บรรยากาศคึกคักของโรงเตี๊ยมในวันนี้ช่างแตกต่างจากวันอื่นมาก และวันนี้บรรยากาศในตำหนักขององค์ชายรัชทายาทก็สงบเยือกเย็นจนผิดปกติ
ไม่ว่าผู้ใดในตำหนักรัชทายาทต่างทราบดีว่าหลังสอบกลางภาคของสำนักเทียนลู่ในครั้งที่ผ่านมา พระองค์ก็ทรงอารมณ์ไม่ดีเท่าใดนัก
บ่าวไพร่นางกำนัลชั้นน้อยใหญ่ต่างตัวสั่นงันงกเพราะเกรงว่าอาจจะทำสิ่งใดผิดพลาดไปแล้วพระองค์จะทรงกริ้ว
ยามปกตินั้นหรงจิ้นมักจะนั่งอ่านฎีกาอยู่ในห้องทรงอักษร
ทว่าตอนนี้เขาอารมณ์เสียเป็นอย่างยิ่ง พลาดให้อ่านฎีกาไม่เข้าหัวแม้แต่ตัวอักษรเดียว
โฉมหน้างดงามของหญิงสาวผู้หนึ่งลอยอยู่ในหัวของเขาตลอดเวลา แม้จะสลัดทิ้งอย่างไรก็ไม่ออกไปจากหัวสักที
เวลาผ่านไปหนึ่งก้านธูปแล้ว แต่เขากลับอ่านฎีกาไม่เข้าหัวสักตัว สุดท้ายจึงทำได้เพียงวางฎีกาลงด้วยความหงุดหงิด จากนั้นก็นวดคลึงระหว่างคิ้วที่ขมวดมุ่น
“ซ่งหยวน ทางด้านตระกูลฉู่มีความคืบหน้าสิ่งใดบ้าง”
เมื่อซ่งหยวนที่รออยู่ด้านนอกด้วยความระมัดระวังได้ยินเสียงดังลอดออกมา เขาจึงโค้งคำนับ
“ทูลองค์ชาย คุณหนูสามตระกูลฉู่นอนรักษาตัวอยู่ ดูเหมือนอาการจะยังไม่ดีเท่าไหร่พ่ะย่ะค่ะ…”
หรงจิ้นเหลือบมองเขาแล้วโยนฎีกาในมือลงบนโต๊ะอย่างแรงจนเกิดเสียงดัง ปัง จากนั้นเขาก็เอ่ยด้วยน้ำเสียงที่เย็นเฉียบ
“เจ้ารู้ว่าข้ากำลังถามเรื่องใด!”
ซ่งหยวนสั่นเทา แล้วรีบคุกเข่าลงกับพื้นทันที
“องค์ชาย ทางด้านตระกูลฉู่ส่งข่าวทั้งคืนจนโรงเตี๊ยมในเมืองหลวงแทบไม่มีใครรับจัดงานเลี้ยงให้พวกเขา…”
หรงจิ้นปิดเปลือกตาลง อารมณ์ของเขาพอจะสงบลงมาบ้าง
ต่อให้ฉู่หลิวเยว่มีพรสวรรค์ทั้งสองด้านแล้วจะทำไม
เมื่อไม่มีตระกูลคอยหนุนหลัง นางก็เปรียบเสมือนกับหัวเดียวกระเทียมลีบ
นางก็จะได้รู้ว่าการเป็นปรปักษ์กับเขานั้นมีจุดจบเยี่ยงไร
เมื่อนางสิ้นไร้ไม้ตอก นางจะต้องเสียใจที่จงใจยกเลิกสัญญาหมั้นหมายกับเขาแน่นอน
“ข้าก็พอจะมีโรงเตี๊ยมที่รู้จักอยู่บ้าง เจ้าส่งคนไปบอกนาง หากนางวิงวอนขอร้องข้า ข้าจะยอมเบิกทางช่วยนางสักครั้ง”
ซ่งหยวนนิ่งค้างเมื่อได้ยินคำพูดดังกล่าว และสีหน้าของเขาก็ดูอึดอัดขึ้นมา
“องค์ชาย คือว่า…มีโรงเตี๊ยมที่รับจัดงานเลี้ยงของฉู่หลิวเยว่แล้วพ่ะย่ะค่ะ…”
หรงจิ้นชะงักไปทั้งร่าง
“เจินเป่าเก๋อ…เหมาทั้งโรงเตี๊ยมเฟิ่งหวงเพื่อจัดงานให้ฉู่หลิวเยว่แล้วพ่ะย่ะค่ะ…”
เคร้งๆ!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์