ยอดคุณหมอสกุลเฉิน นิยาย บท 173

สรุปบท ตอนที่173 ป่วยอีกครั้ง: ยอดคุณหมอสกุลเฉิน

ตอนที่173 ป่วยอีกครั้ง – ตอนที่ต้องอ่านของ ยอดคุณหมอสกุลเฉิน

ตอนนี้ของ ยอดคุณหมอสกุลเฉิน โดย Internet ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายActionทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง ตอนที่173 ป่วยอีกครั้ง จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที

ตอนที่173 ป่วยอีกครั้ง

ผู้ชายคนนี้ไม่ได้มีหน้าตาหล่อเหลาอะไร แต่ดูจากสไตล์การแต่งตัวค่อนข้างดีเยี่ยม

เขาสวมกางเกงสแล็คสีน้ำตาควบคู่ไปกีบรองเท้าหนังสีดำ เสื้อเชิ้ตทรงสลิมสีฟ้าอ่อน สวมสูทสีดำทับ มองภาพรวมแล้วดูเป็นบุคคลที่มีความน่าเชื่อถือสูง

ทรงผมสีดำปาดขึ้นด้วยแว็กซ์ที่กำลังได้รับความนิยมอย่างมากในขณะนี้ แวนตาทรงกลมสีทอง จมูกโด่งกำลังดี

เขากำลังยืนพึงหน้าข้างกับหลี่ถงซีและเหมือนว่ากำลังพูดอะไรสักอย่างกับเธอ

แต่หลี่ถงซีกลับไม่ได้สนใจอะไรเลย เธอเดินกลับมานั่งบนโต๊ะทำงานก้มหน้าก้มตาเขียนอะไรสักอย่างไม่หยุดราวกับกำลังยุ่งมาก และไม่แม้แต่เงยหน้ามองอีกฝ่ายเลย

เมื่อเห็นว่าหลี่ถงซีไม่ได้ปฏิเสธหรือเอ่ยปากไล่อีกฝ่ายออกไป ฉีเล่ยก็ประหลาดใจเล็กน้อยเกี่ยวกับปฏิกิริยาเหล่านี้

และจู่ๆหลี่ถงซีก็เงยหน้าขึ้นมองชายคนนั้นและก้มหน้าก้มตาเขียนอะไรบางอย่างต่อไป เธอไม่ได้สนใจจะสนทนากับอีกฝ่ายเลย

แต่ชายคนนั้นก็ไม่ได้แสดงท่าทีบูดบึ้งแม้สักนิด ทั่วทั้งใบหน้าของเขายังเผยให้เห็นรอยยิ้มแบบเดิมไม่จางหาย ก่อนจะกล่าวด้วยความเป็นห่วงว่า

“ถงซี อย่าทำงานหนักจนเกินไปนะครับ ถ้ากินข้าวไม่ตรงเวลา เดี๋ยวจะปวดท้องเอานะ ผมรู้ว่าคุณชอบกินซุปข้าวโพดใช่ไหม? เดี๋ยววันหลังผมซื้อมาเผื่อให้นะ”

หลี่ถงซีกรนเสียงสุดแสนรจะเย็นชา ตอบไปแค่คำเดียว

“ไม่”

ชายคนนั้นพยักหนและกล่าวต่อพร้อมรอยยิ้มว่า

“งั้นผมไม่รบกวนคุณแล้ว อย่าลืมทานข้าวให้ตรงเวลานะครับ”

หลังจากพูดจบ เขาก็หันหลังเดินจากออกไปทันที

ถ้าให้พูดกันตามตรง เมื่อได้เห็นลักษณะท่าทางอันอ่อนโยนและเอาใจใส่ของผู้ชาคนนี้ ฉีเล่ยคงหลงรักไปแล้วถ้าเกิดเขาเป็นผู้หญิง

ทว่าอย่างไรหลี่ถงซีกลับไม่ได้สนใจหรือแลเหลียวอีกเลยสักแม้สักนิด ทำตัวราวกับอีกฝ่ายเป็นอากาศธาตุตั้งแต่ต้นจนจบ นี่มันภูเขาน้ำแข็งชัดๆ

เมื่อชายคนนั้นเดินออกประตูไป เขาก็เดินผ่านฉีเล่ย เหลือบมองแวบหนึ่ง คู่คิ้วขมวดแน่นราวกับครุ่นคิดอะไรสักอย่าง แต่ก็ไม่ไดพูดอะไร

พอฉีเล่ยกำลังจะเดินเข้าไป เสียงของชายคนนั้นก็เปล่งดังขึ้นมาจากด้านหลังโดยพลัน

“คุณคือฉีเล่ยใช่ไหม?”

“ครับ ผมเอง”

ฉีเล่ยเหลือบหางตามองชายคนนั้นสวนกลับไป

ชายคนนั้นเหลือบมองฉีเล่ย กวาดสายตาขึ้นลงดูไม่เป็นมิตรแบบก่อนหน้าเลย

“ผมจางรุ่ย”

ฉีเล่ยพยักหน้าตอบ

“ครับ? ใครเหรอครับ?”

สีหน้าความหงุดหงิดปรากฏขึ้นบนใบหน้าของจางรุ่ยทันที

“นี่คุณ…”

จางรุ่ยถือเป็นอาจารย์ที่มีชื่อเสียงอย่างมากในสาขาเภสัชศาสตร์ จบปริญญาโทจากมหาวิทยาลัยไอวี่ พอกลับมาที่ประเทศจีนเขาก็มาสอนหนังสือที่มหาวิทยาลัยปักกิ่ง ทักษะทางการแพทย์ของเขาค่อนข้างโดดเด่นอย่างมาก และเป็นที่นิยมชมชอบในหมู่ลูกศิษย์และระดับผู้บริหารของโรงพยาบาลในเครือ

อาจกล่าวได้ว่า สถานะของเขาในสายตาของบรรกาลูกศิษย์ก็เหมือนกหับสถานะของฉีเล่ยในสายตาของบรรดาลูกศิษย์ของสาขาแพทย์แผนจีนเช่นกัน

ในฐานะที่เป็นอาจารย์ที่มีชื่อเสียง จางรุ่ยไม่ได้คาดคิดเลยว่า ฉีเล่ยจะทำตัวหยิ่งผยองและหัวสูวงไปกว่าตนเ

เขาเปิดประเดิมกล่าวเย้ยหยันฉีเล่ยทันทีว่า

“ผมได้ยินมาว่า คุณสอนสาขาแพทย์แผนจีนได้นิดหน่อย?”

ฉีเล่ยกล่าวตอบน้ำเสียงเรียบนิ่งว่า

“ครับ แต่ไม่ใช่นิดหน่อย ผมคืออาจารย์ที่เก่งที่สุดของสาขา”

ต่อหน้าจางรุ่ย ฉีเล่ยไม่จำเป็นต้องถ่อมตัวใดๆ

หลังจากรู้ว่าทุกสายตามที่จับจ้องมาทางเขา แทบจะไม่ใช่มิตรเลย ดังนั้นเขาเองก็ไม่จำเป็นต้องไว้หน้าใครแล้วเช่นกัน

“จริงเหรอ? ไม่คิดจะถ่อมตัวเลย?”

“จริงครับ ผมเก่งที่สุด”

จางรุ่ยพยักหน้ากล่าวต่อว่า

“ก็ดูท่าจะจริง เพราะอีกไม่กี่วันคณะอาจารย์จากมหาวิทยาลัยแอริโซน่าจะมาที่มหาวิทยาลัยของเราเพื่อประเมิน และผมเองก็ได้ยินมาว่า สาขาแพทย์แผนจีนก็ส่งคุณเป็นตัวแทนให้คณะเยี่ยมชมเข้ามาทดลองฟัง?”

“ถูกต้องครับ”

“เป็นเกียรติอย่างยิ่งครับ ผมขอพูดในนามของตัวแทนสาขาเภสัชศาสตร์ หวังว่าเราจะมีโอกาสได้เรียนรู้ซึ่งกันและกัน”

แม้ทั้งคู่จะทานข้าวด้วยกันบ่อยครั้ง แต่ฉีเล่ยก็ไม่ค่อยชัดเจนเท่าไหร่กับอาหารที่เธอชอบ

“ไม่! ฉันไม่หิว!”

“งั้นไปดื่มกันหน่อยไหม? ผมมีเรื่องที่ต้องคุยกับคุณ”

“ไม่เห็นรึไงว่ายุ่งอยู่!”

ฉีเล่ยเอ่ยถามขึ้นต่อว่า

“อาวุโสหลี่เพิ่งบอกกับผมว่า คุณดื่มหนักมากเมื่อคืน ตื่นขึ้นมาก็ยังไม่ได้กินอะไรเลย ตอนนี้ดีขึ้นรึยัง?”

ฉีเล่ยรู้สึกเสียใจเล็กน้อยกับสิ่งที่ตัวเองทำลงไปเมื่อคืน เพราะลืมคำนึงสภาพจิตใจที่ยังไม่แข็งแรงของเธอไปสนิท ก็เลยส่งผลให้ทุกอย่างเป็นอย่างที่เห็นในตอนนี้

“ดีแล้ว”

“ทำไมถึงดื่มหนักขนาดนั้น?”

“ความสุขของฉัน”

“…”

หลี่ถงซีเงยหน้าขึ้นมองฉีเล่ยด้วยสายตาแสนว่างเปล่าและกล่าวว่า

“จะไปไหนก็ไป ฉันยุ่ง”

เมื่อเห็นแววตาอันแสนห่างเหินของหลี่ถงซี ฉีเล่ยก็ใจหายวาบลงไปยังตาตุ่ม

ในที่สุดเขาก็ทราบแล้วว่า ทำไมหลี่ฮั่วเฉินถึงกังวลใจมากขนาเดนั้นจนไม่เป็นอันทำงานหลังจากได้เห็นแววตาของเธอ

ถึงขนาดที่ว่าต้องมานัดคุยนอกรอบกับฉีเล่ย

ฉีเล่ยค้นพบแล้วว่า หลี่ถงซีกำลังป่วยอยู่แน่นอน

แววตาของเธอไม่ใช่สิ่งที่คนปกติทางจิตเขามีกัน

แต่จะให้นำเรื่องนี้ไปอธิบายกับหลี่ฮั่วเฉินยังไงดีล่ะ?

ส่ายตาของเธอดูน่ากลัวยิ่งกว่าบ่อน้ำเย็นพันปีซะอีก ต่อให้โยนก้อนหินลงไปเป็นสิบก้อนยังปราศจากระลอกคลื่นตอบใดๆ

ถ้าเป็นคนนอกที่ไม่รู้เรื่องอะไรเข้ามาทัก คงนึกว่าเธอเป็นหุ่นยนต์ปลอมตัวมาเป็นมนุษย์ด้วยซ้ำ แต่ฉีเล่ยตระหนักทันทีว่า เธอมีอาการทางจิตชนิดหนึ่ง

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดคุณหมอสกุลเฉิน