ตอนที่130 จักรกลโดนวางยาพิษ
ในบ่ายวันนี้มีวิชาการวินิจฉัยทั้งหมดสองคาบติดต่อกัน เมื่อเสียงกริ่งเริ่มต้นคาบเรียนดังขึ้น ตาแก่ซงก็เดินเข้าไปในห้องทันทีพร้อมกับหนังสือสองเล่มที่หนีบไว้ใต้รักแร้ ส่วนมืออีกข้างก็ถือกระติกน้ำร้อนไว้
ทันทีที่ก้าวเท้าเข้ามาด้านใน เขาก็กวาดสายตามองไปทั่วห้อง ดูเหมือนว่าภายในจะมีนักศึกษาอยู่เกือบร้อยคน ขนาดในคลาสเรียนของตัวเขาเองยังไม่เคยมีเด็กนักศึกษาเข้ามาเรียนเป็นจำนวนมากขนาดนี้มาก่อนเลย ซึ่งนั่นทำให้ความภาคภูมิใจของเขายิ่งเพิ่มมากขึ้น
ตาแก่ซงวางหนังสือและกระติกน้ำร้อนลงบนโต๊ะ หลังจากนั้นจึงยืนยืดอกอย่างสง่าผ่าเผยกวาดสายตามองดูเหล่าลูกศิษย์ทั้งหมดที่อยู่ภายในห้อง เกริ่นประโยคแรกด้วยเสียงกระแอมไอ ก่อนจะป่าวประกาศด้วยเสียงที่ดังฟังชัดว่า
“นักศึกษาบางคนน่าจะพอรู้เรื่องกันแล้วนะ แต่ก็อาจจะมีบางคนที่ยังไม่ทราบข่าว ฉันก็จะอาสาอธิบายเรื่องราวทั้งหมดให้พวกเธอฟังก็แล้วกัน”
เมื่อเห็นปฏิกิริยาของเหล่านักศึกษาที่ยังนิ่งเงียบ เขาก็พูดต่อทันที
“ก่อนหน้านี้ อาจารย์ฉีรับหน้าที่สอนวิชาการวินิจฉัย แต่ปัจจุบันเขาถูกทางมหาวิทยาลัยไล่ออกไปแล้ว เนื่องจากไม่มีวุฒิการศึกษา ดังนั้นฉันจึงเข้ามารับช่วงสอนต่อแทน รอจนกว่าทางมหาวิทยาลัยจะหาอาจารย์คนใหม่ได้ ฉันเองก็หวังว่าอาจารย์คนใหม่จะไม่ทำให้พวกเธอต้องผิดหวังอีกนะ เอาล่ะ พวกเราไม่ควรเสียเวลาอันมีค่าไปมากกว่านี้แล้ว พวกเธอมีความเห็นกันยังไงบ้างล่ะ?”
“ก็ไม่ยังไง”
ทุกคนเอ่ยปากตอบพร้อมกันอย่างไม่แยแส
ตาแก่ซงถึงกับต้องยืนยิ้มค้าง ก่อนที่ใบหน้าจะค่อยๆเปลี่ยนเป็นบึ้งตึงแทน
เขากวาดสายตาจับจ้องเด็กนักศึกษาทั้งคลาสอีกครั้ง พร้อมกับพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงดุดัน
“พวกเธอทุกคนเป็นนักศึกษาของมหาวิทยาลัยแพทย์ปักกิ่ง ในเมื่อตอนนี้ฉันเป็นอาจารย์สอนวิชานี้ พวกเธอก็ต้องเชื่อฟังคำสั่งของฉันนับแต่นี้! อย่าเอาแต่ใจเป็นเด็กๆ! แล้วตำราเรียนของพวกเธออยู่ที่ไหน? หยิบขึ้นมาสิ!”
“เรียนท่านอาจารย์ซง! อาจารย์ฉีไม่เคยอนุญาตให้พวกเราใช้ตำราระหว่างเรียนครับ!”
นักศึกษาคนหนึ่งตะโกนเสียงดังลั่นมาจากหลังห้อง
“อาจารย์ซงคะ! อาจารย์ฉีเคยพูดไว้ว่า วิชาการวินิจฉัยคือภาคปฏิบัติ ถ้ามีอาจารย์คนไหนสอนวิชานี้ตามเนื้อหาในหนังสือ ก็นับได้ว่าอาจารย์คนนั้นไม่มีคุณสมบัติเพียงพอที่จะสอนใครก็ค่ะ!”
“อาจารย์ซงครับ รู้สึกว่าอาจารย์จะเคยสอนวิชา‘ประวัติศาสตร์แพทย์แผนจีน’มาก่อนใช่ไหมครับ? ในคลาสสอนของอาจารย์มันยอดเยี่ยมไปเลยครับ ผมหลับโคตรสบายเลย! น่าจะไปสอนวิชานั้นต่อนะครับ แล้วทำไมต้องมาฝืนสอนวิชายากๆอย่างวิชาการวินิจฉัยด้วยล่ะครับ? ผมว่าจุดแข็งของอาจารย์ซงคือการกล่อมพวกเราให้นอนหลับนะ”
“ฮ่าฮ่าๆๆๆ!”
นักศึกษาทั้งหลายต่างพากันระเบิดเสียงหัวเราะเยาะออกมาดังลั่นห้อง พวกเขาไม่สนเลยว่าอีกฝ่ายจะมีความอาวุโสแค่ไหน? ถ้าไม่สามารถมอบประโยชน์แก่พวกเขาได้ในฐานะอาจารย์ อายุก็เป็นเพียงแค่ตัวเลขเท่านั้น
กล้ามเนื้อทั่วใบหน้าของตาแก่ซงถึงกับกระตุก ทันใดนั้นเขาคว้าแปรงลบกระดานดำขึ้นมาทุบโต๊ะเสียงดังอยู่นาน ก่อนจะร้องตะโกนออกไปว่า
“เงียบ! ฉันบอกให้เงียบ! เงียบให้หมดทุกคน! อาจารย์แต่ละคนมีรูปแบบการสอนที่แตกต่างกัน ถ้าจะโทษว่าความรู้ในหนังสือมันไม่ดี แล้วจะมีตำราเรียนไปทำไมกัน? แล้วอีกอย่าง พวกเธอทุกคนปล่อยให้ผู้ชายไร้การศึกษาแบบนั้นมามีอิทธิพลต่อความคิดได้ยังไงกัน? รู้ไหมว่าหมอนั่นไม่เคยเรียนมหาวิทยาลัยมาด้วยซ้ำ! รู้แบบนี้แล้วยังกล้าเรียกเขาว่าอาจารย์อยู่ไหม?!”
“โอ้โห? ขนาดอาจารย์ฉีไม่เคยเรียนมาหวิทยาลัย ยังเก่งกว่าตาแก่แถวนี้เลยว่ะ?”
“อืม อืม ก็เข้าใจแหละ เป็นธรรมดาที่คนด้อยกว่ามักจะหาข้อแก้ตัวเพื่อให้ตัวเองรู้สึกสบายใจ”
“พวกเรายังไม่พูดสักคำเลยนะครับว่า ตำราเรียนมันไม่ดี? การอ่านตำราเรียนและจัดเตรียมแบบแผนการสอนที่ดีเป็นความรับผิดชอบของอาจารย์ที่ดีเช่นกัน การที่อาจารย์เหล่านั้นสามารถสอนลูกศิษย์โดยไม่ต้องเปิดตำราสอน มันได้พิสูจน์แล้วว่า อาจารย์เหล่านั้นรับผิดชอบต่อหน้าที่ได้ดีขนาดไหน อาจารย์ซงครับ ที่อาจารย์ให้พวกเราเปิดตำราเรียนควบคู่ไปกับการสอนด้วยแบบนี้ ก็เพราะว่ายังไม่เคยอ่านทำความเข้าใจเนื้อหาก่อนมาสอนใช่ไหมครับ?”
“อาจารย์ซง อย่าเอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับอาจารย์ฉีเลยครับ ยิ่งเปรียบเทียบเท่าไหร่ผมยิ่งรู้สึกสมเพชแทนอ่ะครับ ขอร้องนะจารย์ งั้นคาบนี้ก็ช่วยเปลี่ยนมาสอนวิชา‘ประวัติศาสตร์แพทย์จีน’แทนก็แล้วกัน ช่วยกล่อมนอนผมหน่อย ผมอยากนอนมากแล้ว”
“ฮ่าฮ่าๆๆๆ!”
