ตอนที่162 กลับไม่ได้แล้วก็ไม่อยากกลับด้วย
เมื่อวางสายไปแล้ว ฉีเล่ยก็แจ้งหมายเลขโต๊ะให้กับบริกรสาวสวยทราบทันที จากนั้นเธอก็ได้เดินนำเขาไปยังโต๊ะหมายเลข116
นี่เป็นครั้งแรกที่ได้เห็นหลี่ถงซีอยู่ในชุดสวยหรูจัดเต็มมากขนาดนี้ ฉีเล่ยถึงกับตกตะลึงและประหลาดใจไม่น้อยที่ได้เห็น
วันนี้หลี่ถงซีมาในชุดเดรสสั้นสีขาวแนวเรียบหรู พร้อมเข็มขัดแบรนด์ดังสีดำประดับรอบเอว เสื้อคลุมชั้นนอกเป็นเสื้อสูทคาร์ดิแกนถักพู่ ผมดัดเป็นลอนสวยงามปล่อยยาวลงมาประบ่า กระโปรงรัดรูปนั้นเน้นให้เห็นเรียวขาอันอวบอิ่มมีน้ำมีนวลสวยงาม ที่กำลังไขว้ซ้อนกันอยู่ใต้โต๊ะ
ภายใต้แสงเทียนที่ให้ความรู้สึกอบอุ่น และแจกันดอกไม้เรียบง่ายแต่สวยหรู ยิ่งเน้นให้หลี่ถงซีดูเฉิดฉายเปล่งประกายยิ่งกว่าวันไหนๆ
หน้าอกลูกพีชทรงโตของเธอดูอวบอิ่มน่าหลงใหลเกินบรรยาย คู่คิ้วก็โก่งโค้งดุจคันธนูทรงสวย นัยน์ตาใสบริสุทธิ์น่าหลงไหล และคอระหงส์นั้นก็น่าจุมพิตยิ่งนัก
หลี่ถงซีเงยหน้าขึ้นมองฉีเล่ยด้วยสีหน้างุนงงเล็กน้อย
ในขณะที่ฉีเล่ยเองได้แต่นั่งสงสัยอยู่ว่า ผู้หญิงที่นั่งอยู่ท่ามกลางแสงเทียนสลัวตรงหน้าเขานี้ ใช่หลี่ถงซีจริงๆใช่ไหม?
แม้ว่าก่อนหน้านี้เธอจะเป็นสาวสวยทรงเสน่ห์มากอยู่แล้ว แต่ก็ไม่เคยแต่งตัวจัดเต็มมากเป็นพิเศษเหมือนวันนี้มาก่อน ที่ผ่านมาเธอสวมใส่เสื้อผ้าปกปิดเรือนร่างมิดชิด ไม่ต่างจากคุณป้าหัวโบราณ
นี่เป็นสิ่งเดียวที่ตรงกันข้ามกับหลินชูวโม่ ที่มักจะชอบแต่งตัวจัดเต็มอยู่ตลอดเวลา
ด้วยรูปแบบการแต่งตัวของหลี่ถงซีในวันนี้ซึ่งแตกต่างจากก่อนหน้าโดยสิ้นเชิง จึงนับว่าเป็นเรื่องเกินกว่าที่ฉีเล่ยจะเข้าใจได้ แม้ว่าวันนี้เธอจะไม่กล้าแต่ตัวอวดทรวดทรงเท่ากับหลินชูวโม่ก็ตาม แต่สำหรับหลี่ถงซีแล้ว นี่นับว่าเป็นพัฒนาที่ก้าวหน้าไปมาก
และสิ่งสำคัญที่สุดในเวลานี้คือ วันนี้เธอยิ้ม…
ฉีเล่ยเกรงว่าจะทักคนผิดเข้า จึงได้กระซิบถามเสียงเบาอย่างไม่ค่อยมั่นใจนัก
“ถงซีเหรอ?”
หลี่ถงซีพยักหน้าเล็กน้อย พร้อมกับกวักมือให้ฉีเล่ยนั่งลง ปากก็เอ่ยถามออกไปว่า
“ฉีเล่ย นายอยากกินอะไรเป็นพิเศษรึเปล่า? ฉันแนะนำสเต็กเนื้อ ร้านนี้ย่างได้อร่อยมาก”
แต่เมื่อได้ยินสุ้มเสียงอันสุดแสนจะเย็นชาปราศจากอารมณ์แบบนั้น ฉีเล่ยก็มั่นใจขึ้นทันทีว่า ตนเองไม่ได้ทักคนผิดแน่
เดิมทีฉีเล่ยแค่จะหาอะไรยัดเข้าท้องให้อิ่มๆไปอย่างเช่นบะหมี่ แต่หลังจากได้ยินหลี่ถงซีแนะนำสเต๊กเนื้อ เขาก็ตัดสินใจที่จะลองทันที
ฉีเล่ยหันไปสั่งอาหารกกับบริกรที่ยืนอยู่ข้างโต๊ะว่า
“งั้นผมขอสเต๊กเนื้อก็แล้วกันครับ”
“เอาไวน์ Penfolds 707มาอีก2ขวดด้วย”
หลี่ถงซีหันไปสั่งบริกรต่อทันที
ฉีเล่ยถึงกับตะลึงงันพร้อมกับแอบคิดในใจว่า
สั่งไวน์มาดื่มทำไมตั้งสองขวด?
อย่าบอกนะว่ากำลังคิดวางแผนมอมเหล้าฉัน?
ว่ากันว่า เวลาพวกเสือผู้หญิงจะวางแผนขย้ำเหยื่อนั้น พวกเขามักจะทำทุกวิถีทางเพื่อหลอกล่อให้ผู้หญิงดื่มจนเมามาย แต่สถานการณ์ในตอนนี้ดูเหมือนจะตรงข้ามกัน หรือหลี่ถงซีกำลังคิดที่จะมอมเหล้าเขากันแน่?
“ถงซี ผมไม่อยาก…ดื่มเยอะเท่าไหร่”
ฉีเล่ยรีบปริปากบอกออกไปทันที
นี่คือความจริงที่ไม่อาจปฏิเสธได้ ตั้งแต่ครั้งล่าสุดที่เขาดื่มจนเมาในร้าน KTV ฉีเล่ยก็เพิ่งค้นพบว่า ตัวเขาเองไม่ได้คอแข็งอะไรขนาดนั้น มิหนำซ้ำสภาพตอนเมาก็ยังไม่ค่อยจะดีเท่าไหร่นัก
ด้วยเหตุนี้ ฉีเล่ยจึงค่อนข้างระมัดระวังตัวเองกับเรื่องนี้มาก อีกใจหนึ่งก็กลัวว่า หากยังฝืนดื่มแอลกอฮอล์ต่อไป อาจทำให้โรคประหลาดที่มีต้นตอจาก ‘เส้นลมปราณตะวันฟ้า’ กำเริบขึ้นมาอีกได้
“ไม่เป็นไรหรอกน่า ไวน์แดงไม่ทำให้เมาง่ายแบบนั้น”
ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะไม่เข้าใจความหมายที่เขาพยายามจะสื่อเลย
หากยังยืนกรานที่จะปฏิเสธก็คงดูไม่ดีเช่นกัน ฉีเล่ยจึงทำได้เพียงแค่พยักหน้าตอบตกลงแม้จะไม่ค่อยเต็มใจเท่าไหร่นัก
ในฐานะผู้ชายที่มีภรรยาแล้ว แต่กลับไม่ได้อยู่เคียงข้างกัน ชีวิตของเขาในกรุงปักกิ่งแต่ละวันจึงค่อนข้างจะยากลำบากไม่น้อย ถ้ายังขืนปล่อยให้บรรดาสาวสวยรายล้อมรอบตัวอยู่แบบนี้ต่อไป สักวันหนึ่งเขาอาจจะเผลอขึ้นเตียงกับหญิงอื่นอย่างช่วยไม่ได้เช่นกัน
เมื่อเห็นฉีเล่ยไม่พูดไม่จาอะไร หลี่ถงซีเองก็ไม่ได้ปริปากพูดอะไรเช่นกัน
หลังจากวางแก้วไวน์ในมือลง ดวงตาคู่สวยของหลี่ถงซีก็เคลื่อนไปมองคู่รักคู่หนึ่งที่อยู่โต๊ะถัดไป พวกเขาทั้งสองกำลังรับประทานอาหารกันอย่างมีความสุข เธอยังคงเหม่อมองอยู่แบบนั้นโดยไม่ไม่รู้เลยว่ากำลังคิดอะไรอยู่
“ฉันก็เคยเป็นแบบนั้นเหมือนกันนะ”
จู่ๆหลี่ถงซีก็พูดขึ้นมาลอยๆอย่างไม่มีต้นสายปลายเหตุ น้ำเสียงของเธอฟังดูแผ่วเบาแฝงเร้นไปด้วยความอาลัยอาวรณ์ถึงอะไรบางอย่าง
“หื้ม? อะไรนะครับ?”
“ฉันบอกว่า เมื่อก่อนตัวฉันเองก็เคยมีความสุขเหมือนกับผู้หญิงคนนั้น”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดคุณหมอสกุลเฉิน