ยอดคุณหมอสกุลเฉิน นิยาย บท 103

ตอนที่103 แก้เกม

หลังจากที่ออกมาจากร้าน ฉีเล่ยก็กำลังจะโบกมือเรียกแท็กซี่ ทว่าจู่ๆ เหอจื่อก็เอ่ยทักขึ้นว่า

“อาจารย์ฉี เราออกไปเดินเล่นกันหน่อยไหม? นานมากแล้วที่หนูไม่ได้เดินช็อปปิ้งในตลาดกลางคืนแบบนี้”

มันไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับเธอเลยที่จะเฟ้นหาโอกาสได้อยู่กับฉีเล่ยแบบสองต่อสอง ดังนั้นเธอไม่ต้องการให้ช่วงเวลาดีๆ แบบนี้จบลงโดยไว มีผู้ชายที่เพียบพร้อมแบบนี้ผ่านเข้ามาในชีวิต ในฐานะผู้หญิงคนนึง เธอเองก็ต้องพยายามไขว้คว้าเท่าที่จะทำได้เช่นกัน

ฉีเล่ยตั้งใจไว้แล้วว่าจะกลับบ้าน เพราะเขายังต้องไปรักษาหลี่ถงซีต่อ แต่ถึงจะตอบปฏิเสธกลับไป เหอจื่อยังคงยืนกรานจะไปเดินเล่นกับเขาให้ได้ ดังนั้นแล้วเขาก็ไม่อยากขัดใจแม่สาวสุดแกร่งคนนี้เท่าไหร่นัก จึงพยักหน้าตอบตกลงไปว่า

“เอาล่ะ เอาล่ะ งั้นเดินเป็นเพื่อนเล่นสักพักนะ แค่ครึ่งชั่วโมงเท่านั้น”

“ได้ค่ะ!”

เห็นได้ชัดว่าเหอจื่อดูมีความสุขอย่างมาก

“งั้นหนูจะจับเวลาเอาไว้ เริ่มแล้วนะคะ!”

พูดจบเธอก็หยิบมือถือขึ้นมาจับเวลาอย่างจริงจัง

เป็นค่ำคืนกลางฤดูใบไม้ร่วงในเมืองหลวงที่สีสายลมพัดโชยอ่อนเย็นสบายอยู่ตลอด เพราะเป็นช่วงเปลี่ยนถ่ายระหว่างฤดูร้อนจึงทำให้ไม่หนาวเย็นจนเกินไป เป็นช่วงอุณหภูมิที่กำลังพอเหมาะ

เหอจื่อพาฉีเล่ยเดินช็อปปิ้งตามตรอกซอกซอยตลาดกลางคืนที่มีผู้คนพลุกพล่าน ยืนรอทางสัญญาณเตือนข้ามถนนให้เป็นไฟเขียวหน้าสี่แยก สายธารฝูงคนยามราตรีเริ่มเดินไหลไปดั่งกระแสน้ำเมื่อไฟสัญญาณเปลี่ยนเป็นสีเขียว บรรยากาศรอบตัวประดับประดาแสงไฟสีสวย เจือสายลมเย็นคล้อยไปกับท่วงทำนองของบทเพลงเก่า ฟังไพเราะเสนาะหู

ช่างเป็นอะไรที่มีความสุขอย่างแท้จริง

การเดินช็อปปิ้งกับสาวงามหาใช่เรื่องน่าเบื่อ เพียงแต่ทุกสายตาที่จับจ้องโดยรอบแค่สัมผัสก็รู้ว่า มันเปี่ยมล้นไปด้วยความอิจฉาจากเหล่าชายโสด ถึงขนาดที่ว่าบางคนร้องอุทานด้วยถ้อยคำไร้สาระมากมาย

แม้ว่าบางทีพวกเขาจะเหม่อลอยไร้สติจนเดินชนกับคนอื่น ทว่าภายในหัวกลับคิดแต่ว่า ‘ทำไมฉันถึงไม่มีเพื่อนผู้หญิงหน้าตาน่ารักแบบนี้บ้างนะ?’ ‘ทำไมชีวิตของฉันน่าสมเพชขนาดนี้!’

อย่างไรเสีย ฉีเล่ยไม่ได้ใส่ใจเลย

เหอจื่อกับฉีเล่ยยังคงเดินเคียงข้างกันอย่างเงียบงัน บนใบหน้าอันงดงามของสาวน้อยคนนี้ประดับคู่พร้อมรอยยิ้มสีจาง บ้างก็ฮัมเพลงตามท้องถนนที่ได้ยิน เธอในเวลาแบบนี้แตกต่างไปตอนปกติโดนสิ้นเชิง ทำให้เห็นดูเป็นเด็กสาวคนหนึ่งที่น่ารักและทรงเสน่ห์เกินใครๆ

ตั้งแต่ฉีเล่ยมาสอนหนังสือ เนื่องจากเหอจื่อเอาแต่เคี้ยวหมากฝรั่งอยู่ตลอดไม่เว้นแม้แต่ในคลาสเรียน ดังนั้นเขาจึงไม่ค่อยมีโอกาสได้พูดคุยกับเธอเท่าไหร่

ฉีเล่ยในตอนนี้สามารถพูดได้อย่างเต็มปากว่า เด็กสาวคนนี้เริ่มมีความรู้สึกที่พิเศษต่อเขาแล้วจริงๆ แต่อย่างไรเขาก็ไม่ได้คิดจะขยายความหรือยกเรื่องนี้มาพูด เขาต้องการให้เธอปฏิบัติต่อตัวเองในฐานะอาจารย์ที่เคารพ และเรียนรู้สืบทอดทักษะการแพทย์ปาฏิหาริย์เท่านั้น

เพลงที่เปิดเคลียคลออยู่ตามท้องถนนในขณะนี้มีชื่อว่า ‘Love of Hiroshima’

เหอจื่อเดิมฮัมเพลงอย่างมีความสุข

ฉีเล่ยเอ่ยถามขึ้นว่า

“คุณชอบร้องเพลงขนาดนั้นเลย?”

เหอจื่อหัวเราะและยิ้มตอบไปว่า

“อืม…การร้องเพลงมักจะทำให้คนเรามีความสุข ทุกครั้งที่หนูเศร้า หนูมักจะไปหาที่เงียบๆ ร้องเพลงอยู่ตลอด”

ฉีเล่ยอดหัวเราะไม่ได้

“อ้าว? แสดงว่าตอนนี้กำลังเศร้าอยู่เหรอ?”

“ทำไมจะเศร้าไม่ได้ล่ะ? หนูก็เป็นมนุษย์คนหนึ่ง มีหัวใจมีความรู้สึกนะคะ”

พอพูดออกไปแบบนั้น เหอจื่อก็ยกมือปิดปากราวกับพูดอะไรผิดไป เธอเผลอแสดงความในใจออกไปเสียแล้วว่า ตอนนี้เธอกำลังรู้สึกเศร้าภายในใจ

อันที่จริง นอกจากมู่เซียวหยานแล้ว เธอก็ไม่ค่อยเปิดใจคุยแบบนี้กับคนอื่นเลย แต่เมื่อใดก็ตามที่เธอเปิดใจนั้นก็หมายความว่า เธอจะไม่สามารถเก็บซ่อนความรู้สึกได้อีกต่อไป

แน่นอน เบื้องลึกภายในใจของเธอย่อมมีความโศกเศร้าซ่อนแฝงอยู่เช่นกัน

ถ้าจะให้ยกตัวอย่างขึ้นมา ก็น่าจะเป็นเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นสดๆ ร้อนๆ เลย

เธอรู้สึกไม่มีความสุขเลยสักนิดเมื่อนึกถึงเรื่องที่อื้อฉาวระหว่างอาจารย์ฉี กับ หลี่ถงซี

เธอไม่มีความสุขเลยสักนิดที่เห็นพวกเขานั่งรถคันเดียวกัน

เธอไม่มีความสุขเลยสักนิดที่เห็นรูปคู่ของพวกเขาในโพสต์ที่คนอื่นเอามาลง

พอเหอจื่อลองมองย้อนกลับมาดีๆ ปรากฏว่าความทุกข์ใจและโศกเศร้าทั้งหมดของเธอล้วนเกิดจากอาจารย์ฉีทั้งสิ้น

ในทางกลับกัน ฉีเล่ยกลับไม่เคยทราบในมุมนี้ของเธอเลยแม้แต่น้อย พอมีโอกาสได้พูดคุยกับ แล้วเขาเอ่ยถามขึ้นว่า

‘แสดงว่าตอนนี้กำลังเศร้าอยู่เหรอ?’ จึงไปกระตุ้นก้นบึ้งในใจของเธอโดยพลัน

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดคุณหมอสกุลเฉิน