ยอดคุณหมอสกุลเฉิน นิยาย บท 132

สรุปบท ตอนที่132 เฒ่าซี: ยอดคุณหมอสกุลเฉิน

สรุปตอน ตอนที่132 เฒ่าซี – จากเรื่อง ยอดคุณหมอสกุลเฉิน โดย Internet

ตอน ตอนที่132 เฒ่าซี ของนิยายActionเรื่องดัง ยอดคุณหมอสกุลเฉิน โดยนักเขียน Internet เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง

ตอนที่132 เฒ่าซี

เฉินเจียซินเฝ้ามองภาพกิริยาที่แสนจะพบเห็นได้ยากของประธานสาวคนสวย และได้แต่แอบสงสัยว่า ทำไมอีกฝ่ายถึงต้องหัวเราะหนักขนาดนี้

“แล้วเธอคิดว่าคนอย่างฉีเล่ยจะกำลังรู้สึกยังไงล่ะ? เธอคิดว่าเขาจะทุกข์ทรมานใจอยู่รึเปล่า?”

ชูซินซูหยุดหัวเราะเหลือบมองไปที่เลขาสาว พร้อมกับเอ่ยถามอย่างมีเลศนัย

“ดิฉันไม่ทราบค่ะ”

เฉินเจียซินกล่าวตอบไปตามความจริง

แต่พอคิดดูแล้ว มันจะน่าหดหู่แค่ไหนกันนะ? ถ้าหากชายคนหนึ่งที่เพิ่งปฏิเสธสาวสวยระดับมหาเศรษฐีไป โดยคิดว่าอยากจะใช้ชีวิตอย่างที่ตัวเองต้องการ แต่ทว่าตอนนี้กลับโดนไล่ออกจากการเป็นอาจารย์อีก?

“ประธานชู จะให้ดิฉันโทรติดต่อไปหากระทรวงการศึกษาไหมค่ะ?”

ชูซินซูโบกมือปฏิเสธ

“ไม่จำเป็น ถ้าคิดว่าเขาไม่สามารถแก้ไขปัญหาแค่นี้ได้ ก็หมายความว่าทีมข่าวกรองของเธอประสบความล้มเหลวถึง98%นะ เขาแข็งแกร่งกว่าที่เธอคิดเยอะ”

“รับทราบค่ะ”

เฉินเจียซินพยักหน้าตอบ

“แต่…ครั้งล่าสุดเขายังต้องพึ่งพาประธานชูอยู่เลยนี่คะ? ฉันคิดว่าครั้งนี้เอง…เขาก็น่าจะต้องการความช่วยเหลือจากประธานชูเหมือนกัน?”

ชูซินซูส่ายหัว

“สถานการณ์ครั้งนี้แตกต่างจากครั้งที่แล้ว ตอนนั้นเขาเลือกที่จะพึ่งพาหลี่ฮั่วเฉิน ไม่ใช่ฉัน แต่ถ้าครั้งนี้เขาตั้งใจโทรหาฉันเพื่อขอความช่วยเหลือจริงๆ ฉันเองก็ยินดีที่จะช่วย แต่หลังจากนั้น…กลับจะเป็นตัวเขาเองนั้นแหละที่จะเป็นฝ่ายสูญเสียมากยิ่งขึ้น”

หลังจากที่เฉินเจียซินที่ได้ฟังคำพูดของประธานสาว เธอก็เข้าใจได้ทันทีว่า ประธานสาวคนนี้กำลังหมายถึงอะไรอยู่ และความสูญเสียที่ว่านั้นมันหมายถึงอะไร โดยเธอหวังเพียงแค่ว่า ฉีเล่ยจะใช้ความสามารถที่มีก้าวข้ามผ่านปัญหานี้ไปได้ด้วยตัวเอง

ชูซินซูลุกขึ้นจากเก้าอี้ผู้บริหารตัวใหญ่ และยืนจ้องมองทัศนียภาพของเมืองหลวงในยามรัตติกาลที่อยู่ท่ามกลางแสงไฟผ่านหน้าต่าง

มุมปากของเธอค่อยๆยกสูงขึ้น

“อยู่ๆก็อยากจิบไวน์แหะ”

ฉีเล่ย

นายเป็นคนแบบไหนกันแน่?

ทั้งๆที่โอกาสจะก้าวขึ้นสู่จุดสูงสุดของชีวิตปรากฏรออยู่ตรงหน้าแล้ว แต่กลับเลือกที่จะหันหลังให้?

มีหญิงสาวผู้แสนมั่งคั่งร่ำรวย เธอเพียบพร้อมไปซะทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นความสวยและอำนาจบารมี มาประเคนถึงที่ แต่นายกลับปฏิเสธพวกเธอเหล่านั้นไปจนหมด?

นายต้องการแค่ของธรรมดาๆอย่างงั้นเหรอ?

เส้นทางที่นายเลือกมีผู้คนมากมายเข้าขัดขวาง แต่นายก็ยังตัดสินใจที่จะเดินต่อไปจริงๆน่ะเหรอ?

นายช่างเป็นผู้ชายที่ลึกลับมากเหลือเกินนะ

…….

การที่ตาแก่ซงได้ขับไล่นักศึกษาออกจากห้องยกแผงจนไม่มีใครมาเรียน เรื่องนี้ทำให้หัวหน้าคณะอาจารย์ซีรู้สึกกดดันเป็นอย่างมาก

ตัวเขาเองย่อมทราบขีดจำกัดของตัวเองที่พอจะรับไหวได้ดี ถ้าไม่รับสมัครอาจารย์ใหม่เข้ามาแทน ก็จำเป็นต้องหาหนทางเพื่อเชิญฉีเล่ยกลับมา ไม่อย่างนั้นแล้ว เขาจะไม่สามารถอธิบายเรื่องนี้ให้ทางมหาวิทยาลัยฟังได้

เขาเพิ่งจะไล่ฉีเล่ยออกจนทำให้เกิดปัญหาขาดแคลนอาจารย์ผู้สอน หลินหมิงจางอาจจะใช้ข้ออ้างนี้เพื่อปลดเขาออกจากตำแหน่งก็ได้

แต่ถึงอย่างนั้นเขาเองก็ทราบมาว่า ตลอดสองวันมานี้หลินหมิงจางก็ได้พยายามวิ่งเต้นเพื่อช่วยฉีเล่ยอย่างมาก ได้ยินมาว่า เขาถึงขั้นเดินทางไปหารัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาหม่าด้วยตัวเอง ทว่าอีกฝ่ายกลับไม่เห็นแก่หน้าหลินหมิงจางเลยสักนิด ไม่แม้แต่จะเชื้อเชิญเขาเข้าบ้านด้วยซ้ำ ส่วนเหตุผลที่เขาทำแบบนั้นก็ไม่มีอะไรมาก เพราะฉีเล่ยไปทำร้ายหลานชายของเขานั่นเอง

การจะสรรหาอาจารย์วิชา‘การวินิจฉัย’ที่มีคุณภาพมาสอนเด็กพวกนี้ มันแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยกับงบประมาณที่ทางมหาวิทยาลัยให้มา แต่หากจะเชิญฉีเล่ยให้กลับมาสอนก็ไม่ต่างอะไรกับการถล่มน้ำลายขึ้นฟ้า ดังนั้นแล้ว หัวหน้าคณะอาจารย์ซีจึงจำเป็นต้องออกโรงสอนด้วยตัวเอง ส่วนตัวเขานั้นก็ไม่ได้สอนเด็กนักศึกษามาเป็นเวลานานมากแล้ว เรียกได้ว่าฝีมือและลีลาการสอนของเขานั้น ได้ถูกทิ้งร้างจนฝุ่นจับหมดแล้วก็ว่าได้

หัวหน้าคณะอาจารย์ซีนั่งตัดสินใจอยู่นาน จนท้ายที่สุดก็ได้ตัดสินใจแล้วว่า เขาจะออกไปสอนด้วยตัวเอง และจะใช้โอกาสนี้กำราบความหยิ่งผยองของเด็กนักศึกษากลุ่มนี้ด้วย

ถึงจะมีความมั่นใจอยู่พอตัว แต่ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ บนบ่าทั้งสองข้างยังถือได้ว่า ต้องแบกรับความกดดันอันหนักอึ้งไว้อย่างมาก

เมื่อหัวหน้าคณะอาจารย์ซีเดินเข้าไปในชั้นเรียน เขาก็ถึงกับตกตะลึงอย่างมาก เพราะภายในห้องมีนักศึกษาเป็นร้อยนั่งอยู่เต็มไปหมด เรียกได้ว่าเกือบจะทั้งหมดของจำนวนนักศึกษาแพทย์แผนจีนรุ่นที่6ของมหาวิทยาลัยเลยทีเดียว ในหนึ่งคลาสนักศึกษาจะถูกแบ่งเฉลี่ยเป็นเซคละ40คน แต่เด็กภายในห้องเวลานี้ ราวกับว่ารวบรวมเอานักศึกษาจากทุกเซคไว้ จำนวนนักศึกษาในตอนนี้ดูเหมือนจะมีจำนวนมากกว่ารายชื่อในมือเขาเสียอีก

เหตุการณ์นี้ทำเอาซีลู่เฉิงโมโหจนแทบกระอักเลือด นั่นเพราะคนที่อนุญาตให้เรียกเขาว่า เฒ่าซี ก็คือตัวเขาเอง แต่เขาก็คิดไม่ถึงจริงๆว่า เด็กเวรพวกนี้จะกล้าเรียกออกมาจริงๆ!

เฉพาะเวลานี้ ซีลู่เฉิงเพิ่งเข้าใจความรู้สึกของตาแก่ซงที่วิ่งเข้ามาบ่นกับตัวเองในห้องทำงานเมื่อวาน

เขาสูดลมหายใจเข้าลึกเพื่อระงับความโกรธภายในใจ ก่อนจะฝืนยิ้มและตอบกลับไปว่า

“อืม…ฉันคิดว่าพวกเธอยังไม่เข้าใจสถานการณ์ที่เกิดขึ้นดีนะ อาจารย์ฉีถูกเบื้องบนวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก เพราะเขาไม่มีวุฒิการศึกษา แม้แต่ใบประกอบแพทย์ยังไม่มี ขนาดตัวฉันเองยังถูกเรียกไปตักเตือนเกี่ยวกับเรื่องนี้เหมือนกัน น่าเศร้านะ…ฉันเองก็ยอมรับจากใจว่า น้องฉีเป็นอาจารย์ที่เก่งมากคนหนึ่ง ตลอดที่ผ่านมาฉันก็ชื่นชมเขาอยู่ไม่น้อย จู่ๆเขามาถูกไล่ออกเพราะเรื่องแบบนี้ ฉันเองก็อดเสียดายไม่ได้เหมือนกัน ฉันเข้าใจความรู้สึกของพวกเธอทุกคนนะ”

“แต่…”

ซีลู่เฉิงกวาดสายตาสำรวจดูปฏิกิริยาของทุกคนแวบหนึ่ง ก่อนจะกล่าวต่อด้วยรอยยิ้มว่า

“อาจารย์ฉียังเด็กและยังมีโอกาสพัฒนาศักยภาพทางด้านการแพทย์ของตัวเอง หลังจากที่เขาออกไปแล้ว ฉันก็ได้มีโอกาสคุยกับเขาอยู่บ้างเหมือนกัน และได้แนะนำมหาวิทยาลัยชื่อดังให้เขาไปเรียนต่อ หลังจากได้รับวุฒิการศึกษาและใบปริญญามาแล้ว ถึงตอนนั้นทางมหาวิทยาลัยเองย่อมต้องยินดีต้อนรับเขากลับมาอย่างแน่นอน”

เมื่อพูดมาถึงตรงนี้ รอยยิ้มของซีลู่เฉิงก็ค่อยๆจางหายไป น้ำเสียงของเขาฟังดูจริงจังขึ้นมาถนัดตา

“ดังนั้น ระหว่างนี้ขอให้นักศึกษาทุกคนช่วยให้ความร่วมมือ ขอแค่พวกเธอตั้งใจเรียนต่อไป เพียงแค่นี้ก็ทำให้อาจารย์ฉีชื่นใจได้แล้ว”

หลังจากร่ายออกมายาวเหยียด ซีลู่เฉิงก็คิดว่า แผนการนี้น่าจะได้ผลไม่น้อยทีเดียว

แต่ทว่า…

“เฒ่าซีครับ! แต่มีเรื่องหนึ่งที่ผมยังไม่ค่อยเข้าใจ ความสามารถของอาจารย์ฉีในตอนนี้ก็ถือได้ว่าอยู่ในระดับสูงมากแล้ว บอกให้เขาไปเรียนแบบนี้ แสดงว่าต้องหาสถาบันระดับสูงที่มีองค์ความรู้สูงกว่าเขาอีกสินะครับ? แล้วคนที่จะมาสอนอาจารย์ฉีได้นี่จะต้องเก่งขนาดไหนกัน?”

“นั้นสิครับ บอกว่าให้ไปเรียนต่อ แต่ถ้าอาจารย์ฉีเก่งกว่าคนที่สอนเขา มันไม่น่าอายแย่เหรอครับ?”

“เฒ่าซี ผมคิดว่าคุณควรพาอาจารย์ฉีกลับมานะ ถ้าคุณยอมตกลง ผมจะเอาค่าขนมครึ่งปีมาเลี้ยงไวน์หรูให้เลยครับ”

“ฮ่าฮ่า…จินเซิง ค่าขนมครึ่งปีของแกมันสักเท่าไหร่เชียว? เฒ่าซีเป็นถึงหัวหน้าอาจารย์เลยนะ แค่อาหารมื้อเดียวก็เท่ากับค่าขนมแกทั้งปีแล้วมั๊ง!”

“แล้วทำไม? ก็ฉันเลี้ยงด้วยใจ! เฒ่าซีก็อย่าไปภัตตาคารหรูขนาดนั้น แค่ห้องคาราโอเกะเล็กๆ สาวแจ่มๆสักคนมาหนุนตักก็พอแล้วจริงไหมครับ?”

“….”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดคุณหมอสกุลเฉิน