ตอนที่133 กลยุทธ์เหนือกว่า
ปัง!
ซีลู่เฉิงไม่สามารถทนฟังได้อีกต่อไปแล้ว เขาคว้าแปรงลบกระดานทุบโต๊ะอย่างแรงหนึ่งที ก่อนจะส่งเสียงตวาดลั่นห้องด้วยสีหน้าที่บึ้งตึงหม่นหมองอย่างมาก
“นี่มันเกินไปแล้ว! เกินไปแล้วนะพวกเธอ!! หัดส่องกระจกดูตัวเองซะบ้าง! ยังมีความเป็นนักศึกษากันอยู่บ้างไหม!? ยังอยากจะเรียนที่นี่ต่อกันอยู่รึเปล่า!!? กว่าที่พ่อแม่ของพวกเธอจะส่งเสียจนมานั่งสบายอยู่ตรงนี้ได้ คิดว่ามันง่ายนักเหรอ!? อยากให้ฉันเชิญผู้ปกครองของพวกเธอมาอบรมนักใช่ไหม! หรืออยากจะให้ฉันไล่พวกเธอออกให้หมดกันล่ะ!?”
ตำแหน่งหัวหน้าคณะอาจารย์ค่อนข้างมีเกียรติและมีสถานะที่สูง นักศึกษาภายในห้องต่างหันไปสบตากันไปมา แม้จะรู้สึกไม่พอใจขนาดไหน แต่ก็ไม่มีใครกล้าปริปากโต้แย้งเลยสักคน
แต่นั่นไม่ใช่เหอจื่อ…เธอนับเป็นข้อยกเว้น
ไม่ว่าอีกฝ่ายจะเป็นใคร หรือไม่ว่าอีกฝ่ายจะหัวเสียมากขนาดไหน เธอก็ไม่สะทกสะท้านเลยสักนิด เธอเป่าหมากฝรั่งออกมาพร้อมเสียงแตกดัง‘ป๊อป!’ จากนั้นเหอจื่อก็พูดขึ้นอย่างไม่แยแสว่า
“หัวหน้าอาจารย์ซี ในฐานะที่หนูเป็นนักศึกษาคนหนึ่ง พวกเราแค่ต้องการอาจารย์เก่งๆมาสอนเท่านั้น นี่ถือว่าเป็นคำขอที่มากไปเหรอค่ะ? หนูคิดว่า ในบรรดาอาจารย์ทั้งหมดที่มีอยู่ในสาขาแพทย์แผนจีน ไม่มีคนไหนเก่งไปกว่าอาจารย์ฉีแล้วล่ะค่ะ”
ใบหน้าของซีลู่เฉิงแปรเปลี่ยนเป็นสีแดงสลับม่วง เขาจ้องมองเหอจื่อเขม็งด้วยความโกรธจัด พยายามสงบสติอารมณ์อยู่สักพักจึงค่อยพูดต่อว่า
“จนกว่าฉันจะสามารถหาอาจารย์วิชาการวินิจฉัยที่เหมาะสมมาสอนทุกคนได้ เพราะฉะนั้นระหว่างนี้พวกเธอก็จะต้องเรียนกับฉันไปก่อน ฉันจะพยายามทำหน้าที่ในฐานะอาจารย์ของพวกเธอให้ดีที่สุด ฉันสัญญา!”
‘ป๊อป!’เหอจื่อเป่าหมากฝรั่งจนแตกอีกครั้ง กลอกตาไปมาพร้อมกับทำสีหน้าเหนื่อยหน่ายใจเล็กน้อยก่อนจะพูดขึ้นว่า
“คนที่จะมาเป็นอาจารย์สอนวิชาการวินิจฉัยได้ จำเป็นจะต้องมีความสามารถเชิงปฏิบัติและมีประสบการณ์อย่างมากมาก่อน ถ้าอาจารย์จะมาสอนวิชานี้แทน ก็ต้องตอบคำถามสามข้อของหนูก่อน ถ้าหัวหน้าคณะอาจารย์ซีตอบได้ พวกเรารับปากว่านับจากนี้จะไม่พูดถึงชื่ออาจารย์ฉีอีก และจะตั้งใจเรียนกับทุกรายวิชา”
ซีลู่เฉิงพยักหน้า
“ได้! แต่ต้องเป็นคำถามที่อยู่ในตำราเรียนมาตรฐานของทางมหาวิทยาลัยเรานะ”
เหอจื่อยิ้มตอบโดยทันที
“แน่นอนค่ะ”
“เข้าใจแล้ว งั้นพวกเธอก็ถามมาได้เลย”
ซีลู่เฉิงไม่ค่อยกังวลกับการที่จะต้องถูกนักศึกษาลองภูมิสักเท่าไหร่นัก ถึงแม้เขาจะห่างหายจากการสอนมานานหลายปีแล้ว แต่ถึงอย่างไรประสบการณ์การสอนที่ผ่านมามันก็มากเพียงพอ จนเรียกได้ว่าฝังอยู่ในกระดูกดำแล้ว มิหนำซ้ำเมื่อก่อนนี้เขาก็เคยสอนวิชานี้มาเช่นกัน แค่คำถามของระดับนักศึกษามันคงไม่ยากพอที่จะทำให้เขาแพ้ได้แน่
ประการแรก การจะเป็นอาจารย์วิชาการนิจวินิจฉัยได้ก็คือ คนๆนั้นจะต้องเป็นแพทย์ที่เก่ง และซีลู่เฉิงเองก็มีทักษะทางการแพทย์จีนที่ถือได้ว่าเป็นอันดับต้นๆเช่นกัน
เหอจื่อครุ่นคิดอยู่สักครู่ก่อนจะถามคำถามแรกขึ้นว่า
“หัวหน้าอาจารย์ซี ท่อง‘บทสมุนไพรจีน’ได้ไหมค่ะ?”
ซีลู่เฉิงที่ได้ยินแบบนั้นก็ถึงกับประหลาดใจเล็กน้อย
“บทสมุนไพรจีนอย่างงั้นเหรอ?”
ใช่ แต่ก่อนเขาเคยท่องจำบทสมุนไพรจีนได้ แต่นั่นมันเป็นเรื่องเมื่อนานมากแล้ว และเขาเองก็ลืมไปแล้วเช่นกัน
แต่จุดที่น่าสนใจจนทำให้เขารู้สึกเอะใจก็คือ บทสมุนไพร เป็นราวกับคาถาศักดิ์สิทธิ์ประจำตัวแพทย์แผนจีนมือฉกาจ แต่เด็กนักศึกษาปีหนึ่งพวกนี้จะรู้จักได้ยังไง? อีกอย่างเด็กนักศึกษาเหลานี้ก็เพิ่งจะเริ่มเรียนกันมาได้ไม่กี่อาทิตย์เอง?
“หรือหัวหน้าคณะอาจารย์ซีจำไม่ได้แล้วคะ?”
ซีลู่เฉิงยกมือขึ้นเกาศีรษะด้วยท่าทีเก้อเขินเล็กน้อย พอรู้ตัวว่าตนเองตกอยู่ในสถานะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกอยู่ หนังหน้าของเขาพลันกระตุกขึ้นทันที
“พวกเธอทุกคน นี่เป็นเนื้อหาสำหรับพวกปีสองเขาท่องจำกันนะ พวกเธอควรให้ความสำคัญกับความรู้พื้นฐานของชั้นปีที่หนึ่งก่อนดีกว่า อีกอย่างสำหรับอาจารย์ บทสมุนไพรอะไรนี่ก็เป็นเรื่องที่ผ่านมานานมากแล้ว ถ้าจำได้คงเก่งมากแล้วล่ะ…”
เหอจื่อได้แต่ทำสีหน้าเมินเฉยใส่อีกฝ่าย หลังเป่าหมากฝรั่งแตกเป็นรอบที่สาม เธอก็ดีดนิ้วให้สัญญาณกับทุกคน แล้วร้องบอกทันที
“เอาล่ะทุกคน เตรียมตัวกันให้พร้อม เราจะเริ่มท่องบทสมุนไพรตั้งแต่ต้นจนจบ คนละบรรทัดเริ่มจากคนแถวหลังสุดก่อน”
“ถ้าพร้อมแล้วก็ลุกขึ้นแล้วเริ่มได้เลย”
“โสมรสหวาน บำรุงพละกำลัง กระเจี๊ยบชายแดงสรรพคุณดับกระหาย ช่วยปรับสมดุลในร่างกาย ควบคุมโภชนาการสุขภาพ…”
“ต้นหวงฉีมีประโยชน์ เจริญเติบโตในแถบอุ่น ดูดซับเหงื่อร้อน รักษาอาการไข้หวัด สมานแผลกระตุ้นกล้ามเนื้อเติบโต พลังฉีนิ่งเสถียร บำรุงการทำงานของม้ามและท้องน้อย”
“สมุนไพรไป่ซูมีรสหวาน ช่วยให้คนเรากระปรี้กระเปร่า บรรเทาอาการท้องร่วง ขจัดความชื้นและเสมหะ”
“ฝูหลิงมีรสอ่อน ซึมซับไข้พิษ ระบบระบายของเสียติดขัด สามารถช่วยชำระล้าง”
“…..”
นักศึกษาทั้งหมดเกือบร้อยคนต่างทยอยลุกขึ้น และท่องบทสมุนไพรให้ซีลู่เฉิงฟังทีละท่อนอย่างฉะฉานชัดเจน และไม่มีผิดเพี้ยนเลยแม้แต่ประโยคเดียว….
ที่น่าตกใจกว่านั้นก็คือ การแบ่งกันท่องคนละท่อนแบบนี้ มันเป็นเรื่องที่ยากยิ่งกว่าการท่องรวดเดียวตั้งแต่ต้นจนจบเสียอีก เพราะการทำแบบนี้คือการจำและท่องออกมาให้ผ่านๆไป แต่การที่ทุกคนติดตามฟังท่อนของคนก่อนหน้า และรู้ว่าตัวเองต้องท่องจุดไหนออกมา นี่เป็นการพิสูจน์ให้เห็นว่า พวกเขาไม่ได้จำแต่‘เข้าใจ’ เพิ่งเข้ามาเรียนได้ไม่นานแต่ก็สามารถเข้าอกเข้าใจองค์ความรู้ได้ถึงระดับนี้…แม้แต่นักศึกษาแพทย์แผนปัจจุบันยังต้องอาย! นักเรียนแพทย์แผนจีนรุ่นที่6นี่นับได้ว่าเป็นหน้าเป็นตาของสาขาแพทย์แผนจีนอย่างแท้จริง!
หลังจากที่ฉีเล่ยถูกไล่ออก ก่อนลาจากกันเป็นครั้งสุดท้าย เขาขอให้นักศึกษาทุกคนท่องจำบทสมุนไพรบทนี้ให้ขึ้นใจ เมื่อต่าคนต่างแยกย้ายกลับบ้าน พวกเขาก็กลับไปทำตามอย่างเชื่อฟัง และท่องจำอยู่ซ้ำแล้วซ้ำเล่าชนิดที่ว่าแทบลืมกินลืมนอนเลยทีเดียว
พวกเขาหวังแค่ว่า ถ้าสามารถท่องบทสมุนไพรนี้จนคล่องแคล่วได้แล้ว สักวันหนึ่งอาจารย์ฉีของพวกเขาจะกลับมา
ผ่านไปครู่หนึ่ง หลังจากท่องประโยคสุดท้ายจบลง บรรยากาศทั่วทั้งชั้นเรียนก็เงียบสงัดไปชั่วขณะ
เสียงเก้าอี้เลื่อนออกดังขึ้น เหอจื่อร้องตะโกนขึ้นต่อทันทีว่า
“พวกเราลุกขึ้น!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดคุณหมอสกุลเฉิน