ตอนที่126 ความสัมพันธ์แบบสามคนก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้
ถงเซียวเซียวจองเที่ยวบินไว้ราวห้าโมงเย็น หลินชูวโม่กล่าวต่อว่า
“จากที่นี่ไปสนามบินก็อีกไม่ไกลเท่าไหร่ เดี๋ยวฉันไปส่งเธอเอง”
“อืม ขอบคุณนะ รบกวนเธอแล้ว”
ขณะที่เอ่ยตอบหลินชูวโม่ ถงเซียวเซียวก็หันไปมองฉีเล่ย ลึกลงไปในแววตาคู่สวยของเธอนั้นเปี่ยมล้นไปด้วยความขอบคุณ
“อิอิ สุดหล่อของเราได้ช่วยชีวิตสาวสวยไว้ กลายมาเป็นฮีโร่อีกครั้งในวันนี้ นี่มันสองรอบแล้วนะที่เขาช่วยเธอให้รอดพ้นจากวิกฤตน่ะเซียวเซียว สงสัยเธอคงต้องพลีกายให้เขาแล้วจริงๆแล้วล่ะ”
“ใช่แล้ว! ถ้าเป็นน้องชายสุดหล่อคนนี้ ฉันสนับสนุนเต็มที่เลยนะ เขาเป็นผู้ชายที่ดีมากคนนึงเลย หายากนะผู้ชายสมัยนี้ที่จะสามารถพึ่งพาได้ในยามเดือดร้อน สองครั้งที่ผ่านมาก็พิสูจน์ได้แล้วว่า เขายอมเสียสละเพื่อปกป้องคนของตัวเองจริงๆ ถ้าครั้งหน้าเกิดอะไรขึ้นมาอีก ใครจะเป็นคนช่วยเธอ?”
“สุดหล่อ มั่นใจในตัวเองเข้าไว้ ไม่มีอะไรต้องกลัวเหรอก ขอแค่กล้าพูดความในใจออกมา เซียวเซียวไม่กล้าปฏิเสธนายอยู่แล้ว เพิ่งเจอกันไม่นาน แต่นายกลับช่วยเธอในยามวิกฤติได้ถึงสองครั้งติดกันแบบนี้ ถ้าเซียวเซียวกล้าตอบแทนแค่คำขอบคุณล่ะก็ ฉันนี่แหละจะด่าให้เอง!”
ฉีเล่ยยืนนิ่งพูดไม่ออก
“…”
อันที่จริงแล้ว หญิงสาวที่มีรูปร่างดีและมีเรียวขาที่สวยขนาดนี้ นับเป็นสาวสวยมากเสน่ห์น่าดึงดูดอย่างแท้จริง ใครก็ตามที่โชคดีได้แต่งงานกับเธอในอนาคต ไม่ต้องกินข้าวเป็นอาหารยังได้ แค่ได้รับชมความงามตรงหน้าก็อิ่มทิพย์ได้ด้วยตัวเอง
ถงเซียวเซียวไม่รู้ว่าฉีเล่ยกำลังคิดอะไรอยู่ แต่ภายใต้สถานการณ์ที่โดนทุกคนยั่วยุกดดันขนาดนี้ จู่ๆใบหน้าของเธอก็แปรเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำจนกระทั่งลามไปถึงใบหู ในท้ายที่สุด เธอก็ค่อยๆถกกระโปงขึ้นจนเผยให้เห็นขาอ่อนอย่างช้าๆ
“ถ้า…ถ้าคุณฉีอยากเห็น…ก็..ก็ได้นะคะ…”
“…”
ฉีเล่ยถึงกับถอนหายใจเสียงยาว แต่ก็ไม่ยังอาจเก็บซ่อนความเก้อเขินไว้ได้เช่นกัน
บรรดาสาวๆรอบข้างเริ่มระเบิดหัวเราะออกมา พร้อมกับส่งเสียงกรี๊ดกร๊าดกันไม่หยุด หลินชูวโม่เพียงแค่เหลือบตามองไปทางถงซียวเซียวเล็กน้อย ก่อนจะหันไปจ้องมองฉีเล่ย พร้อมกับทำสีหน้าประหลาดใจ
ถงเซียวเซียว เธอเป็นนางแบบมากประสบการณ์ในวงการบันเทิง เดบิวต์งานมาเป็นเวลานานสักพักใหญ่แล้ว สถานการณ์แบบนี้เธอเองก็น่าจะพบเจอมาบ่อยแล้วไม่ใช่เหรอ? แต่ทำไมยังทำตัวราวกับนกน้อยใสซื่อบริสุทธิ์และไร้เดียงสาแบบนี้ล่ะ?
หรือเป็นไปได้ไหมว่า เธอกำลังเขินอายฉีเล่ยจริงๆ?
สายตาคมกริบประดุจจิ้งจอกของหลินชูวโม่เบนเข้ามาจ้องฉีเล่ย เห็นได้ชัดว่าเขาพยายามทำตัวให้สำรวมอยู่ แต่ก็พอจะมองออกว่าเขาก็กำลังรู้สึกพึงพอใจอยู่เช่นกัน
หลิวชูวโม่พลางคิดกับตัวเองในใจว่า เซียวเซียว ยัยเด็กโง่ ถ้าเธอรู้ว่าโฉมหน้าที่แท้จริงของปีศาจที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังความเก้อเขินของผู้ชายคนนี้คืออะไร ถึงตอนนั้น…คงสายเกินไปแล้วที่จะมาเสียใจภายหลัง
ฉีเล่ยย่อมไม่ทราบ แม้ว่าตัวเขาเพิ่งจะมาอยู่ปักกิ่งได้ไม่นาน แต่กลับมีใครบางคนล่วงรู้ถึงเนื้อแท้แล้วว่าเขาเป็นคนยังไง ซึ่งคนผู้นั้นก็ไม่ใช่ใครอื่น เป็นหลินชูวโม่นั่นเอง
เปลือกนอกเธอดูเป็นผู้หญิงนักเที่ยว เปลี่ยนผู้ชายควงไม่ซ้ำหน้า ทว่าในความเป็นจริง ผู้หญิงคนนี้กลับมีความสามารถที่ไม่ธรรมดา และเป็นเรื่องยากที่จะหาใครทัดเทียมเธอได้
เพียงแค่มองตา เธอก็สามารถมองทะลุไปถึงเบื้องลึกภายในใจและแก้นแท้ของคนผู้นั้นได้ทันที
ไม่ว่าฉีเล่ยจะดูสุภาพ สุขุมหรือดูเป็นสุภาพบุรุษมากเพียงใด หลินชูวโม่ก็สามารถบอกได้ว่า มีสัตว์ประหลาดกำลังหลบซ่อนตัวอยู่เบื้องลึกในจิตใจของผู้ชายคนนี้
แต่ถึงอย่างนั้น…ก็เพราะสาเหตุนี้เช่นกัน ที่ทำให้เธอ‘อยากได้’เขามากยิ่งกว่าใคร
หลังจากเหตุการณ์ทั้งหมดได้จบสิ้นลง บรรดาก๊วนสาวๆก็แยกย้ายกันไป เหลือเพียงแค่ฉีเล่ยกับหลินชูวโม่ที่ไปส่งถงเซียวเซียวที่สนามบิน
ทั้งสามนั่งคุยกันอยู่สักพักหนึ่งในโซนผู้โดยสารขาออก ไม่นานนักพวกเขาก็ได้ยินเสียงประกาศตามสาย เรียกเที่ยวบินของถงเซียวเซียวให้เช็คอินเข้าเกตไป
ก่อนจากกัน สายตาของถงเซียวเซียวยังคงจับจ้องอยู่ที่ฉีเล่ยไม่ละวาง คล้ายกับว่ามีอะไรบางอย่างอยู่ภายในใจ จนในที่สุดเสี้ยววินาทีสุดท้ายก่อนจากกัน เธอจึงได้ตัดสินใจพูดมันออกมา
“คุณฉีค่ะ ฉันมีอะไรอยากจะคุยกับคุณหน่อย…”
หลินชูวโม่ยิ้มกล่าวขึ้นว่า
“เอาล่ะ มีอะไรจะพูดก็รีบๆพูด ฉันจะไปยืนรอตรงนั้นนะ”
หลังจากพูดจบ เธอก็หันหลังเดินออกไปทันที ปล่อยให้ทั้งคู่ได้อยู่กันลำพังสองต่อสอง
รอจนกระทั่งหลินชูวโม่เดินห่างออกไปไกล ถงเซียวเซียวจึงค่อยหยิบซองจดหมายปึกหนาออกจากกระเป๋าของเธอ และมอบมันให้กับฉีเล่ยพร้อมกับบอกเขาว่า
“คุณฉีคะ ฉันไม่รู้จะขอบคุณคุณยังไงจริงๆ คุณช่วยชีวิตฉันถึงสองครั้ง แต่เพราะไม่รู้ว่าจะตอบแทนยังไงดี ฉันก็เลย…”
“คุณได้ตอบแทนผมไปแล้วครับ”
ฉีเล่ยหัวเราะ
“ตอนไหนกันค่ะ?”
“คุณเอ่ยปากขอบคุณผมตั้งหลายครั้ง แถมยังเลี้ยงอาหารมื้อใหญ่ผมอีก แค่นี้ก็มากเพียงพอแล้วครับ”
หลังจากพูดจบ ฉีเล่ยก็ผลักซองจดหมายปึกหนาคืนกลับไป
ถงเซียวเซียวเบิกตาโตที่แฝงไว้ด้วยแววตาประหลาดใจเล็กน้อย ก่อนจะแปรเปลี่ยนกลายมาเป็นรอยยิ้มอันแสนอบอุ่นที่มอบให้กับฉีเล่ย เธอพยักหน้าและบอกกับเขาว่า
“ค่ะ ดิฉันจะไม่บังคับคุณหรอกนะคะ ถ้ามีโอกาส…คุณต้องมาหาฉันบ้างนะ บ้านเกิดฉันอยู่ที่เจียนหนาน”
“แน่นอนครับ…”
ฉีเล่ยทราบดีว่าเธอแค่พูดเป็นพิธี จึงไม่ได้ใส่ใจอะไรมากเพียงแค่พยักหน้าตอบกลับไป
“คุณนี่น่ารักจังนะคะ…”
ทันใดนั้นเอง ถงเซียวเซียวก็โน้มใบหน้าลงมาจู่โจมใส่ฉีเล่ยโดยไม่เปิดโอกาสให้เขาได้ตั้งตัว ริมฝีปากของทั้งสองคนประกบเข้าหากันอย่างรวดเร็ว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดคุณหมอสกุลเฉิน