ตอนที่145 เส้นลมปราณตะวันฟ้า
“ไม่”
ฉีเล่ยยิ้มพร้อมกล่าวต่อว่า
“เพียงแค่ไม้จันทร์แดงพันปีก็น่าจะมีค่ามากกว่าห้าล้านหยวนแล้วจริงไหมครับ?”
หัวใจของเป่ยจ้าวหยวนตกลงไปยังตาตุ่มทันที เวลานี้เขาเพิ่งจะมานึกเสียงใจในภายหลังว่า ไม่น่ารับเดิมพันกับฉีเล่ยด้วยป้ายประจำตระกูลของตัวเองเลย
“งั้นนายอยากได้เท่าไหร่ล่ะ เสนอตัวเลขมาเลยดีกว่า”
เป่ยจ้าวหยวนร้องตอบพร้อมกับจ้องมองฉีเล่ยด้วยแววตาที่รู้สึกผิดจนเกินจะพรรณนา เวลานี้เขาดูไม่ต่างจากกระต่ายขาวตัวน้อยผู้น่าสงสาร ที่กำลังจ้องมองขอความเมตตาจากหมาป่าแสนเจ้าเล่ห์อยู่
ฉีเล่ยยิ้มพร้อมตอบกลับไปว่า
“ผมไม่ได้ต้องการเงิน ผมต้องการป้ายประจำตระกูลของคุณ”
“นี่นาย…”
เป่ยจ้าวหยวนแทบจะอาเจียนออกมาเป็นเลือดสด
“ไว้ไมตรีแก่กันในวันนี้ อย่างน้อยในอนาคตเวลาที่นายเดือดร้อน ตระกูลเป่ยของเราก็ยังสามารถยื่นมือเข้าช่วยเหลือได้นะ”
เขารู้ดีว่าถ้าหากฉีเล่ยปลดป้ายประจำตระกูลเป่ยออกไป คลินิกของเขาจะไม่มีวันเปิดได้อีกตลอดกาล ยิ่งไปกว่านั้นชื่อเสียงของตระกูลเป่ยจะถูกทำลายจนป่นปี้ย่อยยับอย่างเลี่ยงไม่ได้
ฉีเล่ยส่ายหน้าไปมาและตอบกลับทันที
“อย่างงั้นเหรอ? ดูเหมือนว่าคุณยังไม่เข้าใจสถานการณ์ตอนนี้เท่าไหร่นะครับ แต่ช่างเถอะ ผมเองก็ไม่อยากจะอธิบายอะไรแล้ว ถ้าคุณเข้าใจก็ดีไป แต่ถ้าไม่เข้าใจก็ช่วยไม่ได้ ปลดป้ายประจำตระกูลเป่ยออกซะ แล้วจะส่งไปให้ผมที่บ้าน หรือจะให้ผมแบกกลับตอนนี้เลยก็ยังได้ หวังว่าที่เดิมพันกันไว้จะไม่คืนคำนะครับ?”
ยังไม่ทันที่เป่ยจ้าวหยวนจะเอ่ยปากตอบอะไรออกมา ทันใดนั้นก็มีสุ้มเสียงของชายชราดังขึ้นมาจากด้านหน้าประตู
“คนของตระกูลเป่ยเต็มใจเดินพันเอง ในเมื่อทางเราแพ้ย่อมต้องมอบป้ายประจำตระกูลให้แต่โดยดี”
จากนั้นประตูไม้ที่ปิดอยู่ก็ถูกเปิดอ้าออก ปรากฏเป็นชายชราสวมชุดถังจวง(เสื้อคอจีน)สีขาว ผมเผ้าขาวหงอกบนศรีษะยิ่งเน้นให้ชายชราคนนี้ดูเป็นผู้อาวุโสที่น่าเกรงขามยิ่งคนหนึ่ง เขาก้าวเดินตรงเข้ามาหาฉีเล่ยพร้อมรอยยิ้ม
เป่ยจ้าวหยวนตกใจอย่างมากทันทีที่เห็นชายชราผู้นี้ปรากฏตัวขึ้น
เป่ยจ้าวหยวนรีบเอ่ยปากทักทายด้วยน้ำเสียงที่บ่งบอกถึงความเคารพอย่างยิ่ง
“คุณปู่ครับ!”
“จ้าวหยวน ฉันบอกแกกี่ครั้งแล้วว่าเหนือฟ้ายังมีฟ้า แกเคยจำใส่กะโหลกบ้างไหม?”
สีหน้าท่าทางของเป่ยจ้าวหยวนเวลานี้ บ่งบอกว่ากำลังรู้สึกละอายใจอยู่บ้าง
“คุณปู่…ผมผิดเองครับ”
ชายชรายิ้มตอบกลับไปว่า
“ดีแล้วที่รู้สำนึกถึงความผิดพลาดของตัวเอง จะได้แก้ไขก่อนที่จะสายเกินไป”
เป่ยจ้าวหยวนตกใจเล็กน้อยที่ไม่โดนคุณปู่ดุด่าเหมือนอย่างที่คิดไว้ เขารีบโค้งคำนับและกล่าวขึ้นทันทีว่า
“ครับคุณปู่ ผมเข้าใจแล้ว”
ชายชราหันไปจับจ้องฉีเล่ย มองขึ้นมองลงอยู่หลายรอบราวกับกำลังพินิจจับจ้องสมบัติล้ำค่า
“พ่อหนุ่มเจ้าแซ่อะไร?”
“แซ่ฉีครับ”
หลังจากเฝ้าสังเกตสถานการณ์ตรงหน้า เขาก็พอจะคาดเดาได้ว่า ชายชราผู้นี้น่าจะเป็นปู่ของเป่ยจ้าวหยวน คือเป่ยฉวนเทียน ปรามาจารย์แห่งศาสตร์การฝังเข็มแห่งยุค
ชายชราพยักหน้าเล็กน้อย แล้วจู่ๆก็เอ่ยถามต่ออีกว่า
“สกุลฉีงั้นเหรอ? ถ้าอย่างนั้นชื่อสกุลของอาจารย์เธอล่ะ?”
ฉีเล่ยถึงกับตกตะลึง
อาจารย์?
ก็อยากจะบอกไปตามตรงว่ามีอาจารย์เหมือนกันไม่ใช่ไม่มี แต่อาจารย์ของฉันกลับไม่ใช่คน เป็นจิตวิญญาณบรรพบุรุษตระกูลเฉินที่หลงเหลืออยู่ จะเรียกว่าเป็นคนก็ไม่ใช่แต่จะบอกว่าเป็นผีก็ดูไม่ให้เกียรติ
แต่สิ่งเดียวที่สามารถบอกได้คือ อาจารย์ของเขาเป็นคนสกุลเฉิน แต่ถ้าบอกออกไปฉีเล่ยเองก็ไม่มั่นใจว่า อีกฝ่ายจะเชื่อคำพูดของเขาหรือเปล่า!
เมื่อคิดได้แบบนั้น ฉีเล่ยจึงกล่าวตอบไปเท่าที่ตนเองรู้
“อาจารย์ของผมแซ่เฉินครับ”
“สกุลเฉินงั้นรึ?”
ชายชราถึงกับปั้นสีหน้าเคร่งขรึมจริงจังขึ้นในทันที สายตาเจือแววประหลาดใจเล็กน้อยจนหางคิ้วกระตุกขึ้น
“อาจารย์ของเธอคือใคร? เฉินฉางเชิงรึเปล่า?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดคุณหมอสกุลเฉิน