ตอนที่102 แม่ลูกคู่บรรลัย
“ยังมีหน้ามาขอโทษอีกงั้นเหรอ?! นี่แกเลือกปฏิบัติแบบนี้มาตลอดเลยใช่ไหม!?”
หวางหลิงกัดฟันแน่น สีหน้าโกรธจัด
“เก็บข้าวเก็บของแล้วไสหัวไปจากที่นี่ซะ! พรุ่งนี้แกไม่ต้องมาทำงานแล้ว!”
“ครับ ครับ ขอบคุณบอสหลางที่ดูแลเสมอมาครับ ผมจะไปเดี๋ยวนี้”
หยางเสวียเหลียงรีบพยักหน้าโค้งคำนับให้ เขาทราบดีว่าหวางหลิองกำลังช่วยเขาทางอ้อมอยู่ เพื่อเลี่ยงไม่ให้ยืนโดนด่าแบบนี้ต่อ โดยไม่รีรออันใดเขาหันหลังควับและวิ่งกลับไปที่ห้องทำงานทันที
หวางหลิงหันไปกล่าวขอโทษมู่เซียวหยานอีกครั้ง
“ผมต้องขอโทษจริงๆ ผมต้องขอโทษจริงๆ ครับ ผมไม่เคยคิดเลยว่าตัวเองจะปล่อยให้คนแบบนี้เข้ามาทำงานที่ร้านได้ ถ้าคุณผู้หญิงรู้สึกว่าสมควรแล้ว เดี๋ยวผมจะไล่รปภ.ยกชุดออกไปเลยก็ยังได้ครับ”
“ก็ได้ ก็ได้”
มู่เซียวหยานโบกมือปัดและกล่าวต่อว่า
“กลอุบายไม่เลวนี่ แค่ถ่ายน้ำเปลี่ยนไม่ใช่เทออก แต่เอาเถอะ ฉันเองก็ได้ระบายอารมณ์ออกไปหน่อยแล้ว ขอตัวกลับก่อนละกัน”
หวางหลิงส่ายหัวเร่งเอ่ยขึ้นว่า
“เราจะปล่อยให้ลูกค้าเสียเปรียบแบบนี้ได้ยังไง? คุณผู้หญิงโปรดแจ้งที่อยู่มาให้ผมเถอะครับ เดี๋ยวพรุ่งนี้ผมจะถอยเฟอรารี่ไปส่งถึงหน้าบ้านเลย ไม่ว่ายังไงครั้งนี้ทางผมเป็นฝ่ายผิด ให้โอกาสผมได้ชดใช้เถอะครับ และผมเองก็คิดว่าเฟอรารี่รุ่นใหม่คันนั้นมาเหมาะกับคุณหนูคนนี้มากเลย…”
สิ่งเดียวที่หลางหลิงกลัวคือ มู่เซียวหยานที่จากออกไปทั้งแบบนี้โดยที่ไม่รู้อารมณ์ของเธอเลย บางทีในไม่ช้าก็เร็วเขาอาจจะโดนกองทัพเข้ามาถล่มร้านก็เป็นได้
“ลืมมันไปเถอะ ครอบครัวเราค่อนข้างพอเพียงน่ะ ไปไหนมาไหนยังเรียกแท็กซี่กันอยู่เลย ฉันเองยังไม่มีรถส่วนตัวเลยด้วยซ้ำ แล้วเธอเป็นแค่เด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ คนหนึ่ง จำเป็นต้องใช้เฟอรารี่เชียวเหรอ?”
สิ่งนี้ทำให้หวางหลิงผิดหวังอย่างแรง นึกอะไรบางอย่างขึ้นได้เขายกมือขึ้นตบอกกล่าวเสนอขึ้นว่า
“คุณผู้หญิง เดี๋ยวผมสั่งให้ลูกน้องขับรถไปส่งให้ดีกว่าครับ คันหนึ่งสำหรับคุณและคุณหนู ส่วนอีกคัน…”
ปัง!
มู่เซียวหยานหวาดฝ่ามือตบโต๊ะเสียงดังสนั่น
“พล่ามเสร็จรึยังห๊ะ!? บอกว่าไม่ต้องคือไม่ต้องไง! แล้วถ้าแกยังกล้าเรียกฉันว่าคุณผู้หญิงอีก ฉันจะทุบร้านแกเดี๋ยวนี้แหละ! เห็นฉันแก่ขนาดนั้นเลยรึไง!?”
“ขอโทษครับ ขอโทษครับ ขอโทษจริงๆ ครับ คะ-คุณ…คุณพี่สาว…ยังเด็กแถมยังสวยมากเลยครับ!”
หวางหลิงไม่สามารถทำให้หญิงสาวตรงหน้าขุ่นเคืองได้เลยแม้แต่น้อย ถ้ายังไม่อยากชะตาขาด เขาไม่มีทางเลือกอื่นแล้วนอกจากเป็นลูกไก่ในกำมือ
“เสี่ยวจื่อ กลับกันเถอะ!”
มู่เซียวหยานเดินถือกระเป๋าของเธอ พร้อมเอ่ยปากเรียกลูกสาวเดินจากไป
เหอจื่อถอนหายใจหนักเสียงยืดยาว คลี่ยิ้มแห้งอย่างขมขื่นใจกล่าวกับฉีเล่ยว่า
“อาจารย์ฉี เราไปกันเลยดีไหมค่ะ?”
เธอรู้สึกเศร้าใจไม่น้อยที่มีแม่แบบนี้
“อาจารย์ฉี?”
ส้นสูงของมู่เซียวหยานหยุดชะงักทันที ก่อนจะหันควับกลับมา ดวงตาคู่สวยประดุจลูกพีชของเธอจ้องฉีเล่ยเขม็งกวาดดูทั่วทั้งร่างกาย และแทบจะในทันทีทันใด น้ำเสียงของเธอพลันอ่อนโยนขึ้นผิดหูผิดตาจากก่อนหน้า
“อุ๊ย! คุณคืออาจารย์ฉีเหรอคะ? ดิฉันเองมักจะได้ยินเสี่ยวจือพูดถึงคุณอยู่บ่อยๆ ฮ่าฮ่า…อาจารย์ฉีนี่เป็นคนหน้าตาดีมากเลยนะคะ ดูใจดีมีอารมณ์ขัน แถมยังเป็นแพทย์ที่เก่งมากอีกด้วย…”
“มู่เซียวหยาน พูดแบบปกติได้ไหม?”
เหอจื่อดูหัวเสียอย่างมาก
มู่เซียวหยานกลอกตาใส่
“นี่แกรู้อะไรไหม? นี่เรียกว่าการสร้างสัมพันธ์อันดีกับว่าที่ลูกเขยในอนาคต!”
“เหอะ! ไม่ทราบว่าจะหาลูกเขยหรือจะหาพ่อใหม่ให้ฉันกันแน่?”
“เจ้าเด็กบ้า! เชื่อไหมล่ะว่าหลังกลับบ้านไปฉันจะตีแกให้ตาย! นี่ฉันอายุขึ้นเลขสามแล้วนะ เลขสามแล้ว! ถึงจะสวยหรือหน้าดูเด็กจนถูกคนอื่นเข้าใจผิดว่าเป็นพี่สาวก็เถอะ แต่ฉันก็เป็นแม่แกนะ!”
“นี่….”
เหอจื่อไม่อยากปล่อยให้แม่ตัวเองทำเสียหน้าต่อหน้าอาจารย์ฉีอีกต่อไปแล้ว ดังนั้นเธอจึงรีบเอ่ยขึ้นว่า
“ไม่มีธุระอะไรแล้ว กลับเถอะ กลับกัน! ซูจง นายช่วยไปส่งแม่ฉันทีนะ ฉันจะตามอาจารย์ฉีกลับมหาวิทยาลัย”
“เอ่อ…คุณหนูเหอ ผมต้องรีบกลับไปกรมเพื่อรายงานตัวกับหัวหน้านะครับ คงจะไม่สะดวก…”
ซูจงคลี่ยิ้มกว้างรีบเข้าประจบประแจงเหอจื่อทันที ช่างเป็นเรื่องน่าขันสิ้นดี ใครจะไปกล้าอยู่กับมู่เซียวหยานสองต่อสองกัน!?
เหอจื่อกล่าวตอบอย่างไร้เยื่อไยว่า
“ก็ไปส่งแม่ฉันก่อนค่อยกลับไปรายงานตัวไง”
“ครับ…”
ซูจงอยากจะร้องไห้เสียงดังๆ ทว่ากลับไม่มีแม้กระทั่งน้ำตารินไหล
ทว่ามู่เซียวหยานกลับไม่ได้รีบร้อนที่จะจากออกไปไหน เธอพุ่งเข้าไปควงแขนฉีเล่ยและกล่าวเสียงหวานขึ้นว่า
“ฉันไม่กลับ จะรีบไปไหนกันห่ะ? อาจารย์ฉีค่ะ เรามานั่งคุยกันดีๆ ก่อนเถอะนะคะ”
‘ชิบหาย’ เสียงอุทานแรกดังขึ้นจากในหัวของฉีเล่ย อีกฝ่ายก็ได้ยินไปแล้วไม่ใช่เหรอว่า เขาเป็น ‘อาจารย์’ โดยปกติผู้ปกครองต้องมีความเกรงใจต่อตัวอาจารย์ของลูกตัวเองบ้างไม่มากก็น้อยไม่ใช่รึไง?
“คงไม่สะดวกเท่าไหร่น่ะครับ ผมต้องกลับไปจัดเตรียมการเรียนการสอนของวันพรุ่ง…”
“งั้นไปคุยกันต่อที่บ้านอาจารย์ดีไหมคะ?”
“เออ…งั้นคุยตรงนี้เลยดีกว่าครับ”
“ได้เลยค่ะ! อาจารย์ฉีคิดยังไงบ้างกับเสี่ยวจือ เธอไม่ได้มีดีแค่สวยอย่างเดียวหรอกนะคะ แต่เธอยังเป็นคนจิตใจดี ทั้งยังอ่อนโยน ดิฉันคิดว่าคุณสองคนน่าจะเข้ากันได้ในอนาคต”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดคุณหมอสกุลเฉิน