ตอนที่110 จับทั้งหมด
เส้นซีตานตะวันออกเป็นถนนสายหลักที่เชื่อมกับซีตานเวส สแควร์ เป็นย่านธุรกิจที่มีเม็ดเงินจำนวนมหาศาลไหลเวียนในแต่ละวัน ถนนเส้นนี้ค่อนข้างมีชีวิตชีวาอย่างมากตลอดทั้งกลางวันกลางคืน
เหอจื่อขับAudi A4ของแม่เธอมา หลังจากจอดรถในชั้นใต้ดินของห้างเสร็จสรรพ เธอก็สะพายกระเป๋าเดินขึ้นไปยังร้านแม็คโดนัลด์ที่ตั้งอยู่ในบริเวณชั้นหนึ่งทันที
แม้เธอจะรู้ว่า การออกเดทกับผู้ชายครั้งแรกฝ่ายหญิงควรจะมาสายสักหน่อย ประมาณ5นาทีให้พอดูงาม ทว่าเหอจื่อกลับตื่นเต้นเกินกว่าจะรอไหว และมาเจอฉีเล่ยตรงตามเวลานัดเป๊ะ
ฉีเล่ยนั่งรออยู่ริมหน้าต่างอยู่ก่อนแล้ว เมื่อเห็นเหอจื่อเดินตรงเข้ามาหา เขาก็รีบโบกมือทักทายทันที
“อาจารย์ฉี รอนานไหมค่ะ?”
เหอจื่อส่งยิ้มหวานให้ฉีเล่ย เลื่อนเก้าอี้ที่อยู่ตรงข้ามออกมานั่งทันที
ฉีเล่ยส่ายหัวไปมา
“ผมเพิ่งมาถึงเมื่อกี้เอง”
หากสังเกตให้ดีจะเห็นว่า เหอจื่อในวันนี้ตั้งใจแต่งหน้าสวยเป็นพิเศษกว่าทุกๆวัน แต่ถึงอย่างนั้น ด้วยฝีมือสไตล์การแต่งหน้าของเธอ จึงออกมาดูไม่จัดจ้านจนเกินไปเท่าไหร่นัก ยังคงเน้นความเป็นธรรมชาติ ราวกับสาวน้อยบริสุทธิ์ที่เน้นเสน่ห์ของความสดใสมากกว่า เธอสวมเสื้อสเวตเตอร์สีพื้นที่คอปกค่อนข้างกว้าง ถ้าเธอเผลอก้มตัวลงแม้สักนิดเดียว ร่องอกของเธอคงจะเผยออกมาให้เห็นได้ไม่ยาก
ในท้ายที่สุดนี้ เหอจื่อก็ไม่สามารถต้านทานการรบเร้าของแม่ของเธอได้ จำต้องยอมทำข้อตกลงกับแม่ของเธอคนละครึ่งทาง
“อาจารย์ฉีสั่งอะไรทานรึยังค่ะ?”
“ยังเลย”
“งั้นสั่งกาแฟมาดื่มดีไหมค่ะ?”
“ถ้าดื่มตอนนี้จะนอนไม่หลับเอานะ ผมขอนมอุ่นๆก็แล้วกัน”
“งั้นหนูก็จะดื่มนมเหมือนกันค่ะ”
เหอจื่อยังคงส่งยิ้มหวานให้ พลางจับจ้องใบหน้าของฉีเล่ยอย่างหลงใหล
ฉีเล่ยลุกขึ้นไปที่แผนกต้อนรับเพื่อสั่งอาหาร ครู่ต่อมาเขากลับมาพร้อมถาดอาหารชุดหนึ่ง นอกจากเครื่องดื่มแล้ว เขายังสั่งไอศกรีมและมันฝรั่งทอดมาอีกด้วย
เหอจื่อหยิบแก้วนมขึ้นมาถ้วยหนึ่งพร้อมกับใช้ปากดูดนมผ่านหลอดอย่างเอร็ดอร่อย หลังจากกินโน่นชิมนี่อย่างละคำสองคำแล้ว เธอก็เอ่ยถามขึ้นว่า
“อาจารย์ฉี จู่ๆโทรเรียกหนูออกมาแบบนี้ มีอะไรให้รับใช้ค่ะ?”
“อืม ผมมีเรื่องจะขอความช่วยเหลือหน่อยน่ะ”
“เรื่องอะไรเหรอค่ะ?”
ฉีเล่ยเหลือบตามองซ้ายแลขวาทำลับๆล่อๆ ก่อนจะย้ายไปนั่งที่เก้าอี้ข้างๆเหอจื่อ และเริ่มเล่าเรื่องทุกอย่างให้เธอฟังด้วยน้ำเสียงที่เบามาก
หลังจากฟังจนจบ เหอจื่อถึงกับกัดฟันแน่นด้วยความโกรธจัดและร้องออกมาด้วยความโมโห
“นี่มันเกินไปแล้ว! ยังมีเศษเดนมนุษย์ขนาดนี้อยู่อีกเหรอ? น่าจะจับพวกมันมายิงทิ้งให้หมด!”
ฉีเล่ยยักไหล่อย่างไม่รู้ว่าจะทำยังไง
“น่าเสียดายที่ผมเองก็ไม่มีหลักฐานมากพอที่จะมัดตัวคนพวกนั้น”
“เข้าใจแล้วค่ะ”
เหอจื่อพยักหน้าตอบทันที เธอเข้าใจแล้วว่า เพราะเหตุใดฉีเล่ยถึงได้นัดตนเองออกมาพบ
เธอหยิบมือถือขึ้นมาจากกระเป๋าและกดเบอร์ออกโทรหาใครบางคน
“ไห่หยาง ช่วยฉันหาข้อมูลของบริษัทเครื่องมือแพทย์สักแห่งได้ไหม?”
เหอจื่อคุยโทรศัพท์กับปลายสายอยู่ครู่ใหญ่ หลังจากวางสายไปแล้ว เธอก็หันไปบอกกับฉีเล่ยว่า
“เรียบร้อยแล้วค่ะอาจารย์ ถ้าข้อมูลที่อาจารย์ได้มาเป็นความจริง พวกเขาน่าจะสามารถกำจัดโรงงานนั่นทิ้งได้ไม่ยาก ระหว่างนี้เองทางกรมก็จะทำการตรวจสอบความสัมพันธ์ของสองคนนั้นไปด้วย”
ฉีเล่ยเอ่ยถามว่า
“แล้วถ้าหานหมิงต้าปฏิเสธทุกข้อกล่าวหาล่ะ?”
เหอจื่อหัวเราะอย่างหมดห่วง
“ไม่ต้องกังวลไปหรอกค่ะ ถ้าเหยื่อชิ้นนี้ตกไปอยู่ในกำมือของไห่หยางแล้ว แค่กระดิกนิ้วสองสามที จะฟ้องให้กลายเป็นบุคคลล้มละลายไปเลยก็ยังได้ ไม่มีปัญหาอะไร”
ฉีเล่ยหยักหน้าตอบด้วยความพึงพอใจอย่างมาก เหตุผลที่เขาไม่กล้าเปิดเผยความจริงออกไปตั้งแต่แรก เป็นเพราะเขามีอำนาจอิทธิพลในมือไม่มากพอ
หลังจากที่ทำหน้าที่ของตัวเองเสร็จสิ้นแล้ว เหอจื่อก็ยกมือทั้งสองข้างขึ้นเท้าคางพร้อมสบตากับฉีเล่ย พร้อมกับส่งยิ้มหวานฉ่ำให้อีกครั้ง จนดวงตาคู่สวยนั้นหรี่เล็กจนกลายเป็นรูปพระจันทร์เสี้ยว
“อาจารย์ฉี เริ่มกันเถอะค่ะ ไปเดทกันได้แล้ว”
“เอ่อ…”
หลังจากขอความช่วยเหลือไปแล้ว โดยมารยาทฉีเล่ยจึงไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธข้อเรียกร้องของฝ่ายตรงข้ามได้เลย ดังนั้นเขาจึงต้องเดินเคียงคู่กับไปกับเหอจื่อ เป็นเพื่อนดูหนังและช็อปปิ้งให้เธออย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้
เมื่อกลับมาถึงบ้าน จึงพบว่าหลี่ถงซีก็ได้กลับมาถึงก่อนเขาแล้ว เธอกำลังนอนอ่านนิตยสารเล่นอยู่บนโซฟา แต่เมื่อเห็นฉีเล่ยเปิดประตูบ้านเดินข้ามาที่ห้องนั่งเล่น เธอก็รีบเอ่ยขอโทษขึ้นทันที
“โทษทีนะ พอดีฉันติดประชุมกะทันหันในช่วงบ่าย ก็เลยกลับมากินอาหารเที่ยงพร้อมทุกคนไม่ได้”
เธอยังคงรู้สึกผิดที่ไม่สามารถกลับมาทานอาหารมื้อเที่ยงพร้อมกับฉีเล่ยได้
ทว่าฉีเล่ยกลับพบว่านี่เป็นบทสนทนาที่ตลกดี
“ไม่เห็นเป็นไรเลย ถ้าวันหลังคุณยุ่งก็แค่โทรบอกผมก่อน ผมจะได้กลับเอง”
หลี่ถงซีส่ายหน้าไปมา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดคุณหมอสกุลเฉิน