ตอนที่150 คาดเดาไม่ได้
ขณะรอให้ฉีเล่ยนั่งลงบนโซฟาให้เรียบร้อยก่อน เป่ยจ้าวหยวนจึงเป็นฝ่ายพูดเข้าประเด็นทันทีว่า
“ฉันมาที่นี่เพราะอยากจะถามอะไรสักหน่อยน่ะ”
ฉีเล่ยเอ่ยถามกลับไปว่า
“เรื่องอะไรเหรอครับ?”
“คือว่า…มีสื่อหลายสำนักต้องการสัมภาษณ์นาย แล้วก็มีแพทย์แผนจีนอีกหลายสิบคนที่สนใจในวิชาสามเข็มปาฏิหาริย์ พากันแห่เข้ามาถามโดยไม่ทันตั้งตัวเลยล่ะ แต่ฉันกับคุณปู่ไม่ได้เปิดเผยทื่อยู่ของนายออกไปหรอกนะ เลยต้องแอบออกมาถามความสมัครใจของนายก่อนไง”
สีหน้าการแสดงออกของฉีเล่ยดูงุนงงอย่างมาก เขาทวนคำถามกลับทันที
“สัมภาษณ์ผม? ผมมีอะไรให้น่าสัมภาษณ์?”
พอเห็นปฏิกิริยาของฉีเล่ย เป่ยจ้าวหยวนก็ทราบทันทีว่าอีกฝ่ายน่าจะงงจริง เลยต้องรีบอธิบายให้ฟังอย่างละเอียด
“ข่าวการปรากฏขึ้นของวิชาสามเข็มปาฏิหาริย์ที่หายสาบสูญไปนับร้อยปีได้แพร่กระจายไปทั่วโลกในเวลาเพียงชั่วข้ามคืน ทั้งนี้ยังมีคนไข้ที่เป็นคนมีหน้ามีตาในสังคมอย่างมาก เป็นพยานรู้เห็นเหตุการณ์ในวันนั้นด้วย ก็เลยยิ่งทำให้ข่าวนี้ดังเข้าไปใหญ่ ซึ่งมันก็ไปจุดกระแสและกระตุ้นความสนใจของผู้คนเป็นจำนวนมาก ทั้งสื่อมวลชนทั้งแพทย์แผนจีนจากสำนักต่างๆ ทุกคนต่างก็พากันแห่เข้ามาที่บ้านตระกูลเป่ยจนล้นออกมาหน้าถนนแล้ว”
“ไม่ใช่แค่สื่อบ้านเราเท่านั้นนะ แต่ยังมีสื่อจากต่างประเทศเข้ามาไม่หยุดหย่อน ทั้งฉันทั้งปู่ต่างวิ่งวุ่นจนหัวหมุน มีคนจากทั่วทุกสารทิศถาโถมกันเข้ามารักษาที่คลีนิคตระกูลเป่ย แรกๆมันก็ดีอยู่หรอก แต่ถ้าปล่อยไปแบบนี้มีหวังฉันกับปู่ต้องขาดใจตายก่อนแน่ วันนี้ได้จังหวะ ฉันก็เลยต้องชิ่งหนีออกมาทางประตูหลังบ้าน แล้วก็รีบมาที่นี่เพื่อปรึกษาหารือกับนายนี่ล่ะ”
ในปักกิ่ง เป่ยจ้าวหยวนเป็นคนมีชื่อเสียงและมีผู้คนก็รู้จักกันดี ทั้งยังเป็นแพทย์แผนจีนที่ได้รับความนิยมอย่างมาก แม้ว่าป้ายประจำตระกูลเป่ยจะถูกปลดออกแล้ว แต่มันก็ไม่ได้ส่งผลเสียอย่างที่เขาเคยคิดไว้ ทว่ากลับตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิง มีคนไข้ที่เข้ามารอคิวรักษาเพิ่มขึ้นกว่าแต่ก่อนนับสิบเท่า! บางคนหัวหมอรีบมาจองคิวเพื่อนำไปขายเอากำไรขายต่ออีกทอดก็มี
ถึงแบบนั้นจุดประสงค์ที่แท้จริงของผู้คนโดยส่วนใหญ่ก็คือ อยากจะมาพบเจอสุดยอดปรมาจารย์ฉีเล่ย ผู้ใช้ทักษะวิชาสามเข็มปาฏิหาริย์ที่หายสาปสูญไปแล้วนั่นเอง
ยิ่งไปกว่านั้นยังมีสื่อสำนักหลักต่างๆของปักกิ่งและต่างประเทศดาหน้ากันเข้ามาเพื่อที่จะทำข่าวนี้ ในฐานะหลานชายผู้สืบทอดเข็มเทวะแห่งตระกูลเป่ย เป่ยจ้าวหยวนตกเป็นเป้าสัมภาษณ์ของบรรดานักข่าวจำนวนนับไม่ถ้วนที่คอยรุมล้อมไม่ห่างตัว คนเหล่านี้ต้องการให้เป่ยจ้าวหยวนเปิดเผยที่อยู่ของฉีเล่ย แต่เขาก็ให้การปฏิเสธไปทั้งหมด
เป็นธรรมดาที่นักข่าวพวกนั้นจะไม่เชื่อ จึงเบี่ยงความสนใจจากคนเป็นหลานไปหาคนเป็นคนปู่อย่างเป่ยฉวนเทียนแทน พูดได้ว่าเวลานี้ทั้งปู่และหลานตระกูลเป่ยต่างก็ยุ่งวุ่นวายกับเรื่องนี้อย่างมาก หันซ้ายก็คนไข้หันขวาก็เจอไมค์นักข่าวจ่อปาก
หลังจากที่ได้ฟังคำอธิบายจนเข้าใจสถานการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดแล้ว ฉีเล่ยก็ครุ่นคิดอยู่ชั่วขณะก่อนจะพูดขึ้นว่า
“คือตอนนี้ผมไม่สะดวกที่จะให้สัมภาษณ์กับสื่อเลยครับ”
หากฉีเล่ยให้สัมภาษณ์กับสื่อหรือได้ออกทีวีเมื่อไหร่ เขาจะกลายเป็นคนดังที่มีชื่อเสียงขึ้นมาทันที
ไม่ใช่ว่าฉีเล่ยเป็นคนกร้านโลกไม่อยากเป็นคนดังอะไร แต่เขากังวลถึงผลที่จะตามมาหลังจากนั้นมากกว่า เขาคงจะใช้ชีวิตประจำวันได้ลำบากขึ้นอย่างแน่นอน และอาจจะร้ายแรงถึงขั้นส่งผลกระทบต่อการสอนหนังสือของเขาด้วย
เป่ยจ้าวหยวนพยักหน้าตอบกลับไปทันที
“ฉันคิดอยู่แล้วว่านายจะต้องตอบแบบนี้ แต่มีเรื่องหนึ่งที่นายไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้เลยนะ”
“หมายความว่ายังไง?”
“ฉันเองก็ไม่รู้หรอกนะว่าใครเป็นคนไปปล่อยข่าว แต่สื่อพวกนั้นรู้แล้วว่า อีกสามวันจะมีการประลองระหว่างนายกับคุณปู่ของฉัน ถึงตอนนั้นพวกนักข่าวคงจะแห่กันมาทำข่าวใหญ่อย่างแน่นอน คุณปู่เองก็ถอนคำพูดไม่ได้ด้วย จึงได้แต่ก้มหน้ารับผลลัพธ์ไป”
ฉีเล่ยคลี่ยิ้มสีหน้าดูขมขื่นใจไม่น้อย
“ไม่ว่ายังไงผมก็ต้องออกหน้าใช่ไหม?”
“เฮ้ออ…”
เป่ยจ้าวหยวนถอนหายใจยาวด้วยความเหนื่อยหน่าย ก่อนจะตอบกลับไปว่า
“ในเมื่อนายปลดป้ายประจำตระกูลเป่ยออกไป ก็ควรต้องเตรียมใจเผชิญหน้ากับเรื่องนี้ตั้งแต่ต้นแล้ว ไม่ช้าก็เร็วนายก็ต้องกลายเป็นคนมีชื่อเสียงอยู่ดี ต่อให้นายจะพยายามปกปิดแค่ไหน แต่ทองคำก็ยังเป็นทองคำวันยังค่ำ นายต้องทำใจแล้วล่ะ”
ฉีเล่ยนั่งครุ่นคิดอยู่สักพักหนึ่ง ก่อนจะคิดได้ว่าสิ่งที่เป่ยจ้าวหยวนก็พูดถูกเช่นกัน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดคุณหมอสกุลเฉิน