ตอนที่201 บรรยาย
ฉีเล่ยพยักหน้าให้ด็อกเตอร์ ทอมสัน หรือก็คือผู้ชายวัยกลางคนที่เป็นหัวหน้าคณะชาวต่างชาติคนนั้น ประหนึ่งกำลังจะสื่อว่า ขอบคุณที่เข้าใจกัน
ดูเหมือนว่าแพทย์และอาจารย์ที่แท้จริงจะมองออกกันได้ไม่ยาก
ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น สิ่งสำคัญในห้องเรียนคือความรู้ ไม่ใช่การจัดโต๊ะที่สวยงาม หรือการตระเตรียมน้ำดื่มมาให้จิบกันระหว่างฟังบรรยาย ขอเพียงได้ฟังเนื้อหาการสอนอย่างครบอรรถรส ไม่ว่าจะยืนหรือนั่งฟังก็เพียงพอแล้ว
ผู้นำในห้องเรียนก็คืออาจารย์ ดังนั้นแล้วการตัดสินใจที่เด็ดขาดของอาจารย์ถือเป็นเรื่องดี
แม้ว่ากลุ่มเพื่อนร่วมอาชีพชาวต่างชาติจะเดินทางมารับฟังอย่างพร้อมหน้าแล้ว แต่ฉีเล่ยก็ไม่คิดที่จะปรับเปลี่ยนแนวทางการสอน หรือเข้าเรื่องในเชิงปฏิบัติทันทีเพื่อแสดงความสามารถให้แขกดู
เพราะสุดท้ายนี้วิชาที่เขาสอนจริงๆคือ‘วิชาการวินิจฉัย’ ไม่ใช่วิชาปฏิบัติลงพื้นที่จริง ถ้าเขาปรับเปลี่ยนหลักสูตรในตอนนี้เพื่อเอาใจคณะชาวต่างชาติ นี่อาจทำให้ลูกศิษย์ของตนเองเรียนไม่รู้เรื่องได้
สิ่งที่เขาควรทำคือการสอนตามรูปตามรอยเดิมต่อไป ความพึงพอใจเกิดจากการแก้ไขปัญหาที่มีอยู่ และการจะแก้ไขปัญหานั้นๆได้ก็จำเป็นต้องมีปัญหา แล้วไม่ใช่ว่าคณะชาวต่างชาติพวกนี้มาที่นี่เพื่อหาปัญหาให้อยู่แล้วเหรอ?
คิดได้ดังนั้นฉีเล่ยจึงได้ปริปากบรรยายต่อไป
“ผู้ป่วยที่เป็นโรคมาลาเรีย ส่วนหนึ่งเกิดจากปัญหาในเรื่องพฤติกรรมการกินเช่นกัน เพราะไม่เลือกกินจึงทำให้ธาตุพลังความร้อนและเย็นในร่างกายเกิดสภาวะที่ไม่สมดุล อาการที่เผยออกมาให้เราสังเกตเห็น ประการแรกคือใบหน้าซีดออกไปทางเหลือง เหงื่อออกตามหน้าผากมากกว่าปกติ และ…”
ทันใดนั้นเอง ด็อกเตอร์ ทอมสันที่ยืนอยู่หลังสุดของห้องก็ยกมือขึ้น และพูดแทรกขึ้นทันที
“คุณอาจารย์ โผ๊มมีคำถาม”
ฉีเล่ยพยักหน้าและยิ้มตอบไปว่า
“เชิญครับ”
ด็อกเตอร์ ทอมสันเอ่ยถามด้วยสีหน้าและน้ำเสียงที่จริงจังมาก
“ธาตุพลังความร้อนและความเย็นคืออาราย? มันคือพลังปราณแบบในหนังกำลังภายใน? แบบที่หวงเฟยหงใช้หรือเปล่า?”
นักศึกษาทุกคนต่างระเบิดเสียงหัวเราะลั่นออกมาทันที จะเห็นได้ชัดว่าชายต่างชาติวัยกลางคนผู้น่ารักคนนี้เป็นแฟนตัวยงหนังจีนกำลังภายในและหวงเฟยหง ไม่อย่างนั้นคงไม่ถามอะไรออกมาแบบนี้อย่างแน่นอน
ฉีเล่ยยกมือขึ้นส่งสัญญาณให้ทุกคนเงียบ และเฝ้ามองด็อกเตอร์ ทอมสันด้วยสีหน้าจริงจัง ก่อนจะเริ่มอธิบายให้ฟังว่า
“ในทางทฤษฎีของการแพทย์แผนจีน พลังปราณประกอบด้วยต้นกำเนิดจากฟ้าและดิน รวมเป็น6ธาตุ ดิน น้ำ ลม ไฟ ไม้ และทอง แต่ละธาตุมีทั้งส่งเสริมและหักล้างซึ่งกันและกันจนเกิดเป็นความสมดุล และภายในร่างกายของเราก็มีสิ่งเหล่านี้เช่นกัน ต้นเหตุทั้งหมดทั้งมวลของอาการป่วยเกิดจากบางธาตุในร่างกายของคนเราอ่อนแอลง จนเกิดสภาวะเสียสมดุลไปนั่นเอง ส่วนแบบที่ปล่อยพลังกันเหมือนในหนังจีน มีส่วนแต่งเติมเข้าไปเพื่อเพิ่มอรรถรสในการรับชมครับ”
คู่คิ้วสีเหลืองทองของด็อกเตอร์ ทอมสันโค้งขมวดบิดเกลียวเป็นตัวเอส เอ่ยถามต่อทันทีด้วยสีหน้างุนงงว่า
“แล้วเราจะรู้สึกถึงสิ่งเหล่านั้นได้ยางงาย?”
ฉีเล่ยกล่าวอธิบายต่ออย่างใจเย็นว่า
“ชีพจร จังหวะการเต้นของหัวใจ รวมไปถึงความถี่ของลมหายใจก็เช่นกัน ทั้งสามสิ่งนี้จะทำให้คุณสามารถตรวจจับการมีอยู่ของสิ่งที่คุณเรียกว่า พลังปราณ ได้”
“แต่นั่นเป็นการตอบสนองของร่างกายที่ถูกสั่งการจากสมองชั้นในไม่ใช่เหรอครับ? มีอะไรที่สามารถพิสูจน์ได้เป็นรูปธรรมกว่านี้ไหมครับ?”
ฉีเล่ยยิ้มและเอ่ยตอบไปว่า
“ต้องการพิสูจน์การมีอยู่ของพลังปราณใช่ไหมล่ะครับ? ได้แน่นอน”
เขากวาดสายตามองเหล่าบรรดาลูกศิษย์ไปทีหนึ่ง และเอ่ยถามขึ้นว่า
“มีใครเอากล่องฝังเข็มมาบ้างไหม?”
เหอจื่อที่นั่งอยู่แถวหน้าสุดรีบยกมือขึ้นพร้อมตอบกลับทันที
“หนูเอามาค่ะ”
“ผมขอยืมใช้หน่อยนะครับ”
เหอจื่อรูดซิปกระเป๋าเป้คู่ใจออก แล้วรีบหยิบกล่องเข็มกล่องหนึ่งออกมายื่นให้อีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว
กระเป๋าเป้ของเหอจื่อนั้นช่างเหมือนกระเป๋าสี่มิติของโดเรม่อนมากจริงๆ ทั้งกล่องเข็ม กระเป๋าสตางค์ มือถือ กระติกน้ำร้อน กล่องชา หรือแม้แต่ชุดสำรองสำหรับเปลี่ยนก็มี ขอเพียงแค่บอกมาว่าต้องการสิ่งใด เธอก็สามารถหยิบทุกสรรพสิ่งออกมาได้หมด
ขณะที่ยื่นมือออกไปรับกล่องเข็ม ปลายนิ้วของทั้งสองพลันสัมผัสกันเข้าโดยบังเอิญ แม้จะเพียงแค่บางเบา แต่ทว่าเหอจื่อกลับรู้สึกราวกับถูกไฟช็อตอย่างแรง จนสุดท้ายเธอต้องรีบเป็นฝ่ายชักมือกลับออกมาอย่างรวดเร็ว ใบหน้าเล็กๆบอบบางรีบสะบัดหลบในทันที เพราะใจของเธอกำลังเต้นแรง ใบหน้าแดงระเรื่อขึ้นอย่างไม่ตั้งใจ
อ้อมกอดของคืนวานยังคงตราตรึงอยู่ภายในใจของเธอ แม้จะล่วงเลยมาจนถึงวันนี้แล้ว แต่เมื่อเห็นหน้าอีกฝ่าย เธอก็ไม่วายที่จะรู้สึกเขินอายจนแทบมองหน้าเขาไม่ติด
ต้องขอบคุณในความพยายามของเธอเมื่อคืน แม้ฉีเล่ยจะไม่ได้ให้คำตอบที่ชัดเจน แต่ก็ดูเหมือนว่า ความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับเขาจะเริ่มพัฒนาขึ้นบ้างแล้ว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดคุณหมอสกุลเฉิน