สรุปตอน ตอนที่127 คำตอบเดียวคือไม่ – จากเรื่อง ยอดคุณหมอสกุลเฉิน โดย Internet
ตอน ตอนที่127 คำตอบเดียวคือไม่ ของนิยายActionเรื่องดัง ยอดคุณหมอสกุลเฉิน โดยนักเขียน Internet เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง
ตอนที่127 คำตอบเดียวคือไม่
เมื่อทั้งคู่กลับไปถึงคลินิกชูวโม่ ก๊วนสาวๆที่กลับมาคลินิกก่อน ต่างก็พากันแยกย้ายกลับบ้านจนแทบไม่เหลือแล้ว มีเพียงหงเจากับเสี่ยวอันเท่านั้นที่ยังคงนั่งคุยกันอยู่บนโซฟา
เมื่อเห็นฉีเล่ยกับหลินชูวโม่เดินเข้ามา หงเจาก็เอ่ยถามขึ้นทันทีว่า
“ส่งเซียวเซียวขึ้นเครื่องเรียบร้อยแล้วเหรอ? ตอนนี้เครื่องน่าจะออกแล้วล่ะ เมื่อกี้ฉันโทรไปเธอก็ปิดเครื่องไปแล้ว ส่วนเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ก็ได้รับการสอบสวนเรียบร้อยแล้ว ผู้หญิงคนนั้นเป็นสาวขายบริการจากเรนโบสปิลคลับ ถูกจ้างมาให้ทำร้ายเซียวเซียว”
“ใครจ้างมา?”
หลินชูวโม่ขมวดคิ้วเข้าหากันแน่นขณะเอ่ยถาม
“ซูซาน”
“มันเป็นใครกัน?”
ปลายคิ้วของหลินชูวโม่เลิกขึ้นด้วยความสงสัย พร้อมกับเอ่ยถามออกไปด้วยสีหน้างุนงง
“เป็นคนที่ผู้หญิงคนนั้นหลุดปากเรียกว่าพี่สามยังไงล่ะ ก็แค่นักเลงกระจอกๆคนหนึ่ง แต่น่าแปลกที่จู่ๆ ทำไมถึงต้องจ้างคนไปทำร้ายเซียวเซียวด้วย? ทั้งคู่ไปมีเรื่องกันมาตั้งแต่เมื่อไหร่กัน หรือเป็นเพราะความสวยของเซียวเซียว? บางทีทั้งสองคนอาจจะบังเอิญเจอกันที่ไหนสักแห่ง แล้วไอ้คนที่ชื่อซูซานอะไรนี่ก็โดนเซียวเซียวหักอกเข้า ก็เลยแค้นใจสั่งคนมาทำร้ายแบบนี้?”
หลินชูวโม่ส่ายหัวไปมา
“ซูซานที่ว่านี่น่าจะต้องถูกใครบางคนผลักให้กลายเป็นแพะรับบาป คนบงการอยู่เบื้องหลังที่แท้จริงต่างหากที่สั่งทำร้ายเซียวเซียว”
“ฉันก็คิดแบบนั้นเหมือนกันนะพี่ แต่ซูซานคนนี้มันก็ไม่ยอมปริปากพูดอะไรเลย พยายามซักถามเท่าไหร่ก็บอกอย่างเดียวว่า ตัวมันเองเป็นคนที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ทั้งหมด บอกแต่ว่าจะขอรับผิดโดยดี พอรูปคดีออกมาแบบนี้เราก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากจับมันในฐานะอาชญากรผู้ว่าจ้าง แต่ถามจริงๆเถอะ ถ้าพี่หลินเป็นคนที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้จริง จะเที่ยวมาประกาศตัวเองเหรอว่าเป็นคนที่อยู่เบื้องหลัง? ฟังยังไงมันก็ไม่สมเหตุสมผลเอาซะเลย เฮ้ออ…สุดท้ายผู้หญิงสวยๆอย่างเรา จะทำอะไรก็ดูยากไปหมดซะทุกอย่าง”
“นั่นน่ะสิ”
หลินชูวโม่พยักหน้าเห็นด้วย
“แต่ฉันไม่ห่วงหรอกนะ เพราะพี่หลินคนนี้มีแต่ชอบเอาเปรียบคนอื่น ไม่เคยยอมให้ใครมาเอาเปรียบง่ายๆแน่ ใครที่กล้ามีเรื่องกับพี่หลินก็เท่ากับตายไปครึ่งตัวแล้ว อารมณ์ก็จะประมาณว่า ใครทำให้แมงมุมแม่ม่ายดำโกรธขึ้นมา ต่อให้ไม่ตายก็ต้องโดนพิษของมันจนผิวหนังลอกเละเทะแน่”
หงเจากล่าวหยอกล้อเพื่อผ่อนคลายความตึงเครียดให้จางคลายลง
“เห็นฉันเก่งขนาดนั้นเลยรึไง? ผิวหนังลอกเละเทะงั้นเหรอ? ไม่มีหรอกย่ะ! แต่ถ้าลอกเสื้อผ้าโชว์เนื้อหนังน่ะพอไหว ว่ายังไงล่ะสุดหล่อ? อยากเห็นพี่สาวคนนี้ลอกเสื้อผ้าออกจากตัวบ้างรึเปล่า? แบบค่อยๆถอดทีละชิ้นเลยนะ?”
หลินชูวโม่เริ่มหันกลับมาแทะโลมฉีเล่ยเหมือนที่ชอบทำเป็นประจำอีกครั้ง
“ผมไม่อยากเห็น”
ฉีเล่ยตอบกลับเสียงห้วน
“โอ้ย ฉันไม่ทนดูพวกเธอสองคนจีบกันหรอกนะ เย็นนี้ฉันมีนัดกับน้องอันไปช็อปปิ้งกันต่อ ตามสบายเลยนะจ๊ะ เชิญลอกเสื้อผ้ากันให้เต็มที่”
หงเจาพูดติดตลกก่อนจะลุกขึ้นจากโซฟา แล้วเดินออกไปจากคลินิกพร้อมกับเสี่ยวอัน
“พี่หลิน พี่ฉี พวกพี่สองคนดูเหมาะกันดีนะคะ ฉันชอบ อิอิ”
เสี่ยวอันยิ้มให้ทั้งสองคนก่อนจะรีบเดินตามหงเจาออกไปติดๆ
หลินชูวโม่จับจ้องที่แผ่นหลังของทั้งสองที่ค่อยๆห่างไกลออกไป พลางร้องตะโกนไล่หลังไปว่า
“เสี่ยวอัน เสี่ยวเจา สุดหล่อนี่อันตรายกว่าที่พวกเธอคิดนะ!”
หลังจากที่สองสาวเดินออกจากร้านไปแล้ว
เวลานี้จึงเหลือคนที่อยู่บนชั้นสองของคลินิกเพียงแค่สองคนเท่านั้น คือฉีเล่ยกับหลินชูวโม่
ทั้งสองนั่งพักบนโซฟา แต่แทนที่หลินชูวโม่จะไปนั่งตรงข้ามกับฉีเล่ย เธอกลับเลือกที่จะนั่งข้างกายอีกฝ่าย มิหนำซ้ำยังทำเนียนค่อยๆแอบขยับเข้าไปไกลชายหนุ่มจนไหล่ของทั้งคู่แนบชิดกัน เธอใช้ข้อศอกสะกิดลำตัวฉีเล่ยเล็กน้อยพร้อมกับพูดขึ้นว่า
“นี่สุดหล่อ ตอนนี้ก็เหลือแค่เราสองคนแล้วนะ ไม่อยากจะทำอะไรกันหน่อยเหรอ?”
สีหน้าของฉีเล่ยค่อนข้างเคร่งขรึมมากกว่าเดิม
“ที่ผมพูดไปทั้งหมดในรถนี่ไม่เข้าหูคุณบ้างเลยเหรอ? นี่คุณต้องการอะไรกันแน่? สูตรยาเพิ่มงั้นเหรอ?”
“บ้าจริง! นี่ฉันก็เป็นผู้หญิงนะ พูดอะไรแบบนั้น?”
“ผิดแล้ว คุณน่ะไม่ใช่ผู้หญิง แต่เป็นหญิงบ้า”
“หนวกหูน่า…”
ทันใดนั้นแขนทั้งสองข้างของหลินชูวโม่ก็โอบรัดต้นแขนของฉีเล่ยไว้แน่นราวกับอสรพิษ พร้อมเอนศีรษะของเธอเข้าซบบริเวณไหล่ และเบียดร่างเข้ากับท่อนแขนของฉีเล่ยแนบแน่น
“ก็อย่างที่ฉันบอกยังไงล่ะ ไม่อยากทำอะไรกันหน่อยเหรอ? ฉันเต็มใจนะ…”
“….”
เหงื่อเย็นผุดขึ้นบนหน้าผากของฉีเล่ยเล็กน้อย
หลินชูวโม่สังเกตเห็นเข้า จึงค่อยๆโน้มตัวเข้าไปกระซิบข้างหูฉีเล่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนหวานว่า
“บนโซฟาก็ได้นะ…”
ฉีเล่ยตอบกลับไปเสียงเข้มว่า
“ถ้าคุณยังขืนยั่วแบบนี้อีก อย่าหาว่าผมไม่เตือนล่ะ”
“คิคิ ถ้ายังยั่วต่อ…บอกมาสิว่าจะทำอะไรฉันเอ่ย? บางทีฉันอาจจะชอบก็ได้นะ”
“ก็‘ทำ’อย่างที่คุณต้องการไงล่ะ”
ฉีเล่ยก่นตอบเสียงเย็นยะเยือกกลับไปพร้อมชี้นิ้วขึ้นข้างบน
“ผมจะทำโทษคุณให้หนักจนยืนไม่ได้เลยล่ะ อยากลองก็ขึ้นไปบนชั้นสามสิ”
“เฮ้~ จะทำอะไรฉันที่ชั้นสามกันน๊า~”
หลินชูวโม่แสร้งทำเป็นตีหน้าใสซื่อเอ่ยถามขึ้น
ฉีเล่ยปรายหางตามองดูอย่างคร้านที่จะใส่ใจ
“กลับมานั่งคุยกันก่อนเถอะ…นะ?”
“มีอะไรก็รีบพูดมา ผมจะได้รีบไปไกลๆคุณสักที”
“…”
หลินชูวโม่เม้มริมฝีปากของเธอเล็กน้อย ก่อนจะรีบพูดเข้าเรื่องทันที
“ฉันเอาสูตรยาของนายขึ้นทะเบียนเป็นผลิตภัณฑ์แล้ว ตอนนี้กำลังมองหาโรงงานผลิตกับบริษัทจำหน่ายวัตถุดิบที่มีประสบการณ์ด้านนี้อยู่ เรื่องเอกสารต่างๆผ่านการอนุมัติหมดเรียบร้อยแล้ว เพราะเซียวเซียวบอกกับฉันว่า เพื่อเป็นการตอบแทนบุญคุณที่นายช่วยเธอไว้ ก็เลยออกหน้าคุยกับทางสำนักงานให้อนุมัติง่ายขึ้น หลังจากจัดหาโรงงานผลิตได้เมื่อไหร่ ถึงตอนนั้นยาผงคางคกเย็นของนายก็จะสามารถนำออกมาจำหน่ายในท้องตลาดได้”
“แต่ก่อนหน้านั้น ฉันตั้งใจจะจดทะเบียนบริษัทสกินแคร์ขึ้นมาแยกกับทางคลีนิค จะได้ง่ายต่อการทำบัญชี ภาษี รวมไปถึงการผลิตและการตลาดด้วย รวมไปถึงในอนาคต ฉันต้องการผลักดันแบรนด์นี้ให้โด่งดังไปทั่วประเทศจีนอีกด้วย นายถูกทางมหาวิทยาลัยไล่ออกมาแล้วไม่ใช่เหรอ? ทำไมไม่มาทำงานด้านพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้ฉันเต็มตัวล่ะ?”
“ถ้านายยอมตกลง ฉันจะแต่งตั้งให้นายเป็นประธานบริษัท รับประกันได้เลยว่า ในอนาคต นายจะได้ทานแต่อาหารอร่อยทุกมื้อ อยากจะมีรถหรูขับเล่นสักกี่คันก็ได้ ที่สำคัญ ถึงตอนนั้นนายอยากจะมีสาวๆสวยๆสักกี่คนก็ยังได้!”
หลังจากพูดจบไปแล้ว หลินชูวโม่ก็นิ่งเงียบเพื่อรอดูปฏิกิริยาของอีกฝ่าย แต่เมื่อเห็นว่าฉีเล่ยกลับเดินลงบันไดไปโดยไม่สนใจข้อเสนอของเธอแม้แต่น้อย เธอจึงรีบแก้ตัวทันที
“นี่ ฉันก็แค่เปรียบเทียบให้ฟังเท่านั้นเอง ไม่ได้หมายความแบบนั้นจริงๆสักหน่อย แค่อยากจะเปรียบเทียบให้นายฟังว่า ถ้ามาทำงานกับฉัน นายจะมีเงินทองใช้ทั้งปีทั้งชาติ พวกเราสองคนจะรวยไปด้วยกัน อีกอย่างถ้านายยอมนั่งแท่นประธานบริษัท นายก็จะสามารถพัฒนาองค์กรไปตามทิศทางที่นายต้องการได้ด้วย”
“ไม่”
ฉีเล่ยตอบกลับด้วยสีหน้าเฉยเมย แล้วเดินลงบันไดจากไปทันที ปล่อยให้หลินชูวโม่ยืนอารมณ์เสียกระทืบเท้าระบายความโกรธอยู่บนชั้นสองคนเดียว เธอกัดฟันกำหมัดแน่นด้วยความว้าวุ่นใจอย่างยิ่ง
ถ้าเขาเป็นผู้ชายธรรมดาๆคนหนึ่งที่ไม่เคยจับเงินถุงเงินถังมาก่อน หรือเป็นพวกผู้ชายอ่อนต่อโลกที่ไม่เคยเห็นผู้หญิงสวยๆ แล้วล่ะก็ หลินชูวโม่คงจะไม่ต้องหว่านล้อมอะไร ฉีเล่ยก็คงจะยอมเชื่อฟังเธอไม่ต่างจากสุนัขเชื่องๆตัวหนึ่งไปแล้ว
แต่น่าเสียดายที่เขาไม่ใช่คนแบบนั้น
หากฉีเล่ยต้องการจะทำธุรกิจจริงๆ เขาย่อมมีโอกาสอยู่ในมืออย่างมากมายมหาศาล และไม่จำเป็นต้องมานั่งแบมือขอโอกาสจากหลินชูวโม่ ในเมืองหนานหยาง เครือข่ายธุรกิจของสองพ่อลูกตระกูลหวู่นั้นใช่ว่าจะเล็กๆที่ไหนกัน? เพียงแค่พึ่งพาสองพ่อลูกคู่นี้ให้มาช่วยเขาดำเนินธุรกิจ เท่านี้เขาก็รวยไปทั้งชาติแล้ว นี่ยังไม่ได้พูดถึงตระกูลชูที่มีอำนาจอิทธิพลในปักกิ่ง และมั่งคั่งร่ำรวยเสียยิ่งกว่าสองพ่อลูกตระกูลหวู่ไม่รู้เท่าไหร่ ฉีเล่ยเชื่ออย่างยิ่งว่า ขอเพียงเขาเอ่ยปาก คนพวกนั้นก็พร้อมที่จะแห่เข้ามาให้ความช่วยเหลือจนเลือกไม่ถูกแน่นอน
ที่ฉีเล่ยไม่ยอมใช้เส้นสายเหล่านี้เพื่อก่อตั้งธุรกิจของตน เหตุผลก็ไม่มีอะไรมาก เพราะเขาไม่ต้องการ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ แล้วทำไมเขาจะต้องเดินตามเส้นทางที่ผู้หญิงตัวเล็กๆอย่างหลิวชูวโม่ปูให้ด้วยเล่า?
ฉีเล่ยยังจำบทสนทนาระหว่างเขากับหลี่ฮั่วเฉินเมื่อครั้งที่มาถึงปักกิ่งวันแรกได้ดี
‘ให้ทุกคนเรียนแพทย์แพทย์จีน ให้ทุกคนต่างใช้ยาจีน สร้างคำนิยามให้กับแพทย์แผนจีนใหม่’
แม้ยาผงคางคกเย็นจะทำให้ทุกคนแห่แหนเข้ามาซื้อจนเป็นสินค้าติดตลาด แต่เขาก็รู้ดีว่า อาศัยเพียงสิ่งเล็กๆแค่นี้คงไม่สามารถบรรลุเป้าหมายอันยิ่งใหญ่นี้ได้
เขายังต้องการสอนและถ่ายทอดความรู้เหล่านี้ให้แก่ผู้อื่นต่อ
เมื่อใดที่แพทย์แผนจีนตกต่ำถึงขีดสุด มรดกทาการแพทย์โบราณของบรรพบุรุษถูกทำลายไป ถึงตอนนั้นเขาหนีไปทำธุรกิจโดยอาศัยทักษะการแพทย์ที่ล้ำเลิศของตัวเองที่มี ก็คงจะยังไม่สายเกินไปใช่หรือไม่?
แต่ในเมื่อตอนนี้ทุกอย่างยังมีโอกาส ทำไมเขาต้องเลือกเดินเส้นทางนั้นด้วย?
ช่างเป็นเรื่องน่าตลกสิ้นดี การที่บรรพบุรุษสกุลเฉินถ่ายทอดความรู้ทั้งหมดที่มีให้แก่เขา อีกฝ่ายทำเพื่อสิ่งใดกัน?
เพื่อให้เขามีรถหรูหราขับไปจีบสาวสวย เพียงแค่นั้นน่ะหรือ?
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดคุณหมอสกุลเฉิน