ยอดคุณหมอสกุลเฉิน นิยาย บท 199

ตอนที่199 อย่างน้อยก็ให้ความหวังฉันหน่อย

ฉี่เล่ยยิ้มพร้อมกับพูดขึ้นว่า

“ดูทรงแล้ว ถึงจะฝนตกหนักแต่อีกสักพักก็น่าจะหยุดแล้วครับ เดี๋ยวผมเรียกแท็กซี่กลับไปเอง”

แต่ถึงอย่างนั้น ฝนตกหนักขนาดนี้ ทำให้ไม่มีแท็กซี่แล่นผ่านบริเวณหน้ารั้วมหาวิทยาลัยเลยแม้แต่คันเดียว และหากเป็นเช่นนี้ จะให้ฉีเล่ยเดินกลับบ้านสกุลหลี่ก็คงจะไม่ใช่เรื่องเช่นกัน

เหอจื่อคลี่ยิ้มกล่าวขึ้นอย่างมีความสุข

“งั้นหนูขอไปกับอาจารย์นะคะ”

ฉีเล่ยก้มลงสำรวจมองกระโปรงผ้าเนื้อบางของเหอจื่อ ที่เวลานี้เปียกปอนจนเผยให้เห็นสัดส่วนทุกอย่างที่อยู่ภายใต้ได้อย่างชัดเจน เขาร้องบอกด้วยน้ำเสียงที่เป็นกังวล

“นี่ก็ดึกมากแล้ว คุณควรกลับหอพักไปอาบน้ำอาบท่าได้แล้ว ไม่งั้นเดี๋ยวเป็นหวัดขึ้นมา แล้วตื่นมาเรียนไม่ได้จะทำยังไง?”

โดยปกติทั่วไป สภาพอากาศในเมืองหลวงค่อนข้างเย็นเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว พอเข้าช่วงต้นหนาวบวกกับฝนตกหนักก็ยิ่งทำให้อุณหภูมิลดต่ำลงเข้าไปอีก

เหอจือสวมใส่เพียงแค่ชุดกระโปรงชั้นบาง เปิดเรียวแขนและขาไม่มีสิ่งใดปกปิด ย่อมเป็นเรื่องธรรมดาที่จะต้องโดนความเหน็บหนาวเข้าจู่โจม

เหอจือยิ้มและตอบกลับไปว่า

“หนูไม่ใช่คนที่จะชวนอาจารย์มาแล้วทิ้งขว้างแบบนี้หรอกนะคะ มาด้วยกันแล้วจะปล่อยให้อาจารย์กลับไปคนเดียวแบบนี้ได้ยังไง?”

มีสิ่งหนึ่งที่ฉีเล่ยยังไม่ทราบเลยก็คือ ตอนนี้เหอจื่อได้แต่แอบภาวนาว่า ขอให้ฝนตกนานที่สุดเท่าที่จะนานได้ เพราะเธอยังมีบางคำถามที่ต้องการจะเอ่ยถามออกมา แต่ทว่าคำถามนี้จำเป็นต้องใช้เวลารวบรวมความกล้าสักหน่อย

บางทีจะต้องให้เวลาเธอมากกว่านี้ มากเพียงพอจนกว่าเธอจะสามารถเตรียมใจพร้อมได้

หลังจากได้ยินคำพูดของเหอจื่อ ฉีเล่ยก็ได้แต่พูดเกลี้ยกล่อมไปว่า

“รีบกลับเข้าไปหอพักจะดีกว่านะ ไม่อย่างงั้นคุณได้เป็นหวัดจริงๆแน่”

เหอจื่อปรายตามองฉีเล่ยพร้อมกับยิ้มเจ้าเล่ห์ ในขณะเดียวกันก็พูดติดตลกว่า

“ยังต้องกลัวเป็นหวัดอะไรอีกคะ? ในเมื่อตรงหน้าหนูตอนนี้มีหมอที่เก่งที่สุดในโลกยืนอยู่”

“หมอที่เก่งที่สุดในโลก? สำหรับเรื่องนี้ผมไม่ขอปฏิเสธ แต่ถึงแบบนั้นขึ้นชื่อว่าป่วย ก็ไม่ใช่เรื่องดีอะไรหรอกครับ เอาเป็นว่ากลับไปได้แล้ว”

เหอจื่อส่งสายตามองค้อนให้ฉีเล่ย ทำไมผู้ชายคนนี้ถึงแข็งกระด้างอย่างกับท่อนไม้แบบนี้นะ?

ในฐานะผู้หญิงคนหนึ่ง เธอค่อนข้างจะแสดงออกไปอย่างชัดเจนมากแล้วว่า ช่วยอยู่ข้างๆกันอีกหน่อยได้ไหม?

หึ! ในเมื่อพูดอ้อมๆยังไม่เข้าใจ งั้นก็พูดมันออกไปตรงๆนี่ล่ะ

เสมือนกับว่าไปโกรธใครมา จู่ๆเหอจื่อก็พูดขึ้นเสียงแข็งออกไปตรงๆว่า

“ไม่กลับค่ะ หนูชอบที่ได้อยู่ข้างๆอาจารย์แบบนี้!”

“….”

ฉีเล่ยปรายหางตามองเหอจื่อด้วยสีหน้าประหลาดใจ ในความมืดมิดท่ามกลางบรรยากาศเปียกชื้นแบบนี้ ดวงตาคู่สวยของหญิงสาวกำลังจับจ้องมาทางเขาอย่างไม่ละสายตา มิหนำซ้ำยังถูกขมวดคิ้วอ่อนๆใส่อีก นี่ทำให้ฉีเล่ยเริ่มตระหนักได้ถึงอะไรบางอย่างภายในใจ เหมือนว่าตัวเองพลาดหรือลืมพูดอะไรไปสักอย่างหนึ่ง ดังนั้นเขาจึงรีบเอ่ยปากถามออกไปว่า

“หนาวรึเปล่า?”

เขาไม่รู้จริงๆว่า ภายใต้สถานการณ์แบบนี้เขาควรจะจัดการอย่างไรถึงจะถูกต้อง

เหอจื่อช้อนสายตาขึ้นมองใบหน้าและเส้นผมที่เปียกชุ่มของฉีเล่ย เธอแอบส่งยิ้มหวานให้เขา ใบหน้าเริ่มเห่อร้อนกลายเป็นสีแดงระเรื่อพร้อมตอบกลับไปสั้นๆว่า

“หนาวค่ะ”

ฉีเล่ยก้มลงมองเสื้อสูทสีน้ำเงินตัวเก่งของตนเอง แล้วจึงเงยหน้าพูดกับเหอจื่อว่า

“โชคดีที่วันนี้ผมสวมเสื้อสูทตัวนี้มา เลยไม่ค่อยหนาวเท่าไหร่ วันหน้าวันหลังก็ควรเตรียมเสื้อคลุมมาใส่ด้วยล่ะ ในเมื่อหนาวก็รีบกลับไปอาบน้ำนอนได้แล้ว”

คำพูดประโยคนี้ของฉีเล่ย ทำเอาเหอจื่อแทบกระอักพ่นเลือดสดออกมาจากปาก ภายในใจรู้สึกหดหู่อย่างบอกไม่ถูก

ไหนล่ะความโรแมนติก? แบบว่าฝ่ายชายถอดเสื้อคลุมให้ฝ่ายหญิงใส่อ่ะ?

แต่ถึงอย่างนั้น ฟังจากคำพูดของฉีเล่ยก็พอจะรู้ว่าเขาแกล้งทำเป็นโง่ เพราะภายในน้ำเสียงของเขามันมีความดื้อรั้นอะไรบางอย่างซุกซ่อนอยู่เช่นกัน

เธอค่อยๆเงยหน้าขึ้นอีกครั้งราวกับนักสู้ผู้ไม่ย่อท้อต่ออุปสรรคใดๆ ก่อนจะพูดขึ้นเสียงหวาน

“ค่ะ คราวหน้าหนูจะเตรียมมา แต่ถึงยังไงอาจารย์ฉีก็เป็นทั้งหมอแล้วก็อาจารย์ของหนู ถ้าหนูป่วยขึ้นมาจริง อาจารย์จะมารักษาให้หนูใช่ไหมค่ะ? แล้วก็ต้อง…เช็ดตัวให้หนูถึงบนเตียงด้วย… แค้ก…แค้ก…หนูเริ่มรู้สึกตัวร้อนขึ้นมาแล้วค่ะ”

ตัดคำว่า ศีลธรรมทิ้งไป อะไรก็เกิดขึ้นได้

ยามใดที่ผู้หญิงหลุดจากกรอบที่ชื่อว่า‘ยางอาย’แล้วล่ะก็ ทั้งจักรวาลแห่งนี้ก็ไม่มีใครเป็นคู่ต่อสู้ของเธออีกแล้ว

และท้ายที่สุด แม้แต่ฉีเล่ยเองก็ต้องยอมแพ้ให้กับนักศึกษาสาวคนนี้

ขณะที่ถอดชุดสูทออกมา ฉีเล่ยก็ได้พูดขึ้นว่า

“ผมไม่ค่อยคุ้นกับอะไรแบบนี้เท่าๆไหร่นัก จะถอดสูทนอกออกก็เฉพาะตอนกลับบ้านแล้วเท่านั้น”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดคุณหมอสกุลเฉิน