ตอนที่100 แม่มาแล้ว
เรื่องราวพลิกผันกลายเป็นเรื่องตลกในทันทีเมื่อทหารหน่วยนี้บุกมาถึง
KTVถูกกวาดล้างและเข้าควบคุมเบ็ดเสร็จ แขกทุกคนที่เข้ามาใช้บริการในคืนนั้นล้วนถูกไล่ออกจากร้านทันที
ทั้งเจ้าของที่นี่กับผู้จัดการร้านอย่างหยานเสวียเหลียงยังต้องคอตกเป็นลูกสุนัขเช่นกัน
ทั้งฉีเล่ยและบรรดาลูกศิษย์ที่เหลือต่างก็เฝ้ามองภาพฉากอันดูเกินจริงตรงหน้า พลางคิดไปว่าตัวเองฝันไปรึเปล่า? เนื่องจากพวกเขาเพิ่งจะรู้จักเหอจื่อได้แค่ไม่กี่วันเท่านั้นเอง จึงไม่มีใครรู้เลยว่า ภูมิหลังของเธอแท้จริงแล้วจะยิ่งใหญ่ขนาดนี้
ที่น่าเหลือเชื่อกว่าก็คือ เหอจื่อคนนี้กลับทำตัวกลมกลืนกับนักศึกษาคนอื่นๆทั่วไปได้ ทั้งย้ายมาอยู่ในหอพักเก่าๆของมหาวิทยาลัย ทนกินอาหารไม่อร่อยในโรงอาหาร เดินถือกาต้มน้ำออกไปกรอกน้ำข้างนอกเพื่อต้มบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปกิน ทั้งๆที่เธอเป็นถึงลูกสาวของแม่ทัพภาคที่1แห่งประเทศจีน!
ยิ่งไปกว่านั้น…เวลาเดินทางไปไหนมาไหน เธอยังขึ้นแต่รถประจำทางด้วย
ทหารติดอาวุธนับหลายสิบนายยืนแถวตรงอยู่เคียงข้างเหอจื่อราวกับเครื่องจักรสังหารไร้ความรู้สึก แม้ภายในใจของทุกคนจะมีคำถามมากมาย แต่กลับไม่มีใครสักคนที่กล้าส่งเสียงดังในเวลานี้ กระทั่งจ้าวหยวนหยวนที่ดูจะสนิทกับเหอจื่อมากที่สุดยังได้แต่ปิดปากเงียบ
เหอจื่อสัมผัสได้ถึงบรรยากาศอันน่าอึดอัดใจเช่นกัน จึงหันไปพูดกับซูจงว่า
“ไหนว่าจะถอยทัพ? ลากพวกอันธพาลออกไปได้แล้ว”
ซูจงพยักหน้าตอบอย่างแข็งขัน ก่อนจะหันไปตะโกนสั่งการทหารภายใต้บังคับบัญชาของตัวเอง จากนั้นจึงได้นำทีมทหารทั้งหมดออกไปพร้อมกับกลุ่มบอดี้การ์ดชุดสูทดำ ที่อยู่ในสภาพไม่ต่างจากสุนัขตาย
หม่ารุ่ยกับชายวัยกลางคนที่นอนโทรมแน่นิ่งอยู่บนพื้น ก็ถูกลากออกไปเก็บไว้อีกห้องเช่นกัน ไม่มีใครสนใจว่า คนชั่วสองคนนั้นจะถูกจัดการอย่างไรต่อ เพราะไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ล้วนแต่เป็นเรื่องที่พวกมัน‘สมควร’โดนแล้ว
เหอจื่อหันมากล่าวกับจินเซิงว่า
“มีบางอย่างที่ต้องจัดการต่ออีกนิดหน่อยน่ะ นายพาทุกคนกลับไปก่อนเถอะ”
“เดี๋ยว…เดี๋ยวผมรีบไปเรียกรถให้นะครับ ส่วนเรื่องค่าใช้จ่ายระหว่างเดินทางกลับ ทางเราจะอาสาออกให้เองครับ”
หวางหลิง เจ้าของKTVแห่งนี้เป็นชายวัยกลางคนอายุประมาณ40ปี สวมเสื้อผ้าราคาแพงพร้อมกับสร้อยทองเส้นใหญ่เป็นแผงรอบคอ ดูก็รู้ว่าใส่มาเพื่ออวดร่ำอวดรวย ทว่าตอนนี้กลับไร้ซึ่งความน่าเกรงขามเมื่อได้ยินว่า อีกฝ่ายเป็นแม่ทัพภาคที่1 ตอนนี้ได้จังหวะจึงรีบเสนอหน้าออกมาเพื่อเอาใจเหล่านักศึกษากลุ่มนี้
จินเซิงโบกมือปัดอย่างไม่ใส่ใจและกล่าวว่า
“ไม่เป็นไรครับ พวกผมเรียกแท็กซี่กันเองได้”
ทัศนคติของพวกจินเซิงที่มีต่อคนในKTVไม่ค่อยสู้ดีนัก เพราะหากคนพวกนี้ลงมาควบคุมสถานการณ์ตั้งแต่แรก เรื่องราวคงจะไม่บานปลายถึงขนาดนี้แน่นอน
มิหนำซ้ำพวกรปภ.ยังจะให้ท้ายพวกอันธพาลอีก ตอนที่พวกนักศึกษาโดนทำร้ายกลับไม่ห้ามปราม พอเห็นว่ากลุ่มอันธพาลเสียท่ากลับรีบเข้ามาขวางเชียว จินเซิงย่อมไม่จำเป็นต้องไว้หน้าอีกต่อไป
แต่หวางหลิงก็แกล้งทำเป็นหูทวนลม หันไปขยิบตาส่งสัญญาณให้หยานเสวียเหลียงให้จัดการต่อ
“ผู้จัดการหยาน ไปเตรียมรถขับพานักศึกษาพวกนี้กลับบ้าน บอกให้คนขับอย่ารีบล่ะ เดี๋ยวจะเกิดอันตรายกับพวกเด็กๆเข้า โอ้? ดูจากชุดแล้วน่าจะเป็นนักศึกษาแพทย์ปักกิ่งใช่ไหมครับเนี่ย? เด็กๆพวกนี้ล้วนแต่เป็นอนาคตของชาติ ยินดีที่ได้ต้อนรับนะครับ หวังว่าวันหน้าจะมาสนุกกันใหม่ ครั้งหน้าผมจะรีบจัดเตรียมสถานที่ให้ก่อนเลยครับ ฮ่าฮ่า…”
“ลืมมันไปเถอะครับ คงไม่มีครั้งหน้าแล้ว”
จินเซิงกล่าวประชดต่อทันที
“ไปเถอะทุกคน เดี๋ยวฉันจ่ายค่าแท็กซี่ให้เอง!”
หวางหลิงได้แต่ยิ้มแห้งรับไว้ ใบหน้าที่สุดแสนจะด้านหนาพลันต้องแตกร้าวราน เฝ้ามองพวกนักศึกษาเดินจากไปอย่างไม่ไยดี ส่วนพวกพนักงานคนอื่นๆที่อยู่บริเวณใกล้เคียงที่เห็น ต่างก็แอบจับกลุ่มกระซิบนินทาทันที ปกติเจ้านายของพวกเขาคนนี้ชอบวางกล้ามใหญ่โต และยังกดขี่ลูกน้องอยู่เสมอๆ พอเห็นอีกฝ่ายตกมาอยู่ในสภาพเช่นนี้ก็อดที่จะสะใจไม่ได้จริงๆ
หลังจากกุมตัวพวกบอดี้การ์ดขึ้นรถบรรทุกทหารไปแล้ว ซูจงก็เดินกลับเข้ามาในร้านตามลำพัง
เหอจื่อเป็นคนสั่งให้เขากลับมาเอง และเมื่อมาถึงก็รีบอีกฝ่ายเดินตรงเข้าไปพลางชี้ไปที่ฉีเล่ย พร้อมกล่าวแนะนำทันที
“เดี๋ยวฉันจะแนะนำให้รู้จัก ผู้ชายคนนี้ชื่อฉีเล่ย”
สีหน้าของซูจงเปลี่ยนเป็นนิ่งขรึมไปชั่วขณะ สายตาของเขาหรี่เล็กลงสำรวจมองฉีเล่ยตั้งแต่หัวจรดเท้าอย่างละเอียด ก่อนจะกระซิบถามว่า
“แฟนหนุ่มเหรอครับ?”
เขาย่อมรู้ดีว่า เหอจื่อผู้ซึ่งเป็นถึงคุณหนูของแม่ทัพภาคที่1นั้น มีดีทั้งในด้านหน้าตา ความฉลาด แล้วก็ไหวพริบปฏิภาณ โดยรวมแล้วทำให้หญิงสาวยิ่งดูมีเสน่ห์มากขึ้น นี่ยังไม่รวมถึงภูมิหลังครอบครัวที่พิเศษเกินกว่าใครๆ ตั้งแต่เด็กจนโต ผู้ชายทุกคนโดยรอบต่างหลงรักเธอกันทั้งนั้น
ภายใต้สภาพแวดล้อมที่เขาต้องอยู่ดูแลเหอจื่อมาตั้งแต่ยังเด็ก นอกจากซูจงจะเป็นทหารฝีมือดีแล้ว เขายังถูกทุกคนเรียกขานในอีกหนึ่งฉายาว่า ผู้พิทักษ์อัญมณีตัวน้อย
เพื่อร่วมคลาสคนอื่นๆเหอจื่อไม่แม้แต่แนะนำให้เขารู้จัก แตกต่างจากชายหนุ่มคนนี้ที่กลับเรียกมาแนะนำเป็นการส่วนตัว จึงไม่น่าแปลกใจเท่าไหร่ที่ซูจงจะคิดไปในทางแบบนั้น
ใบหน้าของเหอจื่อแดงระเรื่อขึ้นทันที เธอยกเท้าเตะซูจงไปหนึ่งทีและสวนตอบไปว่า
“นี่นายจินตนาการไปถึงไหนแล้วห๊ะ? เขาเป็นอาจารย์ของฉันย่ะ!”
“อ่า! เป็นอาจารย์หรอกเหรอครับ ผมเผลอแสดงกิริยาไม่สุภาพออกไปแบบนั้น ต้องขอโทษด้วยนะครับ”
ซูจงรีบตรงเข้าไปจับมือฉีเล่ยทันทีพร้อมกับกล่าวคำขอโทษ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดคุณหมอสกุลเฉิน