ยอดคุณหมอสกุลเฉิน นิยาย บท 131

ตอนที่131 อาจารย์ผู้ไม่มีวุฒิปริญญา

เมื่อได้ยินน้ำเสียงจริงจังของฉีเล่ย เหอจื่อก็ถึงกับสำลัก

“อาจารย์ฉี ไม่รู้จริงๆเหรอค่ะว่า เธอเป็นใคร?”

“ผมไม่รู้จริงๆครับ เธอเป็นใครล่ะ? สอนอยู่สาขาไหน? ชื่ออาจารย์ชาง แสดงว่าต้องแซ่ชาง…”

“….”

“ผู้ชายทุกคนล้วนต้องรู้จักเธอทั้งนั้นนะคะ”

“งั้นเหรอ หรือที่จริงผมไม่ใช่ผู้ชายก็เลยไม่รู้จัก?”

เหอจื่อถึงกับต้องยกธงขาวยอมแพ้เมื่อต้องต่อปากต่อคำกับฉีเล่ย ก่อนจะร้องตะโกนลั่นมาจากปลายสายว่า

“ช่างเถอะ เอาเป็นว่าเธอคืออาจารย์ชางก็แล้วกัน!”

“…”

คราวนี้ฉีเล่ยไม่กล้าพูดจากวนประสาทเหอจื่ออีกเลย

“อาจารย์ฉี จารย์นี่ล้าสมัยมากเลยนะคะ หนูว่าอาจารย์ควรหาคนมาสอนเรื่องพวกนี้ให้”

“จะให้ผมทำยังไงได้ล่ะ ขนาดแล็ปท็อปของผมยังโดนวางยาพิษเลย”

“โถ่อาจารย์อย่าน้อยใจสิคะ หนูแค่ล้อเล่นเท่านั้นเอง แต่จะว่าไป เดี๋ยวนี้อาจารย์แต่ละคนในมหาวิทยาลัยก็ชอบโพสต์เรื่องราวในชีวิตประจำวันของตัวเองลงบนโลกโซเชียล พูดไปแล้วก็อยากเห็นรูปอาจารย์ในสมัยก่อนจัง อิอิ”

สีหน้าของฉีเล่ยเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมขึ้นมาทันที และได้แต่คิดกับตัวเองขึ้นว่า

‘แน่ใจเหรอว่าอยากเห็นจริงๆ? เธอรู้ไหมว่าฉันต้องใช้ชีวิตแบบไหนในช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้? คงอยากจะรู้สินะว่าฉันงานอะไรก่อนมาเป็นอาจารย์ที่นี่? ได้! เธอจะได้เห็นแน่นอน! แต่เป็นภาพฉันที่กำลังเก็บขยะขายยังไงล่ะ! เห็นไหมล่ะว่า…เธอไม่รู้จักตัวตนจริงๆของฉันเลยสักนิด นี่ถ้ารู้แล้วยังจะบอกว่ารักฉันอยู่อีกไหม? ถ้าปัจจุบันฉันยังหากินอยู่กับกองขยะ อยากรู้เหลือเกินว่า เธอยังจะอยากรู้จักฉันอยู่ไหม!?’

“เหอจื่อ ว่าแต่โทรมามีอะไร?”

ฉีเล่ยรีบเปลี่ยนเรื่องคุยทันที และแอบคิดอยู่ว่า ถ้าเหอจื่อตอบกลับมาว่า‘ไม่มีอะไร’ เขาจะกดวางสายทิ้งทันที

แต่เหอจื่อกลับตอบสวนมาอย่างรวดเร็วว่า

“ก็ต้องมีแน่นอนอยู่แล้วไม่งั้นจะโทรมาทำไม อาจารย์ฉี ทำไมวันนี้ถึงไม่มาสอน?”

ฉีเล่ยตอบกลับไปโดยแทบไม่ต้องคิด

“ก็ผมถูกไล่ออกแล้ว จะให้กลับไปสอนที่มหาวิทยาลัยอีกได้ยังไง?”

เหอจื่อรีบตอบกลับทันทีเช่นกัน

“แต่พวกเราทุกคนยังคงรออาจารย์อยู่นะคะ รอให้อาจารย์กลับมาสอนเหมือนเดิม”

ฉีเล่ยคลี่ยิ้มอย่างขมขื่นใจ

“พวกคุณเป็นนักศึกษานะ เพราะฉะนั้นไม่ว่าใครมาสอนก็ต้องตั้งใจเรียน เข้าใจไหม?”

เหอจื่อส่ายหน้าปฏิเสธอย่างดื้อรั้น

“ไม่ หนูไม่ยอม! พวกเราจะเรียนกับอาจารย์ฉีเท่านั้น!”

ฉีเล่ยเงียบไปชั่วขณะ

นักศึกษากลุ่มนี้ไม่เพียงมีทัศนคติที่ดีต่อเขา แต่ยังแน่นแฟ้นมากเกินกว่าที่เขาคาดคิดด้วย

“พออาจารย์ฉีไม่มาสอน อาจารย์ซงที่สอนวิชา‘ประวัติศาสตร์แพทย์จีน’ก็เป็นคนมาสอนแทน แถมยังขู่อีกว่าถ้าใครไม่เรียนก็ให้ออกไปจากชั้นเรียนของเขาได้เลย พวกหนูก็เลยเก็บกระเป๋าเดินออกจากห้องกันหมดเลยค่ะ เหลือแค่ตงเหลียงที่นั่งอยู่ในห้องคนเดียว แต่ไม่ใช่ว่าเพราะเขาอยากเรียนกับอาจารย์ซงหรอกนะคะ แต่เป็นเพราะเขาได้รับอุบัติเหตุตอนเล่นฟุตบอลจนต้องเข้าเฟือกขา และเดินไปไหนเองไม่ได้ต้องมีคนคอยช่วยพยุง สุดท้ายเขาก็เลยต้องร้องตะโกนเรียกเพื่อนๆให้มาช่วยพยุงเขาออกไปด้วย ฮ่าฮ่าๆ…ตอนนั้นหนูขำแทบตายเลยค่ะ!”

พูดจบเหอจื่อก็ระเบิดเสียงหัวเราะดังลั่นจากปลายสาย

ฉีเล่ยฟังแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจออกมา

“พวกคุณไม่เห็นจะต้องทำอะไรแบบนั้นกันเลย อย่าลืมสิว่าหน้าที่ของนักศึกษาคืออะไร? พวกคุณมามหาวิทยาลัยก็เพื่อเก็บเกี่ยวความรู้ใส่ตัวจริงไหม? ไม่ว่าอาจารย์จะเป็นใคร พวกเธอก็ควรจะต้องตั้งใจเรียนนะ”

เหอจื่อตอบโต้กลับทันที

“อาจารย์ฉี เลิกเกลี้ยกล่อมพวกเราเถอะค่ะ มันไม่มีประโยชน์หรอก พวกเราทุกคนโตเป็นผู้ใหญ่กันแล้วนะ รู้ดีว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่ อาจารย์เพิ่งจะมาสอนพวกเราได้ไม่นาน แต่พวกเรากลับมีองค์ความรู้เพิ่มขึ้นอย่างมาก แตกต่างจากก่อนหน้านี้ลิบลับ แล้วตอนนี้จู่ๆก็เปลี่ยนให้ตาเฒ่ากล่อมนอนนั่นมาสอนแทน ข้อดีอย่างเดียวของอาจารย์ซงคือสามารถสะกดจิตให้พวกเราให้หลับได้ นอกจากนั้นหนูก็มองไม่เห็นข้อดีอื่นๆเลย”

ฉีเล่ยส่ายหน้าไปมาอย่างอ่อนอกอ่อนใจ

“พวกคุณนี่แสบมากเลยนะ แล้วทางมหาวิทยาลัยว่าอะไรรึเปล่า?”

“มหาวิทยาลัยเหรอ? พวกเราไม่สนหรอกว่าทางนั้นจะพูดอะไร ถ้าอนุญาตให้อาจารย์ฉีกลับมาสอนได้เมื่อไหร่ พวกเราถึงจะยอมกลับมาเรียนต่อ”

“เหอจื่อ! ห้ามพาเพื่อนๆโดดเรียนแบบนี้!”

น้ำเสียงของฉีเล่ยเปลี่ยนเป็นแข็งกร้าวขึ้นมาทันที เขากังวลอย่างมากว่า เหอจื่อจะเป็นหัวโจกของเรื่องนี้ เพราะเขารู้ดีว่า เด็กสาวคนนี้มีอิทธิพลกับเพื่อนๆในคลาสมากแค่ไหน

“ฉีเล่ย! นายนั่นแหละอย่าทอดทิ้งนักศึกษาทุกคนแล้วหนีไปแบบนี้สิ!”

เหอจื่อเองก็โมโหฉีเล่ยจนไม่สามารถสะกดกั้นอารมณ์ไว้ได้เช่นกัน เธอระเบิดคำพูดใส่ฉีเล่ยเสียงดังชุดใหญ่ ทั้งยังดุต่ออีกว่า

“พวกเราจะรอให้นายกลับมาสอนเท่านั้น! แต่ถ้านายไม่คิดที่จะกลับมา พวกเราก็แค่ลาออก! พูดขนาดนี้ก็น่าจะคิดได้บ้างแล้วนะ! แค่นี้แหละ!”

เหอจื่อใส่เป็นชุดโดยไม่เปิดโอกาสให้ฉีเล่ยได้ปริปากพูดเลยแม้แต่น้อย หลังจากพูดจบก็กดตัดสายทิ้งไปทันที

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดคุณหมอสกุลเฉิน