ผู้คนในเหมืองหลวงมักดูทิศทางของกระแสลมเสมอ
หลังจากที่โอวเซี่ยงเทียนและคนอื่นๆ ทราบว่าเจินเป่าเก๋อเหมาโรงเตี๊ยมเฟิ่งหวงเพื่อจัดงานฉลองให้กับฉู่หลิวเยว่ พวกเขาก็รีบเปลี่ยนท่าทีตามกระแสลมและรีบตบเท้าเข้ามาร่วมงานอย่างไม่ขาดสาย
เมื่อข่าวนี้สะพัดออกไปก็ยิ่งทำให้หลายคนที่ตอนแรกวางตัวเป็นกลางต่างพากันแห่แหนเข้ามาร่วมงานด้วยเช่นกัน
จริงอยู่ที่มิอาจกระด้างกระเดื่องต่อองค์ชายรัชทายาทและตระกูลฉู่ได้ แต่ทว่าเจินเป่าเก๋อยิ่งยากไปกว่านั้นมากโข!
ก่อนหน้านี้ที่องค์ชายรัชทายาทเสียเปรียบให้กับเจินเป่าเก๋อ พระองค์ก็ไม่เห็นจะมีการตอบโต้ใดๆ นี่นา
ดังนั้น คลื่นมวลชนในเมืองหลวงเริ่มหลั่งไหลเข้ามาในช่วงเที่ยงนี้ทำให้ในไม่ช้าที่นั่งในโรงเตี๊ยมเฟิ่งหวงก็เต็มหมดแล้ว
“เถ้าแก่ ห้องภัตตาคารบนชั้นสองไม่มีที่นั่งแล้ว ห้องโถงใหญ่ชั้นล่างก็เต็มหมดแล้ว แต่มีแขกสิบกว่าท่านที่รอด้านนอกยังไม่มีที่นั่งเลยนะ”
บ่าวรับใช้ในโรงเตี๊ยมเฟิ่งหวงก็ยุ่งจนเท้าไม่ติดพื้น
ในวันปกติกิจการของพวกเขาก็ดีมากอยู่แล้ว แต่เพราะไม่ได้เปิดบริการชั้นสองบ่อยนัก ดังนั้นจึงไม่หัวหมุนกันขนาดนี้
แต่ทว่าวันนี้ฉู่หลิวเยว่และพวกเขาเล่นเหมาทั้งโรงเตี๊ยม ไม่ว่าชั้นหนึ่งหรือชั้นสองต่างก็เต็มหมดแล้วแต่ก็ยังไม่พอรับแขกอีก!
ซูหุยก็ปวดหัวเช่นกัน เขาจึงมองไปที่ฉู่หนิงและคนอื่นๆ อย่างขอโทษขอโพย
“ใต้เท้าฉู่หนิง คุณหนูหลิวเยว่ คุณชายรองเหยียน แล้วทุกๆ ท่านดูสิว่าควรจะทำเยี่ยงไรดี”
โรงเตี๊ยมเฟิ่งหวงเป็นโรงเตี๊ยมหรูหราชั้นสูง เคยมีคนมามากมายขนาดนี้ซะที่ไหน
ฉู่หนิงเกิดความกังวลเล็กน้อย
“ผู้ที่มาล้วนเป็นแขกของข้า ยิ่งไปกว่านั้นฐานะของพวกเขาก็มาธรรมดา หากให้รอนานเกรงว่าท่าจะไม่ดี เถ้าแก่ไม่มีที่นั่งอีกแล้วจริงหรือ”
ซูหุยถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ ก่อนจะเอ่ยด้วยรอยยิ้ม
“ใต้เท้าฉู่หนิง ไม่มีที่ว่างแล้วจริงๆ คงมิสามารถให้แขกเหรื่อนั่งตรงทางเดินกลางทะเลสาบหรอกกระมัง”
ทันใดนั้นทุกคนต่างก็นิ่งเงียบไปถนัดตา
ฉู่หลิวเยว่หันไปมองเหยียนเก๋อ
“คุณชายรองเหยียน ท่านเชิญแขกมามากมายเกินไปแล้ว…”
“เฮ้อ คุณหนูหลิวเยว่ ท่านอย่าเข้าใจผิด ผู้ที่มาทีหลังข้าไม่ได้เป็นคนเชิญพวกเขามาสักหน่อย!”
เหยียนเก๋อรีบโบกมือป้อยๆ
ผู้ที่สามารถให้เขาไปเชิญได้ล้วนเป็นผู้มีหน้ามีตากันทั้งนั้น
ผู้ที่มาทีหลัง มีหลายคนที่ไม่ได้อยู่ในสายตาเขา แต่ก็ยังจะมากันให้ได้ ที่สำคัญคนพวกนั้น…ยังได้รับเชิญอีกด้วย
“ใต้เท้าฉู่หนิง ท่านส่งจดหมายเชิญมากเกินไปแล้ว!”
ฉู่หนิงกำหมัดป้องปากกระแอมไอ
“ตอนแรกคิดว่าคงไม่มีใครมา ก็เลยส่งจดหมายเชิญไปเยอะๆ หน่อย…”
ตอนนั้นคิดว่ามีใครมาสักคนเดียวก็ดีใจแล้ว ใครจะไปรู้ว่าจะแห่มากันหมดนี่!
เผลอนิดเดียวสถานที่ก็ไม่พอแล้ว!
แน่นอนว่าฉู่หลิวเยว่ทราบดีว่าเขากำลังคิดสิ่งใดอยู่ ตอนนี้ก็ได้แต่หัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก
นางนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนที่จะนึกบางอย่างขึ้นมาได้
“ใต้เท้าจ้าว ไม่ทราบว่าข้าขอรบกวนท่านเรื่องหนึ่งได้หรือไม่”
จ้าวหมิงที่ยืนอยู่ด้านข้างรีบตอบทันที
“คุณหนูหลิวเยว่สั่งมาได้เลยขอรับ”
ฉู่หลิวเยว่หยิบจดหมายเชิญออกมาจากแขนเสื้อแล้วยื่นให้เขา
“รบกวนใต้เท้าจ้าวนำจดหมายเชิญนี้ส่งไปให้ตระกูลฉู่ด้วย”
ทันทีที่คำพูดนี้หลุดออกจากปากของนาง สีหน้าของทุกคนก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย
“เยว่เอ๋อร์ นี่ลูกคิดจะทำสิ่งใดกัน” ฉู่หนิงขมวดคิ้ว
วันนี้เป็นวันดี เขาไม่อยากไปเกี่ยวข้องอันใดกับพวกตระกูลฉู่
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์