ตอนที่101 คิดบัญชีย้อนหลัง
มู่เซียวหยานตกใจอย่างยิ่งกับเสียงตะโกนของลูกสาวตัวเอง เธอหันขวับจนรองเท้าส้นสูงที่ใส่มาพลิกจนขาบิดเกือบแพลง
เมื่อเธอได้เห็นลูกสาวของตนเองโบกไม้โบกมือเรียก ความหยิ่งผยองและแรงกดดันขุมใหญ่ที่ชักพามาด้วยก็พลันอันตรธานหายวับไปทันตา เธอรีบวิ่งถือกระเป๋าเข้าไปหาด้วยสีหน้าที่มีความสุขอย่างมาก
ผิวพรรณของผู้หญิงคนนี้ขาวนวลเป็นอย่างมาก ถ้าไม่นับรวมใบหน้าอันสุดแสนจะเย็นชาเมื่อครู่ เธอเป็นคนที่ยิ้มแล้วดูอ่อนหวานจนใจละลาย รูปลักษณ์ใบหน้าคล้อยกับเหอจื่อกว่า70% ดวงตากลมโต ขนตายาว สันจมูกโด่งได้รูป ส่วนที่แตกต่างกันจริงๆดูเหมือนจะเป็นทรงผม เหอจื่อจะไว้ผมตรง ในขณะที่มู่เซียวหยานจะดัดเป็นลอน ให้อารมรณ์คุณนายไฮโซกว่ามาก
ความประทับใจแรกที่ตราตรึงภายในใจของฉีเล่ยเลยก็คือ ใบหน้าอันงดงามและรูปร่างที่มีส่วนโค้งส่วนเว้าได้รูปอย่างสมบูรณ์แบบ กระทั่งตัวเขาเองยังไม่สามารถบอกอายุที่แท้จริงของเธอได้เลย หากคำนวณจากอายุของลูกสาว ผู้หญิงคนนี้ควรจะอยู่ในวัยสี่สิบ แต่ใบหน้าของเธอกลับดูอ่อนกว่าวัยมาก เอาเข้าจริงๆ ถ้าบอกว่าเป็นพี่สาวของเหอจื่อ เขาก็ยังเชื่อได้อย่างสนิทใจ สิ่งเดียวที่ทำให้เธอดูไม่เหมือนเด็กวัยรุ่นน่าจะเป็นเรื่องความสุขุมนุ่มลึก
“เธอเป็นคุณแม่ของเหอ…อ้าว?”
ฉีเล่ยประเดิมเอ่ยปากถามซูจงที่อยู่ข้างตัวก่อนทันที แต่ยังไม่ทันจะสิ้นเสียง เขากลับพบว่าอีกฝ่ายแอบย้ายที่นั่งไปอยู่อีกมุมหนึ่งของโซฟา แถมยังยกหน้าเมนูอาหารขึ้นมาปิดหน้าปิดตาไว้ด้วยความหวาดกลัว
เหอจื่อที่เห็นดังแบบนั้นก็ถอนหายใจเฮือกหนึ่ง อาสาตอบแทนไปว่า
“ก็หวังว่าจะไม่ใช่”
ฉีเล่ยย้นคิ้วขมวดแน่น หมายความว่ายังไง? หวังว่าจะไม่ใช่?
ระหว่างเดินเข้ามาได้ครึ่งทาง ใบหน้าของมู่เซียวหยานก็แปรเปลี่ยนกลายเป็นหมองหม่นทันที เธอชี้หน้าเหอจื่อและเริ่มแหกปากตะโกนบ่นเสียงดัง
“ยายเด็กบ้า! แต่ละครั้งที่โทรมาแม่เกือบหัวใจวายตาย! แล้วนี่ยังจะมาพูดแบบนี้อีกงั้นเหรอ!? การเป็นแม่ของเธอเนี่ยคิดว่าง่ายนักรึไง? ค่าเลี้ยงดูแกคนเดียวก็ไม่ใช่น้อยๆ แล้วอีกอย่างนะ แม่ส่งแกมาเรียน แต่ทำไมไม่รู้จักขยันอ่านหนังสือ มาเที่ยวที่แบบนี้ได้ยังไงห๊ะ?!”
ผู้หญิงคนนี้เดือดดาลเมื่อไหร่ก็ไม่ต่างจากกระสุนปืนใหญ่ หาเรื่องได้กับทุกคน เพิ่งจะเหยียบเข้ามาในร้านก็เริ่มร่ายยาวแล้ว
เหอจื่อกลอกตาค้อนใส่ไปหนึ่งที และเถียงกลับไปว่า
“มู่เซียวหยาน! อย่าลืมสิว่า ครั้งแรกที่มาเที่ยวแบบนี้ ใครเป็นคนพาฉันมาที่ล่ะ!?”
“หนอยแน่! ยังจะมาเถียงอีก! ตอนนั้นที่พาแกมา ทุกอย่างอยู่ภายใต้การควบคุมของฉัน!”
มู่เซียวหยานกล่าวโต้อย่างเดือดดาล พอตรงมาถึงตัวเหอจื่อ สีหน้าของเธอก็แปรเปลี่ยนเป็นความกังวลทันที ยื่นไม้ยื่นมือเข้ามาลูบๆคลำๆร่างกายของลูกสาวอย่างลวกๆและเอ่ยขึ้นว่า
“ไม่เป็นอะไรใช่ไหม?”
“ไม่เป็น! อย่ามาจับตัวฉัน!”
เหอจื่อปัดมือแม่ของเธอทิ้งทันที
“นี่! แกเป็นลูกฉันนะ ทำไมฉันถึงจะไม่มีสิทธิ์แตะเนื้อต้องตัวลูกตัวเองด้วยล่ะ?!”
ริมฝีปากของมู่เซียวหยานเบะขึ้นทันที
“ก็ดีแล้วที่แกไม่เป็นอะไร ฉันโทรบอกพ่อแกแล้ว ทำไมป่านนี้ยังไม่ส่งใครมาอีก! อะไรกันเนี่ย ใช้ไม่ได้เลยสักคน! ถ้าลูกสาวฉันเสียพรหมจรรย์ขึ้นมาจะทำยังไง?!! เห้ย! ไอ้พวกเวรนั่นยังไม่มาจริงๆเหรอ! เดี๋ยวแม่จะโทรหาอีก!”
ที่ โซฟามุมหนึ่งของห้อง ซูจงค่อยๆเลื่อนหน้าเมนูลงและเผยรอยยิ้มแห้งแก้เขิน สิ้นสภาพนายทหารมากฝีมือ
“คุณ…คุณนายผมอยู่นี่แล้วครับ”
“คุณนายอะไรของแก? เรียกฉันว่าพี่สิ! พี่สาว!”
“พะ-พี่สาว…”
“เออ แกหมดหน้าที่แล้ว จะมุดหัวหายไปไหนก็เรื่องของแก”
มู่เซียวหยานโบกมือปัดอย่างคร้านจะใส่ใจ กวาดสายตาคู่สวยมองไปรอบๆ แล้วจึงหันไปถามเหอจื่ออีกครั้งว่า
“แล้วไอ้ตัวไหนที่มันกล้าลวนลามแก? ลากคอมันออกมาเดี๋ยวนี้!!”
“ฉันบอกไปตั้งแต่เมื่อไหร่ว่า อีกฝ่ายลวนลามฉัน?”
“ถึงแกไม่บอก ฉันก็รู้ ลูกสาวของฉันสวยขนาดนี้ ต้องมีไอ้พวกผู้ชายหื่นคิดเอาเปรียบแกแน่นอน ก็อย่างว่านะ ที่นี่มันสถานที่อโคจร”
มู่เซียวหยานเอ่ยขึ้นตามความเป็นจริง
“คุณผู้หญิงครับ เกรงว่าทั้งหมดจะเป็นการเข้าใจผิด แหะ แหะ…”
หวางหลิงคาดเดาถึงตัวตนของมู่เซียวหยานได้ทันทีที่ได้ยินบทสนทนาก่อนหน้า จึงรีบเข้าไปประจบประแจงพร้อมกล่าวอธิบายในทันที
มู่เซียวหยานชำเลืองหางตามองอีกฝ่ายเล็กน้อย ก่อนกระซิบถามข้างหูเหอจื่อเสียงเบา
“นี่ใคร? อาจารย์ที่แกตกหลุมรักเหรอ? ดูแก่ไปหน่อยนะ”
เหอจื่อกล่าวตอบด้วยท่าทีกล้ำกลืนฝืนทนอย่างยิ่งว่า
“ไม่ใช่ นี่แหละเจ้าของKTVแห่งนี้ ตัวต้นเหตุเลย!”
ทันใดนั้นมู่เซียวหยานก็เดือดจัดขึ้นมาทันควัน เธอชี้หน้าใส่หวางหลิงตะโกนด่าชุดใหญ่ขึ้นว่า
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดคุณหมอสกุลเฉิน