เวลาผ่านไปอย่างเชื่องช้า คนก็หลั่งไหลเข้ามาในโรงเตี๊ยมเฟิ่งหวงไม่หยุดเช่นกัน
ตัวแทนจากตระกูลที่มีอำนาจมากมายในเมืองหลวงต่างก็มาถึงกันแล้ว
โรงเตี๊ยมเฟิ่งหวงเดิมที่เคยเงียบสงบก็มีบรรยากาศครึกครื้นขึ้นอย่างรวดเร็ว
ทุกคนต่างเข้ามาทักทายฉู่หนิง แต่สายตากลับอดมองไปที่ฉู่หลิงเยว่ไม่ได้
สายตาทั้งอยากรู้อยากเห็นและสงสัย รวมถึงแฝงไปด้วยความเกรงกลัวเล็กน้อย
แม่นางผู้นี้สามารถทำให้เหยียนเก๋อแห่งเจินเป่าเก๋อใส่ใจถึงเพียงนี้ ย่อมมีสถานะไม่ธรรมดาแน่นอน
อย่างน้อยมีเจินเป่าเก๋อคอยหนุนหลัง ต่อจากนี้ไปคงแทบไม่มีใครในเมืองหลวงกล้ามาหาเรื่องนางซึ่งๆ หน้าอีกแล้ว
มิน่าล่ะนางถึงได้กล้าตัดขาดกับตระกูลฉู่จนสะบั้นและกล้าหยามเกียรติองค์ชายรัชทายาทได้…มีภูเขาสูงใหญ่ให้พึ่งพิงเยี่ยงนี้ก็มิใช่เรื่องแปลก
แน่นอนว่าฉู่หลิวเยว่ก็สังเกตเห็นทุกอย่างในสายตาทั้งหมดแล้ว
แม้ภายนอกนางจะแสดงสีหน้าท่าทางสงบ ทว่าในความเป็นจริงกลับยิ่งสงสัยในใจขึ้นมาเรื่อยๆ
นายใหญ่ซึ่งเป็นเจ้าของตัวจริงของเจินเป่าเก๋อ ตกลงคือผู้ใดกันแน่
ทำไมเขาถึงช่วยนาง แล้วมีสิทธิ์อะไรถึงทำให้คนพวกนี้ยำเกรงขนาดนี้ได้
คนพวกนี้มาโรงเตี๊ยมเฟิ่งหวงในวันนี้ หลีกเลี่ยงการทำให้รัชทายาทและตระกูลฉู่ขุ่นข้องไม่ได้แน่นอน กระนั้นพวกเขาก็ยังมา
เมื่อเรื่องพวกนี้จบลงเมื่อไหร่ นางต้องสืบให้แน่ชัดเสียแล้ว
ฉู่หลิวเยว่เก็บความคิดนี้ไว้ก่อนและตามฉู่หนิงไปทำความรู้จักทีละคน
เหยียนเก๋อก็อยู่ข้างกันตลอดและทักทายทีละคน ดูท่าทางเขาใส่ใจมากกว่าสองพ่อลูกอีก
แม้ฉู่หนิงจะเคยมีความรุ่งโรจน์ในอดีต ทว่ายามนี้เขากลับมาอีกครั้งอย่างกะทันหันก็ยังมีความเงอะงะทำอะไรไม่ถูกอยู่บ้าง
ส่วนเหยียนเก๋อในฐานะรองเถ้าแก่ของเจินเป่าเก๋อ สิ่งที่ถนัดที่สุดคือการพบปะสังสรรค์กับผู้คนมากมาย
มีเขาอยู่ตรงนี้ก็ยิ่งทำให้ฉู่หนิงและฉู่หลิวเยว่สบายมากขึ้น
เมื่อเห็นฉากนี้ บางคนก็อดไม่ได้ที่จะพากันกระซิบวิพากษ์วิจารณ์
“แต่ไหนแต่ไรคุณชายรองเหยียนก็เป็นบุคคลที่มีสถานะสูงส่ง แม้กระทั่งบรรดาเชื้อพระวงศ์ยังให้เกียรติเขา เคยเห็นเขาต้อนรับขับสู้ผู้อื่นดีขนาดนี้ซะที่ไหน”
“ที่พูดมาก็ถูก…ตอนเช้าได้ยินว่าเจินเป่าเก๋อจะมาที่นี่ ข้ายังไม่เชื่อเลย ข้ายังคิดว่าฉู่หนิงคงกราบวิงวอนเชิญให้เขามา ที่ไหนได้กลายเป็นว่าคุณชายรองเหยียนเป็นฝ่ายรีบมาหาเสียเอง!”
“เฮ้อ พวกเจ้าคิดหรือไม่ว่าดูเหมือนคุณชายรองเหยียนจะให้ความสำคัญกับฉู่หลิวเยว่มาก จนถึงขั้นที่…ทำอะไรก็ระมัดระวัง บางครั้งฉู่หลิวเยว่พูดแค่คำสองคำ เขาก็ตอบรับอย่างจริงจังมาก ถุ๊ย…คงไม่ใช่เพราะคุณชายรองเหยียนตกหลุมรักนางหรอกกระมัง”
“ชู่ว! ระวังปากพาซวย! พวกเจ้ามาช้าไม่รู้อะไรซะแล้ว เมื่อครู่นี้คุณชายรองเหยียนพูดเองกับปากวว่าทั้งหมดนี้เป็นคำสั่งจากนายใหญ่ของพวกเขา!”
“แปลก ท่านนั้นมีภรรยาแล้วมิใช่หรือ”
“ใครจะไปรู้ว่าฉู่หลิวเยว่ใช้วิธีการใด ถึงอย่างไรก็มีเจินเป่าเก๋อคอยสนับสนุน องค์ชายรัชทายาทและตระกูลฉู่คงหยุดหาเรื่องนางไปสักพัก ต่อไปคงมีอะไรน่าดูสนุกๆ มากกว่านี้แน่!”
“พี่ใหญ่ ข้าไม่เห็นด้วยกับคำพูดนี้ หมินหมิ่นหน้าตาสะสวย กระนั้นฉู่หลิวเยว่ก็สวยกว่านางตั้งเยอะ จะเอาที่ไหนไปอิจฉาได้…ข้าว่าเป็นเพราะหมินหมิ่นคงไปทำอะไรให้นางเองมากกว่า ถึงได้กรรมตามสนองตัวเองแบบนี้…”
“น้องสี่ เจ้าหมายความว่าอย่างไร เจ้าชอบนังแพศยานั่นไปแล้วใช่หรือไม่” ลู่เฟยเยี่ยนเบิกตาโตแล้วก่นด่า
ลู่จื้อเทาแอบหัวเราะเยาะ
ลู่เฟยเยี่ยนมักจะทะนงตนว่าสามารถสอบเข้าสำนักเทียนลู่ได้จึงทำตัวอวดเบ่งในตระกูลอยู่หลายครั้ง เขาหมั่นไส้ท่าทางหยิ่งผยองของนางมาตั้งนางแล้ว
“หรือว่าที่ข้าพูดมันไม่จริง อีกอย่างตอนนี้ฉู่หลิวเยว่เป็นอัจฉริยะที่ใครๆ ต่างก็ชื่นชม แล้วยังมีพ่อเป็นถึงผู้บัญชาการองค์รักษ์อีก คนที่อยากสู่ขอนางคงจะมีไม่น้อย ตอนนี้ฉู่เซียนหมิ่นเสียทั้งชื่อเสียงและทั้งเสียโฉมไปแล้ว ต่อไปรัชทายาทก็คงไม่สนใจยดีนางอีก พี่ใหญ่ ข้าขอเตือนท่านให้เลิกยุ่งกับนางจะดีกว่า”
“เจ้า…”
“พอได้แล้ว หุบปากให้หมด”
ลู่หมิงตวาดลั่น
“วันนี้พวกเจ้าอยู่แต่ในบ้านไม่ต้องออกไปไหน ข้าจะไปตำหนักองค์ชายรัชทายาท”
ไม่ง่ายเลยกว่าจะมาถึงวันนี้ที่พวกเขามีความสัมพันธ์อันดีต่อรัชทายาท และยิ่งต้องใช้เวลานี้แสดงความจงรักภักดีต่อองค์ชายรัชทายาท
ไม่ว่าเจินเป่าเก๋อจะมีอำนาจเพียงใดก็ไม่อาจเข้าถึงราชสำนักได้ ผู้ที่จะได้นั่งตำแหน่งนั้นในอนาคตของแคว้นเย่าเฉินต่างหากถึงจะมีอำนาจตัดสินทุกอย่าง
Next
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์
สนุกมากค่ะ...
อ่านสนุกมากค่ะ ติดตามอ่านทุกตอน...