ปัง! ปัง! ปัง!!
ตาแก่ซงโกรธมากจนใบหน้าสั่นเทาไม่หยุด เขากระหน่ำฟาดฝ่ามือลงบนตบโต๊ะ ราวกับกำลังระบายอารมณ์ที่อัดแน่นอยู่ข้างในออกมา
“พวกเธอสอบเข้ามหาวิทยาลัยแห่งนี้กันมาได้ยังไง! แม้แต่กฎระเบียบของทางมหาวิทยาลัยยังไม่เข้าใจด้วยซ้ำ! หัวหน้าคณะอาจารย์ซีบอกกับฉันก่อนมาสอนว่า ฉันมีสิทธิ์ไล่พวกเธอออกจากชั้นเรียนได้! และยังมีสิทธิ์ทำทัณฑ์บนกับพวกเธอด้วย! พูดกันตามตรงเลยนะ ฉันเองก็ไม่อยากมีปัญหากับพวกเธอเหมือนกัน แต่ก็อย่ามาบีบบังคับให้ฉันต้องงัดไม้แข็งออกมาใช้เหมือนกัน! อำนาจอยู่ในมือของฉัน ถ้าฉันยื่นเรื่องทำทัณฑ์บนพวกเธอขึ้นมาจริง ประวัติการศึกษาของพวกเธอจะต้องด่างพร้อยติดตัวไปตลอดชีวิต! แล้วในอนาคตข้างหน้าก็จะไม่มีโรงพยาบาลไหนอยากรับพวกเธอเข้าไปทำงาน!”
ตาแก่ซงชี้นิ้วไปทางประตูพร้อมกับร้องตะโกนท้าทาย
“ถ้าใครไม่อยากเรียนในคาบของฉันก็เชิญออกไปซะ! แล้วห้ามเหยียบกลับเข้ามาเรียนอีก! แต่ไม่ต้องห่วง ฉันจะยังให้พวกเธอได้เข้าสอบปลายภาค!”
ตาแก่ซงเคยได้ยินมาว่า ฉีเล่ยเคยใช้ท่าไม้ตายนี้ปราบปรามเด็กกลุ่มนี้จนอยู่หมัด ซึ่งในตอนนั้นเขาเองก็เห็นตัวอย่างแล้วว่าใช้ได้ผลขนาดไหน ดังนั้นเขาจึงหยิบยกวิธีนี้มาลองใช้กำราบเด็กนักศึกษากลุ่มนี้ดูบ้าง และเขาก็เชื่อมั่นอย่างยิ่งว่า นักศึกษาพวกนี้ต้องไม่กล้าเดินออกจากห้องไปต่อหน้าต่อตาอาจารย์ระดับอาวุโสแบบเขาอย่างแน่นอน ไม่ว่าเด็กนักศึกษาคนนั้นจะกล้าดีแค่ไหนก็ตาม!
ทว่าน่าเสียดายที่อาจารย์ซงไม่ใช่อาจารย์ฉี
ทันทีที่ตาแก่ซงร้องตะโกนท้าทายจบ เหอจื่อที่นั่งอยู่แถวแรกสุด จู่ๆก็ถอดหูฟังยัดเก็บเข้าไปในกระเป๋าของเธอ จากนั้นก็ลุกขึ้นยืนสะพายกระเป๋าพาดไหล่ข้างหนึ่ง แล้วเดินจากออกไปอย่างไม่แยแส
ตึงตัง…ตึงตัง…
ทั่วทั้งห้องเรียนสั่นสะเทือนไปหมด นักศึกษาแต่ละคนต่างก็ง่วนอยู่กับการเก็บของทุกอย่างบนโต๊ะลงกระเป๋า ก่อนจะลุกขึ้นเดินผ่านบานประตูออกไปทีละคนสองคน เด็กนักศึกษาเหล่านี้ไม่มีใครเห็นแก่หน้าอาจารย์ซงเลยสักคน
ในชั่วพริบตา ภายในห้องเรียนแห่งนี้ก็เหลือเพียงนักศึกษานั่งอยู่แค่คนเดียว
ตาแก่ซงจับจ้องไปที่นักศึกษาหนุ่มคนนั้นด้วยความซาบซึ้งใจอย่างสุดจะบรรยาย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดคุณหมอสกุลเฉิน