“ไสหัวไป!”
ผู้อาวุโสฉีกจดหมายเชิญเป็นชิ้นๆ ด้วยความโกรธจนตัวสั่น
“ให้เขากลับไปบอกฉู่หลิวเยว่ว่าในเมื่อพวกเขาตัดขาดจากตระกูลฉู่แล้ว ต่อแต่นี้ไปไม่มีสิ่งใดเกี่ยวข้องกับตระกูลฉู่ของข้าอีก!”
“ขอรับ! ขอรับ!”
เมื่อเห็นผู้อาวุโสโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยง บ่าวรับใช้จึงไม่กล้าอยู่ต่อ เขาจึงรีบถอยออกไปโดยไม่ลาไม่ไหว้
สีหน้าของคนอื่นในห้องโถงตระกูลฉู่ก็ย่ำแย่พอๆ กัน
“ตอนเช้าใครส่งคนนั้นไป!”
ผู้อาวุโสสูงสุดของตระกูลฉู่ในตอนนี้ตะคอกถามเสียงดัง
กว่ากลับไม่มีผู้ใดปริปากสักคำ
ปัง!
ผู้อาวุโสตบโต๊ะอย่างแรงจนเกิดเสียงดังและขาโต๊ะทั้งสี่แทบหัก
“พูด!”
ฉู่เยี่ยนสะดุ้งเล็กน้อย ในที่สุดเขาก็ก้าวออกมาข้างหน้าแล้วพูดเสียงแผ่ว
“ข้า…ตอนแรกข้าแค่อยากทำให้พวกเขารู้สึกอับอาย…แต่…ใครจะไปรู้ว่า…”
“อับอายหรือ เจ้าแหกตาดูสิว่าตอนนี้ใครกันแน่ที่ต้องอับอาย! หากเรื่องนี้แพร่ออกไป ตระกูลฉู่จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน! เป็นเพราะเจ้าที่เสนอหน้าดีนัก!”
ฉู่เยี่ยนเจ็บใจเป็นอย่างยิ่ง
ผู้อาวุโสไม่ใช่ไม่รู้เรื่องนี้ ไม่ฉะนั้นก็คงไม่เห็นด้วยหรอกมิใช่หรือ
แต่พอตอนนี้เรื่องมันกลับตาลปัตร เขาก็เปลี่ยนสี่เหมือนกิ้งก่าทันที แล้วทำเหมือนว่าเขาเป็นคนผิดเพียงคนเดียวอย่างไรอย่างนั้น
“…ใครจะไปรู้ว่านางจะทำเรื่องแบบนี้ได้ล่ะ”
สีหน้าของผู้อาวุโสมืดหม่นจนน่าหวาดกลัว
นี่ยังไม่ใช่ประเด็นหลัก
ตอนนี้ปัญหาที่หนักใจที่สุดก็คือ คนที่มีหน้ามีตาในสังคมกว่าครึ่งค่อนเมืองหลวงต่างก็ไปรวมตัวกันที่โรงเตี๊ยมเฟิ่งหวงกันหมดแล้ว!
ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใด กระนั้นเรื่องนี้ได้ข้อสรุปที่ชัดเจนแล้ว
จากนี้เป็นต้นไป ฉู่หนิงและฉู่หลิวเยว่คงมีฐานที่มั่นคงในเมืองหลวงอย่างแน่นอน
“ผู้อาวุโส ได้ยินมาว่าตอนนี้ประมุขตระกูลลู่ได้ไปหารือกับองค์ชายรัชทายาทที่ตำหนักแล้ว ท่านคิดเห็นว่า…ตอนนี้พวกเราควรทำเช่นไรดี” มีคนคนหนึ่งเอ่ยถามขึ้นมา
ผู้อาวุโสสูดหายใจเข้าลึกๆ
เวลานี้องค์ชายรัชทายาทกำลังทรงกริ้วเรื่องระหว่างฉู่หลิวเยว่และฉู่เซียนหมิ่น เขาคงไม่ไว้หน้าพวกนางและตระกูลฉู่แน่นอน!
เดิมทีคิดว่าตระกูลฉู่สามารถใช้ความสัมพันธ์ระหว่างองค์ชายรัชทายาทและฉู่เซียนหมิ่นเป็นใบเบิกทาง ที่ไหนได้ เรื่องราวกลับกลายเป็นเช่นนี้!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์