ยอดคุณหมอสกุลเฉิน นิยาย บท 179

ตอนที่179 ทุกอย่างอยู่ในกำมือฉัน

ตาแก่ซงเปลี่ยนไปมากจากก่อนหน้า รูปลักษณ์ที่ดูโทรมเป็นตาแก่ ตอนนี้ถึงขั้นตัดผมใหม่ พร้อมกับสวมเสื้อเชิ้ตสีขาวที่มีชุดสูทสีดำสวมทับไว้อีกที รองเท้าหนังคู่เก่าถูกลงแปรงขัดจนมันเงา สีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใสดูมีความสุขอย่างมาก

เมื่อเห็นว่าฉีเล่ยกำลังเดินตรงเข้ามา สุ้มเสียงหัวเราะและบทสนทนาของทุกคนพลันหยุดชะงักลงอย่างกะทันหัน

ตั้งแต่ที่ฉีเล่ยกลายเป็นบุคคลผู้มีชื่อเสียงในมหาวิทยาลัยแห่งนี้ รวมไปถึงเรื่องที่ถูกไล่ออกครั้งล่าสุด บรรดาเพื่อนร่วมงานทั้งหลายก็ค่อยๆตีตัวแยกห่างออก กลุ่มสังคมภายในสาขาแพทย์แผนจีนได้ตัดสินใจเนรเทศเขาออกไปจากกลุ่มเรียบร้อยแล้ว

แต่ฉีเล่ยกลับไม่ได้สนใจอะไรเลย เขาเดินสวนคนพวกนั้นทั้งหมดไปอย่างไม่แยแส ก่อนจะเดินขึ้นอาคารเรียนไป

แต่ในขณะที่ฉีเล่ยกำลังเดินขึ้นบันไดไปนั้น จู่ๆก็มีเสมียนสาวที่ชื่อเสี่ยวเกอวิ่งเข้ามาทักทายด้วยความกระตือรือร้น

“อาจารย์ฉี! มาแล้วเหรอค่ะ”

ฉีเล่ยยิ้มและกล่าวตอบไปว่า

“ใช่ครับ กำลังจะขึ้นไปสอนแล้ว”

เสี่ยวเกอพูดขึ้นด้วยสีหน้าลังเลเล็กน้อย

“ข่าวที่คุณเป็นผู้สืบทอดวิชาสามเข็มปาฏิหาริย์ได้แพร่กระจายไปทั่วทั้งปักกิ่งแล้วล่ะ ตอนนี้มีแต่คนพูดถึงคุณกันทั้งนั้น แต่พอฉันบอกว่า คุณเป็นเพื่อนร่วมงานในมหาวิทยาลัยเดียวกับฉัน เพื่อนๆของฉันต่างก็ไม่มีใครเชื่อ แถมยังบอกว่าฉันพูดโกหกอีก ฉันก็เลยพนันกับพวกนั้นเอาไว้ว่า จะชวนคุณไปทานอาหารด้วยสักมื้อ ถ้าวันไหนอาจารย์ฉีพอมีเวลาว่าง ยังไงก็รบกวนช่วยเหลือด้วยนะคะ แหะ แหะ…”

เมื่อสังเกตเห็นท่าทางเก้อเขินของเสี่ยวเกอ ฉีเล่ยก็ได้แต่ยิ้มและตอบกลับไปว่า

“ได้เลยครับ ถ้าผมมีเวลานะ”

เห็นได้ชัดว่า อาจารย์ทุกคนในห้องพักอาจารย์ต่างก็ตั้งตัวเป็นศัตรูกับเขา จะมีก็เพียงแต่สาวน้อยอย่างเสี่ยวเกอนี่ล่ะ ที่มักจะแวะเวียนมาพูดคุยและทักทายเขาอย่างเป็นมิตรอยู่เสมอ ดังนั้นฉีเล่ยจึงไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องปฏิเสธเธอ

เมื่อเห็นฉีเล่ยรับปากเช่นนั้น เสี่ยวเกอก็ถึงกับยิ้มแก้มปริ พร้อมตอบกลับไปด้วยใบหน้าที่มีความสุขอย่างมาก

“โอเคค่ะ ตั้งใจสอนนะคะอาจารย์ฉี”

“แน่นอนครับ”

เมื่อฉีเล่ยมาถึงห้องสอน เบื้องหน้าของเขายังคงปรากฏภาพเหตุการณ์ที่มีนักศึกษาอยู่กันอย่างมากมาย ทั้งยืนทั้งนั่งแออัดกันเต็มห้องไปหมด

เมื่อชื่อเสียงของเขาโด่งดังเป็นที่รู้จักมากขึ้น นักศึกษาในคลาสของเขาก็เพิ่มจำนวนมากขึ้นตามไปด้วยเช่นกัน

เวลานี้ จากห้องเรียนที่เคยกว้างขวางใหญ่โต กลับกลายมาเป็นคับแคบแออัดไปถนัดตา ขนาดห้องเรียนในปัจจุบันยังไม่สามารถรองรับความต้องการของบรรดานักศึกษาได้ ฉีเล่ยเองที่ตระหนักได้ถึงปัญหานี้จึงได้เตรียมยื่นเอกสาร เพื่อขอเปลี่ยนมาใช้ห้องบรรยายขนาดกลางแทน ทั้งนี้ก็เพื่อให้สามารถรองรับจำนวนนักศึกษาที่เพิ่มขึ้นมากมายนี้ได้นั่นเอง

ฉีเล่ยไม่เคยตื่นกลัวหรือประหม่ากับการสอนต่อหน้านักศึกษาจำนวนมากขนาดนี้อยู่แล้ว ในทางกลับกัน เขายิ่งรู้สึกชอบเสียอีกที่มีนักศึกษาให้ความสนใจกับศาสตร์วิชาแพทย์แผนจีนมากถึงขนาดนี้ ยิ่งสอนคนมากเท่าไหร่ ในอนาคตศาสตร์แพทย์แผนจีนก็จะสามารถแผ่ขยายออกไปได้อย่างแพร่หลายยิ่งขึ้น

ฉีเล่ยพึงพอใจอย่างมากที่ได้เห็นความกระตือรือร้นของบรรดานักศึกษา ตราบใดที่พวกเขาต้องการที่จะเรียนรู้ด้วยใจจริง เขาก็พร้อมที่จะมอบความรู้ทุกอย่างที่มีให้แบบไม่คิดหวงแหน แต่ถ้าเข้ามาเรียนเพราะต้องการตามกระแสเท่านั้น ฉีเล่ยเองก็คงจะไม่ค่อยเห็นด้วยเท่าไหร่นัก

และวันนี้ก็เหมือนดังเช่นทุกๆวัน เหอจื่อยังคงมานั่งจับจองอยู่ที่เก้าอี้แถวแรกของชั้นเรียนตามเดิม เมื่อเห็นฉีเล่ยจ้องมองมา เธอก็รีบยิ้มหวานให้เขาทันที

หลังจากจบคลาส ก็เป็นอีกครั้งที่เหอจื่อเดินตามติดเขาเข้าไปที่ห้องพักอาจารย์ เธอหยิบกระติกน้ำร้อนออกมาจากกระเป๋ายื่นให้ฉีเล่ย พร้อมกับพูดขึ้นว่า

“อาจารย์ฉีค่ะ ชาอร่อยๆมาแล้วค่ะ เชิญดื่มได้เลยค่ะ”

ฉีเล่ยมองถ้วยชาในมือของเธอพร้อมกับตอบไปว่า

“ครั้งนี้เตรียมพร้อมกว่าเดิมอีกแฮะ นี่ดูจะรบกวนเธอเกินไปแล้วนะ”

เหอจื่อส่งยิ้มหวานฉ่ำให้กับฉีเล่ยพร้อมตอบเขาไปว่า

“ก็หนูบอกแล้วไงคะว่าไม่ลำบากอะไรเลย อาจารย์ฉีรีบๆดื่มสิคะ เดี๋ยวก็เย็นกันพอดี”

เวลาที่เหอจื่อยิ้มหวานแบบนี้ บนแก้มของเธอมักจะปรากฏลักยิ้มน่ารักสองอันขึ้นมา ขนตายาวงอนสองข้างทั้งสวยแล้วก็ดูมีเสน่ห์มากจริงๆ

ฉีเล่ยมั่นใจอย่างมากว่า หากเหอจื่อโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ เธอจะต้องเป็นหญิงสาวที่สวยเหมือนแม่ของเธออย่างแน่นอน นอกจากนี้นิสัยของแม่ลูกคู่นี้ยังเหมือนกันมากอีกด้วย

ฉีเล่ยหยิบถ้วยชาขึ้นมาจิบเล็กน้อย

“ขอบคุณครับ”

“ไม่เห็นต้องพูดซะสุภาพขนาดนี้เลย นี่ถ้าไม่อยู่ในรั้วมหาวิทยาลัย พวกเราก็เหมือนเพื่อนกันจริงไหมคะ? อิอิ”

ฉีเล่ยส่งถ้วยชาคืนให้กับเหอจื่อ พร้อมกับเอ่ยถามขึ้นว่า

“แล้วทำไมเมื่อวานถึงไม่เข้าเรียน?”

แต่แล้วจู่ๆสีหน้าของอีกฝ่ายก็ปรากฏร่องรอยของความขมขื่นขึ้นเล็กน้อย แต่ท้ายที่สุดเธอก็ฝืนปั้นหน้ายิ้มแย้มพร้อมตอบฉีเล่ยกลับไปว่า

“อาจารย์ฉีเป็นห่วงหนูถึงขนาดนั้นเลยเหรอคะ?”

ฉีเล่ยตอบติดตลกกลับไปว่า

“ก็นี่เป็นครั้งแรกที่คุณโดดเรียนไม่ใช่เหรอ? ร้อยวันพันปีคุณเคยโดดเรียนที่ไหนกัน? นี่ถือเป็นเรื่องแปลกมากเลยนะ ต่อไปถ้าจะไม่เข้าเรียนก็ควรทำเรื่องลาให้ถูกต้อง นี่เห็นเป็นครั้งแรกนะ ผมจะไม่หักคะแนนจิตวิสัยก็แล้วกัน”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดคุณหมอสกุลเฉิน