ตอนที่ 25 การปลูกถ่ายจุลินทรีย์
หลังจากได้ฟังคําตอบ และตรวจดูอาการของคนไข้คร่าวๆแล้วหลี่ฮั่วเฉินก็พอที่คาดเดาอะไรบางอย่างได้เมื่อเห็นคนไข้ดูอ่อนเพลียอย่างมากเขาจึงไม่ต้องการสอบถามอะไรอีกและหันไปบอกกับจ้าวโจวเฉินว่า
“เอาล่ะ พวกเราออกไปปรึกษากันข้างนอกดีกว่าคนไข้จะได้นอนพักผ่อน!”
และตามกฎระเบียบ และมารยาททางการแพทย์แล้วการปรึกษาหารือเรื่องอาการป่วยของคนไข้หรือปรึกษาเรื่องหนทางการรักษานั้นไม่ควรทําต่อหน้าผู้ป่วยอย่างยิ่ง
ในระหว่างที่ทุกคนกําลังเดินออกไปนอกห้องนั้นในที่สุดฉีเล่ยจึงได้มีโอกาสเดินเข้าไปสังเกตดูอาการของผู้ป่วยและจากสภาพของคนไข้ ที่นอนอ่อนเพลียไร้เรียวแรงอยู่บนเตียงนั้นแทบดูไม่ออกเลยว่าเธอคือสตรีหมายเลขหนึ่งประจํามณฑล
อุปกรณ์การแพทย์ที่วางอยู่ข้างเตียงเวลานี้แสดงอุณหภูมิในร่างกายของคนไข้ ซึ่งเวลานี้อยู่ที่ 38.1 องศาเซลเซียสและเป็นเช่นนี้มาหลายวันแล้ว
โดยปกติแล้ว หากร่างกายมีอุณหภูมิสูงเป็นเวลานานๆ ร่างกายก็จะถูกความร้อนนี้เผาผลาญไปด้วย ทําให้เกิดอาการผิวพรรณและริมฝีหากแห้ง ใบหน้ามักจะแดงก่ําตลอดเวลาบางรายอาจหนักถึงขั้นจิตใจสับสนว้าวุ่น
แต่ฉีเล่ยกลับสังเกตเห็นว่าผู้ป่วยที่อยู่ตรงหน้าเขาเวลานี้กลับไม่มีอาการที่ว่ามาเลยแม้แต่น้อยเธอยังสามารถตอบคําถามของหลี่ฮั่วเฉินได้อย่างมีสติสัมปชัญญะครบถ้วน
ฉีเล่ยขมวดคิ้วเข้าหากัน
นี่แสดงให้เห็นว่าแม้คนไข้จะมีไข้ก็จริงแต่กลับไม่ได้หนักหนาอะไรตรงกันข้ามภายในร่างของเธอดูเหมือนจะมีพลังงานเย็นแอบแฝงอยู่
แต่เป็นเพราะเวลานี้หมอคนอื่นๆต่างก็เดินออกจากห้องคนไข้ไปแล้วจึงไม่สะดวกและเหมาะสมนักที่นี่เล่ยจะอยู่สํารวจคนไข้ต่อ เขาจึงได้แต่เดินตามทุกคนออกไป
หลังจากที่ทุกคนเดินออกจากห้องคนไข้และปิดประตูเรียบร้อยแล้ว ห้องนั่งเล่นจึงได้ถูกเปลี่ยนมาเป็นห้องประชุมแทนชั่วคราว
หลี่ฮั่วเฉินหันไปถามผู้อํานวยการโจวว่า “แล้วผลการตรวจอุจจาระของคนไข้เป็นยังไงบ้าง?”
“อุจจาระของคนไข้เป็นน้ํา มีสีเขียวอมเหลือง และมีฟองอากาศอยู่จํานวนมาก นอกจากนั้นแล้ว เสียงลําไส้ยังทํางานดังมากด้วยจากสถิติที่จดไว้ คนไข้ถ่ายหนักตั้งแต่เจ็ดถึงยี่สิบครั้งต่อวัน..”
หลี่ฮั่วเฉินพยักหน้ารับรู้ หลังจากฟังอาการแล้ว เขาก็รู้สึกว่าตรงกับที่ตนเองคาดคิดไว้จึงได้ตอบไปว่า
“น่าจะเกิดจากการที่ลําไส้ของคนไข้มีเชื้อแบคทีเรียอยู่หลายชนิด!”
“ขอผมดูผลตรวจที่ผ่านมาหน่อย!”
จ้าวโจวเฉินรีบส่งรายงานผลการตรวจในมือให้กับท่านหมอหลีทันที “ท่านหมอหลี่ครับนี่เป็นแฟ้มประวัติการรักษาคนไข้ทั้งหมดที่ผ่านมา”
หลี่ฮั่วเฉินรับรายงานฉบับนั้นมา เขายกมือขี้นจับกรอบแว่นขยับให้เข้าที่ ก่อนจะเปิดแฟ้มออกอย่างชํานิชํานาญพร้อมกับกวาดตาอ่านอย่างรวดเร็ว
จนกระทั่งผ่านไปครู่หนึ่ง หลี่ฮั่วเฉินจึงได้วางแฟ้มประวัติในมือลง พร้อมกับพูดขึ้นว่า “ดูท่าสิ่งที่ผมคิดไว้จะถูกต้อง!”
“จากผลการตรวจอุจจาระของคนไข้อย่างละเอียดพบเชื้อ แบคทีเรียหลายชนิดอย่างที่คิดจริงๆเชื้อแบคทีเรียเหล่านี้น่าจะขยายจํานวนเพิ่มมากขึ้น ในผลการตรวจพบว่านอกจากจะมีเชื้อแบคทีเรียประเภทสแตฟิโลค็อกคัสออเรียสแล้วยังมีเชื้อCandida albicans ตระกูลเชื้อราอยู่ด้วย…”
“นี่เห็นได้ชัดว่า เป็นเพราะในลําไส้ผู้ป่วยมีเชื้อแบคทีเรียอยู่มากเกินไป ทําให้ลําไส้ทํางานผิดปกติรุนแรงซึ่งนี่เป็นอาการของโรคลําไส้ปกติธรรมดาทั่วไป..”
สายตาของโจวจ้าวเฉินที่มองท่านหมอหลีนั้นเต็มไปด้วยความชื่นชมอย่างมาก และได้แต่คิดในใจว่าสมแล้วที่เป็นงแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจากปักกิ่ง ขนาดยังไม่เห็นผลการตรวจอุจาระยังสามารถวิเคราะห์โรคได้อย่างถูกต้องแม่นยํา
และสิ่งที่ยากที่สุดสําหรับแพทย์ ก็คือการวินิจฉัยโรคให้ถูกต้องแม่นยํานั่นเอง!
ขอเพียงแค่แพทย์วินิจฉัยโรคได้อย่างถูกต้อง แพทย์แผนปัจจุบันก็ย่อมมีแนวทางการรักษาซึ่งเป็นมาตรฐานในการรักษาโรคต่างๆไว้แล้วและไม่ว่าแพทย์คนใดก็ย่อมต้องใช้แนวทางการรักษาเหมือนๆกัน
“ผมเองก็เห็นด้วยกับข้อสรุปของท่านหมอหลี่ครับ!”
เวลานี้ ทั้งจ้าวโจวเฉิน และทีมแพทย์ที่อยู่ในห้องต่างก็พยักหน้าเห็นด้วยกับคําวินิจฉัยของหลี่ฮั่วเฉิน
จากนั้น จ้าวโจวเฉินก็ได้เอ่ยถามหลี่ฮั่วเฉินว่า “ในเมื่อวินิจฉัยโรคได้แล้ว วิธีการรักษาล่ะครับท่านหมอหลี?”
หลี่ฮั่วเฉินจึงถามขึ้นว่า “มีการให้ยาฆ่าเชื้อไปบ้างหรือยัง?”
“ให้แล้วครับ! ทางเราให้ในจํานวนที่จําเป็นต้องใช้ถึงสองเท่าแต่ว่า…” จ้าวโจวเฉินส่ายหน้าไปมา แทนการตอบว่าการรักษาด้วยยาฆ่าเชื้อนั้นไม่ได้ผล
“แล้วลองฉีดยากระตุ้นภูมิคุ้มกันแบคทีเรียควบคู่ไปด้วยแล้วหรือยัง?” หลี่ฮั่วเฉินเอ่ยถาม
“ทําแล้วครับ แต่ก็…” จ้าวโจวเฉินส่ายหน้าไปมาอีกครั้ง
หลังจากได้ฟังคําตอบ สีหน้าของหลี่ฮั่วเฉินจึงได้เปลี่ยนเป็นเคร่งเครียดขึ้นมาทันที เพราะคิดไม่ถึงว่าเมื่อทําถึงสองวิธีแล้ว เหตุใดอาการยังไม่ดีขึ้น?
ขณะนี้ อาการของผู้ป่วยอยู่ในขีดอันตรายมากเพราะไม่ว่าจะทําเช่นใด ก็ไม่สามารถหยุดอาการท้องเสียของคนไข้ได้หากยังปล่อยให้เป็นเช่นนี้ไปเรื่อยๆ แน่นอนว่าร่างกายของคนไข้คงไม่อาจทานทนต่อไปได้แน่
จําเป็นต้องหาหนทางการรักษาอย่างเร่งด่วนแต่จะทําอย่างไร
ขณะนี้ หลี่ฮั่วเฉินได้แต่เดินกลับไปกลับมาภายในห้องนั่งเล่น พร้อมกับเอามือสองข้างไพล่หลังไว้ซึ่งเป็นท่าทางที่เขาทําเป็นประจําในยามที่ต้องใช้ความคิด
หลี่ฮั่วเฉินเดินกลับไปกลับมาอยู่นานเกือบสองนาทีในที่สุดก็หันไปถามว่า “ได้มีการทดลองปลูกถ่ายเชื้อจุลินทรีย์เข้าไปในร่างของคนไข้บ้างหรือยัง?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดคุณหมอสกุลเฉิน