ยอดคุณหมอสกุลเฉิน นิยาย บท 174

ตอนที่174 โรคอารมณ์สองขั้ว

โรคไบโพลาร์หรืออีกชื่อหนึ่งเรียกว่าโรคอารมณ์สองขั้ว เป็นภาวะทางจิตที่อันตรายอย่างยิ่ง แตกต่างไปจากโรคกลัวเพศตรงข้ามโดยสิ้นเชิง พูดอีกนัยหนึ่งได้ว่า โรคไบโพลาร์เป็นรุ่นอัพเกรดของโรคกลัวเพศตรงข้ามนั่นเอง

โรคกลัวเพศตรงข้ามเป็นเพียงความคิดเชิงจิตวิทยาที่ต้องการตีตัวออกห่างจากเพศตรงข้ามเท่านั้น จึงไม่ได้ถือเป็นอาการทางจิตที่รุนแรงนัก

แต่โรคไบโพลาร์นั้นเป็นการละทิ้งอารมณ์ทั่วไปของมนุษย์อย่างหมดจด และถ้ายังขืนปล่อยไว้แบบนี้มันอาจพัฒนากลายไปเป็น โรคซึมเศร้าระยะรุนแรง หรืออาจเสี่ยงเป็นบ้าเสียสติได้เลย

ดูจากปฏิกิริยาของหลี่ถงซีในตอนนี้ เธอมีแนวโน้มสูงมากว่าจะเป็นแบบนั้น เพราะแม้แต่สถาบันครอบครัวซึ่งเป็นสถานบันที่มีความสัมพันธ์ขั้นพื้นฐานที่สุด เธอเองยังปิดกั้นและห่างเหินได้ถึงขนาดนี้ มีโอกาสที่เธอจะกลายเป็นบ้าเสียสติในวันหน้าได้

แต่คำถามก็คือ…อาการของเธอพัฒนาไปไกลจนเป็นหนักขนาดนี้ได้ยังไง?

ด้วยความช่วยเหลือและคำแนะนำของตัวเขาเอง มันก็น่าจะเพียงพอที่จะรักษาอาการทางจิตนี้ให้หายขาดได้แล้วไม่ใช่หรือ มิหนำซ้ำก่อนหน้านี้ยังมีสัญญาณชี้ชัดว่าอาการของเธอดีขึ้นมากแล้ว เพียงแค่ข้ามวันทุกอย่างกลับเปลี่ยนไปได้มากขนาดนี้ได้อย่างไรกัน?

หรือเหตุการณ์เมื่อคืนนี้ ทำให้ปมในใจของเธอถูกกระตุ้นขึ้นมาอีกครั้ง? หรือเป็นเพราการกลับมาของคังฟาน?

หรือหลังจากที่เขาออกมาจากร้าน คังฟานจะทำการหักอกเธอซ้ำสอง?

แต่นั่นไม่น่าจะเป็นไปได้

เพราะดูจากท่าทีของคังฟานที่แสดงออกมา เขาก็ยังดูรักหลี่ถงซีอยู่

แล้ว…สาเหตุเกิดจากอะไรกันแน่? ถึงได้ทำให้หลี่ถงซีที่มีอาการดีขึ้นตามลำดับ กลับต้องมาทรุดหนักยิ่งกว่าเดิมเพียงแค่ชั่วข้ามคืน?

ฉีเล่ยรู้สึกว่า ยิ่งคิดหาเหตุผลมากเท่าไหร่ ทุกอย่างก็ยิ่งดูซับซ้อนมากขึ้นเท่านั้น แต่ที่สำคัญไปกว่านั้นก็คือ หลี่ถงซีไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าตนเองกำลังป่วยเป็นโรคทางจิตขั้นรุนแรง

หากปล่อยไว้นาน โรคนี้ก็จะยิ่งลุกลามหนักขึ้นและหนักขึ้นไปเรื่อยๆ

หลี่ถงซีจ้องตาฉีเล่ยแน่นิ่งโดยปราศจากอารมณ์ความรู้สึกใดๆเจือปน เธอบอกกับเขาด้วยน้ำเสียงที่เรียบเฉยไร้ซึ่งอารมณ์ความรู้สึกว่า

“มีอะไรอีกไหม?”

ฉีเล่ยได้แต่ยิ้มอ่อน และตอบกลับไปว่า

“ผมก็แค่เตือนด้วยความเป็นห่วง ถ้าหิวก็ควรโทรไปสั่งข้าวมากินบ้าง”

“ยังมีอะไรอีกไหม?”

“ไม่มีแล้วครับ”

“งั้นก็ออกไปได้แล้ว ฉันจะทำงานต่อ”

“ได้ครับ”

ฉีเล่ยหมุนตัวและเดินจากออกไปทันที แต่ก่อนจะก้าวออกจากห้อง เขายังอดที่จะปรายหางตามองหญิงสาวอีกครั้งไม่ได้ พร้อมกับพูดทิ้งท้ายว่า

“อย่าลืมหาอะไรกินล่ะ”

เมื่อฉีเล่ยเดินหายลับออกไปจากห้อง มือที่ถือปากกาของหลี่ถงซีพลันหยุดชะงักลงทันใด

จากที่เขียนด้วยลายมือสวยงามเป็นบรรทัด ตอนนี้กลับกลายเป็นลงน้ำหนักกดจนน้ำหมึกออกมาคมชัด แต่เนื่องจากเธอลงน้ำหนักกดแรงเกินไป จึงทำให้ปลายปากกาเจาะลงไปในกระดาษแผ่นนั้นจนขาดเป็นรู

แต่ทว่าหลี่ถงซีกลับไม่หยุดแค่นั้น เธอยังเขียนต่อไปและเขียนต่อไปไม่หยุด จนกระทั่งทั่วทั้งโต๊ะเลอะเทอะไปหมด

ทั่วใบหน้าของหลี่ถงซีเสมือนมีรอยร้าวมากมายปรากฏขึ้นจนเสียโฉม เวลานี้เธอดูราวกับผีสาวที่กำลังแสยะยิ้มอย่างน่าสยดสยอง หญิงสาวกำลังหัวเราะเย้ยเยาะชีวิตอันขมขื่นของตัวเอง และชะตาความรักอันแสนหยาบช้าที่ตนเองเคยประสบพบเจอมา

ความรักของผู้หญิงบางคนดำเนินไปด้วยความราบรื่น จนแทบไม่ต้องพยายามอะไรเลยด้วยซ้ำ หญิงสาวคนนั้นก็ได้รับความสุขที่เฝ้าหวังมาครอบครอง

แตกต่างไปจากผู้หญิงบางคนที่ต้องทนทุกข์ฝ่าฟันความลำบากมานับร้อยนับพันด่าน ตัดหัวมารกำจักปีศาจที่ขวางทาง และในที่สุดก็เดินทางไปถึงสวรรค์ และได้รับคัมภีร์ที่ต้องการ แต่ทว่าสุดท้ายแล้วกระทั่งคัมภีร์ที่ได้มาก็ยังเป็นของปลอม

มีเพียงหนึ่งในหมื่นที่จะสมหวัง ส่วนที่เหลือล้วนตายจากในระหว่างทาง

ชีวิตรักที่ผ่านมาของเธอไม่มีอะไรสวยงามเลยสักอย่าง

หลังจากเดินลงมาจากตัวอาคารแล้ว จู่ๆเสียงโทรศัพท์มือถือของฉีเล่ยก็ดังขึ้น บนหน้าจอเป็นชื่อหลินชูวโม่ปรากฏอยู่ ทันทีที่เขากดรับสาย เสียงปลายสายก็ดังขึ้นมาทันที

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดคุณหมอสกุลเฉิน