ตอนที่205 ไปงานเลี้ยง
เวลาเที่ยงวัน มีแผนจะนำคณะชาวต่างชาติไปกินเลี้ยงที่โรมแรมโฟว์ซีซั่น ทั้งฉีหลู่เฉิงกับผู้อำนวยการจางได้ตัดสินใจร่วมกันแล้วว่าจะไม่พาฉีเล่ยไปร่วมงานเลี้ยงในครั้งนี้ด้วย แต่กลับกลายเป็นหัวหน้าคณะอย่างด็อกเตอร์ทอมสันที่ดูจะชื่นชอบฉีเล่ยเป็นพิเศษ และได้เอ่ยปากชักชวนเขาด้วยตัวเอง
ส่วนเหตุผลที่ใช้เป็นข้ออ้างในการชักชวนฉีเล่ยนั้นก็ไม่มีอะไรมาก เขาเพียงแค่บอกไปว่ายังมีอีกหลายเรื่องเกี่ยวกับแพทย์แผนจีนที่เขายังอยากจะพูดคุยขอความรู้จากฉีเล่ย
งานเลี้ยงมื้อเย็นแบบนี้ แน่นอนว่าจะต้องมีอธิการบดีของมหาวิทยาลัยอย่างหลินหมิงจางไปด้วยอย่างแน่นอน พร้อมด้วยหัวหน้าคณะอาจารย์จากสาขาแพทย์อื่นๆด้วย
และสิ่งที่ไม่คาดคิดเลยก็คือ เขาเห็นหลี่ถงซีเข้าร่วมงานเลี้ยงในคืนนี้ด้วยจริงๆ
ฉีเล่ยแอบคิดกับตัวเองว่า
‘นี่เธอเองก็มีบรรยายให้คณะชาวต่างชาติฟังด้วยงั้นเหรอ? แต่ทำไมฉันถึงไม่รู้เรื่องนี้มาก่อนเลย?’
หลี่ถงซีเองก็หันมาเห็นฉีเล่ยเช่นกัน ความประหลาดใจฉายวาบผ่านแววตาคู่สวยของเธอ ก่อนที่จะแปรเปลี่ยนกลายเป็นสายตาที่ว่างเปล่าอีกครั้ง
ฉีเล่ยไม่สามารถอ่านสีหน้าเธอในขณะนี้ได้ออก เพราะไม่แน่ใจเช่นกันว่า ที่อีกฝ่ายรังเกียจเขาถึงขนาดนี้ เป็นเพราะสาเหตุที่เขาทิ้งเธอไปในมื้อดินเนอร์วันนั้น หรือเป็นเพราะบทรักประกบจูบดูดดื่มในคืนนั้นกันแน่?
แต่จะเป็นเพราะเหตุผลอะไรเขาก็ไม่อยากจะสนใจนัก ขอเพียงแค่ยังมีแรงแค้นหลงเหลืออยู่ภายในจิตใจของเธอก็พอแล้ว เพราะอย่างนี้ความรู้สึกเหล่านี้ก็จะช่วยพยุงเธอไม่ให้กลายมาเป็นโรคจิตเวชรุนแรงได้
ซีหลู่เฉิงนั่งร่วมโต๊ะเดียวกันกับฉีเล่ย ซึ่งอีกฝ่ายกำลังพูดคุยกับอาจารย์คนหนึ่งจากมหาวิทยาลัยฟลอริด้าเป็นภาษาอังกฤษอย่างสนุกสนาน ทั้งสองคนต่างก็พูดคุยกันไปพลางหัวเราะกันไปเป็นระยะๆ ดูออกจะสนิทสนมกันอย่างมาก
ซึ่งสิ่งนี้ทำให้ฉีเล่ยรู้สึกอิจฉาเป็นอย่างมาก เพราะตัวเขานั้นเชี่ยวชาญเพียงแค่สองภาษาเท่านั้น คือภาษาจีน กับภาษาจีนหนางหยาง….
หลินหมิงจางที่นั่งอยู่ในโต๊ะหลักของงานเลี้ยงค่ำคืนนี้ เมื่อเหลือบสายตาไปเห็นฉีเล่ยเข้า เขาก็รีบโบกไม้โบกมือให้พร้อมกับร้องตะโกนทักทายขึ้นทันที
“ฉีเล่ย ฉีเล่ย!”
ภายในโต๊ะหลักที่ว่านี้ มีทั้งหัวหน้าคณะอย่างด็อกเตอร์ทอมสัน และรองหัวเราคณะอย่างฮาเมอร์ผู้มีเดิมพันกับฉีเล่ยอยู่ และเพราะแบบนี้เองจึงทำให้ฉีเล่ยได้รู้ว่า ฮาเมอร์คนนี้เป็นถึงรองหัวหน้าคณะชาวต่างชาติที่เดินทางมาประเทศจีนครั้งนี้ ฐานะทางสังคมของเขาไม่ได้ต่ำต้อยเลยแม้แต่น้อย จึงไม่น่าแปลกใจที่เพราะเหตุใดเมื่อด็อกเตอร์ทอมสันสั่งให้ฮาเมอร์ขอโทษตัวเขา อีกฝ่ายถึงได้กล้าปฏิเสธแบบไม่ไยดี
ฉีเล่ยลุกขึ้นและเดินเข้าไปเอ่ยถามหลินหมิงจางด้วยรอยยิ้มว่า
“อธิการบดีหลิน มีอะไรรึเปล่าครับ?”
แม้ว่าหลินหมิงจางจะค่อนข้างมีภารกิจรัดตัว และไม่ค่อยมีโอกาสได้พบเจอกับเขาเท่าไหร่นัก แต่จากที่ได้พบเจอกันมาสองสามครั้ง ทำให้ฉีเล่ยสัมผัสได้ว่าชายชราคนนี้เป็นคนใจดีอย่างมาก ทั้งยังสัมผัสได้ถึงความเที่ยงธรรมซึ่งเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของอีกฝ่ายด้วย
ด้วยเหตุนี้ จึงทำให้ฉีเล่ยมีทัศนคติที่ค่อนข้างดีต่อหลินหมิงจาง และเขาเชื่อมั่นว่าการที่ได้หลินหมิงจางมาเป็นอธิการบดีของมหาวิทยาลัยนั้น สถานศึกษาแห่งนี้จะต้องพัฒนาขึ้นอย่างแน่นอน
หลินหมิงจางยกมือขึ้นชี้ไปทางด็อกเตอร์ทอมสันที่นั่งอยู่ข้างๆ พร้อมกับพูดขึ้นว่า
“วันนี้เธอทำได้ดีมากเลย ด็อกเตอร์ทอมสันถึงกับเอ่ยชมเธอไม่หยุดปากเลย”
ด็อกเตอร์ทอมสันยิ้มพร้อมกับพยักหน้าให้ฉีเล่ย
“โนว โนว เพราะคุณอาจารย์ฉีเล่ยโคนนี้สู๊ดยอดจริงๆ รู้อารายไหมท่านอธิการบดีหลิน ก่อนที่ผมจะเดินทางมาที่ประเทศจีนนั้น แม้ว่าจะเคยได้ยินคำร่ำลือเกี่ยวกับยาจีนอยู่บ้าง แต่ส่วนตัวผมกลับไม่ค่อยเชื่อเท่าไหร่นัก แต่ครั้งนี้ ผมมีโอกาสได้สัมผัสถึงเสน่ห์ของยาจีนด้วยตัวเองจึงรู้สึกทึ่งมากๆ กลับไปครั้งนี้โผ๊มคงต้องกลับไปเขียนบทความเกี่ยวกับความประทับใจในเรื่องนี้แล้วล่ะ และจะนำบทความดังกล่าวไปตีพิมพ์ และโผ๊มเชื่อว่าจะต้องมีชาวต่างชาติคนอื่นๆอีกมากมาย ที่จะหันมาสนใจความมหัศจรรย์ของยาจีนเหล่านี้ อุ๊บ! ไม่สิ ไม่สิ ต้องเรียกว่าการแพทย์แผนจีนถึงจะถูก”
ฉีเล่ยเอ่ยตอบยิ้มๆ
“ด็อกเตอร์ทอมสันครับ ผมต้องขอขอบคุณจากใจจริงสำหรับความเมตตากรุณาของคุณ ในนามของแพทย์แผนจีนทุกคน ผมขอขอบคุณมากจริงๆที่คุณเห็นคุณค่าของสายวิชานี้”
การที่มีผู้ทางคุณวุฒิและวัยวุฒิ อีกทั้งยังเป็นที่เคารพของคนวงกว้าง มาช่วยเขียนบทความสรรเสริญการแพทย์แผนจีนเช่นนี้ นี่เท่ากับช่วยสร้างระลอกคลื่นแห่งความเปลี่ยนแปลงให้กับวงการแพทย์แผนจีนได้อย่างน่าอัศจรรย์แน่นอน
ด็อกเตอร์ทอมสันกล่าวต่อว่า
“คุณอาจารย์ฉีเล่ย นี่นับเป็นเรื่องที่ควรทำอย่างมากครับ โคนที่มีความสามารถย่อมสมควรได้รับการสรรเสริญ นี่เป็นเรื่องธรรมดาทั่วไปของโลกใบนี้ ยิ่งไปกว่านั้น ความรักของคุณที่มีต่อการแพทย์แผนจีนนั้น โผ๊มเองก็สามารถสัมผัสได้อย่างชัดเจน และอนาคตต่อไป โผ๊มก็ยินดีที่จะช่วยเหลือคุณในหลายๆด้านครับ”
หลินหมิงจางยิ้มออกมาพร้อมกับพูดขึ้นว่า
“ดูท่าคงต้องใช้เวลาคุยกันอีกสักพักใหญ่เลยนะ”
บริกรมานี่หน่อย! ช่วยไปเอาเก้าอี้มาเสริมให้หน่อย”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดคุณหมอสกุลเฉิน