ตอนที่238 นี่คือความจริง
จะว่าไป นั่นก็เป็นเมื่อครั้งที่เฉินฉางชิงได้เสียสละชีวิตของตัวเองเพื่อช่วยเขา
ปัญหาเรื่องเส้นลมปราณของฉีเล่ยนั้น กระทั่งเฉินฉางชิงซึ่งเป็นถึงอัจฉริยะทางการแพทย์คนหนึ่ง จนได้ฉายาว่า ‘เฉินร้อยพิษ’ ยังไม่สามารถทำอะไรได้เช่นกัน
และเพื่อที่จะรักษาอาการป่วยของฉีเล่ยให้ได้ ที่ไหนที่มีหมอเก่งๆดังๆ เฉินฉางชิงจะพาฉีเล่ยตระเวนไปหาทันที แต่หลังจากที่ได้จับชีพจรของฉีเล่ยดูแล้ว ทุกคนก็ถึงกับต้องส่ายหน้าพร้อมกับถอนหายใจออกมา
“ชีพจรตะวันฟ้า ไม่ใช่ว่าหมอที่ไหนก็จะสามารถฟื้นฟูได้!”
ชายชราคนหนึ่งที่ไม่สามารถคาดเดาอายุได้เป็นผู้บอกกับเฉินฉางชิง เฉินฉางชิงผู้ไม่เคยยอมแพ้ถึงกับต้องหันไปมองหน้าฉีเล่ย พร้อมกับถอนหายใจยาว ปากก็พึมพำออกมาด้วยความอ่อนล้า “เฒ่าฉี ฉันฉางชิงต้องขอโทษจริงๆ…”
นี่เป็นครั้งแรกที่ฉีเล่ยได้ยินเฉิงฉางชิงเอ่ยถึงพ่อของเขา เขาไม่รู้ว่าอาวุโสทั้งสองได้ทำข้อตกลงอะไรกันไว้บ้าง เพราะสิ่งที่เขาเห็นมาตลอดก็คือ เฉินฉางชิงได้พยายามทุกวิถีทางเพื่อจะรักษาอาการป่วยของเขาโดยไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น
ณ ภูเขาไร้นาม เฉินฉางชิงและฉีเล่ยได้พับกับนักพรตไร้ชื่อผู้นี้
ครั้งแรกที่นักพรตคนนี้ได้เห็นฉีเล่ย เขาได้ทำการจัดชีพจรของฉีเล่ยด้วยท่าทางชำนิชาญประหนึ่งเป็นหมอเทวดา แต่หลังจากนั้นก็ได้แต่ส่ายหน้าไปมาพร้อมกับถอนหายใจ
“ผมรู้ว่าตัวเองกำลังจะตายครับ”
แม้ครั้งนั้นฉีเล่ยจะยังเป็นเด็ก แต่ดูเขากลับไม่หวาดกลัวคนแปลกหน้า ใบหน้าเล็กๆที่เต็มไปด้วยความโศกเศร้าขณะเอ่ยบอกนักพรตชรา
“เธอกลัวตายไหมล่ะ?”
นักพรตชราคิดไม่ถึงว่าเด็กคนหนึ่งจะกล้าเป็นฝ่ายเอ่ยปากพูดกับตนเองก่อนเช่นนี้ มิหนำซ้ำยังพูดคุยในหัวข้อที่ค่อนข้างลึกลับอย่างความไม่เที่ยงของชีวิตและความตาย
“ผมไม่ได้กลัวครับ แต่ผมยังไม่อยากตาย” ฉีเล่ยตอบกลับ
“เธอเป็นคนซื่อตรงมากจริงๆ ฮ่าๆๆ” นักพรตเอ่ยยิ้มๆ
“ผมเปรียบเสมือนคนที่ตายไปแล้ว ทำไมจะไม่กล้ายอมรับตรงๆล่ะครับ?”
น้ำเสียงของฉีเล่ยแฝงไว้ด้วยความไม่พอใจ เพราะรู้สึกว่านักพรตเฒ่าคนนี้หัวเราะได้น่ารังเกียจ
สมควรแล้วเหรอที่จะมายิ้มเยาะคนที่กำลังจะตายอย่างฉัน? นี่ถ้าตบหน้านักพรตเฒ่านี้ได้ ฉันคงทำไปแล้ว!
นักพรตเฒ่าจ้องมองฉีเล่ยด้วยสีหน้าประหลาดใจ เขาทำสีหน้าครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ในที่สุดก็พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
“แต่ฉันจะไม่ปล่อยให้เธอตาย!”
“คุณพูดโกหก!” ฉีเล่ยทำปากยื่นขณะเอ่ยตอบโต้กลับไป
“ฉันยังไม่เคยทดลองรักษาเธอเลย เธอรู้ได้ยังไงว่าฉันพูดโกหก?”
ระหว่างที่นักพรตเฒ่าตอบนั้น เขาก็ได้หันไปทางเฉินฉางชิง แล้วพูดกับเขาว่า “แต่การจะรักษาชีวิตของเขา ต้องแลกด้วยชีวิตของผู้อื่น”
จากนั้น นักพรตเฒ่าก็ได้มอบใบสั่งยาให้กับเฉินฉางชิงพร้อมกับกำชับว่า “หนึ่งชีวิตแลกหนึ่งชีวิต ขึ้นอยู่กับว่าจะทำหรือไม่?”
หลังจากพูดจบ นักพรตชราก็เดินจากไปทันที
และจนกระทั่งถึงตอนนี้ ฉีเล่ยก็ยังไม่รู้ว่า ในใบสั่งยาฉบับนั้นเขียนอะไรไว้บ้าง เพราะหลังจากที่เฉินฉางชิงจดจำใบสั่งยาได้หมดแล้ว เขาก็ได้ทำลายใบสั่งยาฉบับนั้นทิ้งทันที และยาที่เขาเสียสละชีวิตเพื่อต้มขึ้นมานั้น ก็สามารถระงับเส้นลมปราณตะวันฟ้าของฉีเล่ยมาได้จนถึงทุกวันนี้
และเพื่อตอบแทนบุญคุณของเฉินฉางชิงที่ช่วยชีวิตของตนเองไว้ ฉีเล่ยจึงยินดีที่จะยอมอยู่อย่างทุกข์ทรมานในสกุลเฉินเป็นเวลานานกว่าแปดปี
ตลอดเวลาที่ผ่านมา ฉีเล่ยยังคงครุ่นคิดว่านักพรตชรานั้นเป็นใคร และจะมีโอกาสได้พบกับเขาอีกสักครั้งในชีวิตหรือไม่?
แต่กลับคิดไม่ถึงว่า จู่ๆ ทั้งสองคนจะได้กลับมาพบกันอีกครั้งในสถานที่แห่งนี้โดยไม่คาดคิด!
………….
“ขอบคุณท่านอาจารย์ที่เมตตาช่วยชีวิตของศิษย์ ศิษย์จะไม่มีวันลืมบุญคุณครั้งนี้เลยครับ!”
ฉีเล่ยเดินตรงเข้าไปหานักพรตชราพร้อมกับประสานมือไว้ด้านหน้า และโน้มกายลงแสดงความเคารพ
นักพรตชราหันกลับมามองฉีเล่ยด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม ผ่านไปแปดปี จากเด็กที่เจ็บป่วยหนักหนา ฉีเล่ยได้กลายเป็นชายหนุ่มที่มีรูปลักษณ์ และใบหน้าที่งดงามเหมือนเมื่อครั้งยังเป็นเด็กไม่เปลี่ยนเลย
และเป็นเพราะฉีเล่ยไม่เปลี่ยนไปเลยนี่เอง ทำให้เขาสามารถจดจำฉีเล่ยได้ในทันที!
“อาจารย์งั้นเหรอ?! นี่เราสองคนผูกสัมพันธ์เป็นศิษย์อาจารย์กันตั้งแต่เมื่อไหร่?” นักพรตชราเอ่ยถามฉีเล่ยยิ้มๆ
“บุญคุณที่ช่วยชีวิตผมครั้งนั้น ก็เพียงพอที่จะให้ผมเรียกท่านนักพรตว่าอาจารย์แล้วล่ะครับ!” ฉีเล่ยเอ่ยตอบ
นักพรตชราหัวเราะเล็กน้อย ก่อนจะตอบกลับไปว่า “ทุกสิ่งในโลกล้วนมีความสมดุล หนึ่งชีวิตแลกอีกหนึ่งชีวิต เธอไม่จำเป็นต้องนึกเป็นบุญเป็นคุณขนาดนั้น”
“แต่อาจารย์ก็ทำให้ผมมีชีวิตอยู่มาจนถึงตอนนี้ได้” ฉีเล่ยตอบโต้กลับไป
นักพรตชราพยักหน้าขณะตอบกลับไปว่า “นี่คงเป็นมติสวรรค์เบื้องบน แปดปีก่อนหน้าฉันเห็นเธอกำลังจะตาย แปดปีต่อมาเราสองคนกลับได้พบกันอีกครั้ง นี่คงเป็นพรหมลิขิต”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดคุณหมอสกุลเฉิน