะเลสาบกระจกก็ค่อยๆ กลับคืนสู่ความสงบอีกครา ระลอกคลื่นน้ำสะท้อนผืนฟ้าสีคราม งดงามตระการตายิ่ง

เกล็ดน้ำแข็งที่ปกคลุมอยู่บนบัวระบำได้สลายไปแล้ว กลีบดอกสีชมพูขาวนวลโปร่งแสงนั้น กระจ่างใสราวกับเพชรนิลจินดา และเอนตัวพริ้วไหวไปตามสายลม

เสียงคำรามนี้ไม่เพียงแค่กระจายไปยังทะเลสาบกระจก แต่กลุ่มคนในป่าหมอกมายาเองก็ได้ยินเช่นกัน

หลายคนที่รออยู่บริเวณนั้น หันกลับมามองด้วยสีหน้าที่แตกต่างกัน

มู่หงอวี่ถามอย่างไม่มั่นใจ

“เสียงเมื่อครู่นี้ คือเสียงร้องของสัตว์อสูรหรือ? เปล่งร้องเสียงดั่งสะท้านโลกาเช่นนี้ ต้องเป็นสัตว์อสูรระดับสูงแน่ๆ เลยใช่หรือไม่?”

พี่เหลยสี่ส่งเสียงงึมงำ ก่อนจะหันไปมองทางนั้นด้วยสีหน้าท่าทางตื่นเต้นดีใจ

“สัตว์อสูรระดับสูงหรือ? กลัวจะไม่ใช่อย่างนั้นน่ะสิ!”

เย่หรานหร่านโพล่งออกมาอย่างตกใจ แต่พอรู้ว่าตัวเองเอิกเกริกเกินไป จึงรีบรูดซิบปิดปากทันที

“ระ หรือจะเป็นอสูรศักดิ์สิทธิ์!?”

พี่เหลยสี่เหลือบมองฉินอี

“พี่ใหญ่ เจ้าว่าเช่นไร?”

ฉินอีหรี่ตาลงพิจารณาครู่หนึ่ง ก่อนตอบว่า

“เป็นอสูรศักดิ์สิทธิ์จริงๆ แต่ฟังดูเหมือนมันจะดังมาจากทะเลทรายจันทราสีชาดนะ”

ทั้งป่าหมอกมายาอยู่ภายใต้การควบคุมของเขา ซึ่งโดยพื้นฐานแล้ว หากมีอสูรศักดิ์สิทธิ์ปรากฏขึ้นที่นี่ เขาจะสังเกตเห็นได้ทันที

แสดงว่าเสียงคำรามที่จู่ๆ ก็ดังขึ้นนี้ จักต้องมาจากทะเลทรายจันทราสีชาดแน่นอน

ทว่าสิ่งที่ทำให้เขาประหลาดใจก็คือ แม้จะเป็นอสูรศักดิ์สิทธิ์ แต่ก็ยังส่งเสียงคำรามจากทะเลทรายจันทราสีชาดมาได้ไกลถึงที่นี่ ช่างน่าอัศจรรย์ใจยิ่ง

ความแข็งแกร่งของอสูรศักดิ์สิทธิ์ตัวนี้ ถือเป็นสิ่งที่ประมาทไม่ได้เป็นอันขาด…

“ทะเลทรายจันทราสีชาด? ไกลขนาดนั้นนะ?”

ทุกคนล้วนตกตะลึง

มู่หงอวี่เอียงศีรษะ พร้อมความอยากรู้อยากเห็นที่ปรากฏผ่านสีหน้าของนาง

“ว่าแล้วก็ขอพูดหน่อย ในบรรดาสถานที่ต่างๆ ในแดนภังคะ มีเรื่องเล่าลือเกี่ยวกับป่าหมอกมายาและทะเลสาบกระจกมากมาย แต่ดูเหมือนจะมีเพียงทะเลทรายจันทราสีชาดเท่านั้น ที่ดูลึกลับมาก… แถมยังไม่มีใครรู้ด้วยว่าสถานที่นั่นเป็นเช่นไร?”

ตอนที่พวกเขาเข้ามา ก็ได้เห็นลักษณะของมันเพียงแวบเดียว

มันเป็นทะเลทรายสีทองที่มีคลื่นความร้อนไหลเวียนไร้ที่สิ้นสุด

มันคือเสวี่ยเสวี่ย

ทว่าอันที่จริง ตอนนี้มันกลับกลายเป็นสีกากีไปแล้ว ทั่วทั้งร่างสกปรกมอมแมมอย่างหาที่เปรียบมิได้ และเมื่อเทียบกับเมื่อก่อน ตอนนี้น้ำหนักของมันลดหายไปเยอะเลยทีเดียว

แต่ลมปราณในกายของมันกลับแข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิมหลายเท่า!

มันซ้อมการโจมตีอย่างต่อเนื่องในทะเลทรายขนาดใหญ่นี้โดยไม่หยุดพัก กระทั่งถึงระดับมาตรฐานที่ต้องการ ดังนั้นมันจึงสามารถพักผ่อนได้ชั่วขณะ

เสวี่ยเสวี่ยส่งเสียงร้องโหยหวนออกมาอย่างต่อเนื่อง และมองไปที่เนินทรายด้วยน้ำตาคลอเบ้า

มันยังไม่ตาย…

ทว่าไม่นาน ร่างเงาสีดำของใครบางคนก็ค่อยๆ ปรากฏขึ้นในครรลองสายตา

เสวี่ยเสวี่ยที่ยังนอนน้ำตาคลอเบ้าอยู่ พลันรู้สึกอับอายขึ้นมาทันใด

เพราะมั่วแต่จดจ่ออยู่กับการฝึก จึงไม่ได้รับรู้เลยว่าเจ้านายของตนมาอยู่ตรงนี้ตั้งแต่เมื่อใด!

จากนั้นก็มีเสียงเล็กๆ ราวเด็กแรกเกิดดังขึ้น

“เจ้ายังกล้ามาที่นี่อีกหรือ?”

ชายผู้นั้นถอดหน้ากากออก เผยให้เห็นใบหน้าอันสูงส่งและน่าเกรงขาม

เขาผู้นั้นคือ หรงซิว!

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์