ตอนที่254
สภาพจิตใจของฉีเล่ยเปลี่ยนเป็นตึงเครียดขึ้นมาทันที
หากสิ่งที่ซือไถพูดเป็นความจริง นั่นหมายความว่า สองสามีภรรยาคู่นี้คงจะทิ้งปัญหาไว้ในเจียงหลิงมากมายทีเดียว
จุดประสงค์ของพวกเขาคืออะไรกัน แล้วองค์กรที่พวกเขาก่อตั้งขึ้นมา มันคือองค์กรอะไรกัน?
ฉีเล่ยรู้สึกว่า เรื่องนี้คล้ายมีหมอกขาวปกคลุมอยู่ มันดูคลุมเครืออย่างบอกไม่ถูก
เวลานี้ ซือไถอยู่ในสภาวะสูญเสียเรี่ยวแรง ฉีเล่ยจึงคิดที่จะพาเขากลับไปด้วย เพราะถึงอย่างไร เขาก็เคยช่วยชีวิตชายชราคนนี้มาครั้งหนึ่งแล้ว
เมื่อนึกถึงกลิ่นแปลกๆที่โชยมาจากด้านในของบ้าน ฉีเล่ยจึงรีบหยิบสมุนไพรออกมาจากกระเป๋าของตนเอง แล้วนำไปวางไว้บนจมูกของซือไถพร้อมกับบอกชายชราว่า
“ถ้าไม่อยากตายก็อย่าเอานี่ออกล่ะ!”
ซือไถจ้องมองฉีเล่ยพร้อมกับโบกมือไปมา ปากก็พูดขึ้นอย่างอ่อนแรง “ช่างเถอะ ชีวิตของฉันคงจะไม่รอดแล้วล่ะ สู้ฉันนอนรอความตายอยู่ที่บ้านจะดีกว่า”
คำพูดของซือไถดูเหมือนจะไม่ผิดนัก แต่ฉีเล่ยเองก็มีความคิดที่ไม่ดีเท่าไหร่เช่นกัน เพราะเวลานี้ มีเพียงซือไถคนเดียวเท่านั้นที่รู้เรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นมากที่สุด อีกทั้งก่อนหน้านี้ ยังดูเหมือนว่าเขาเองก็พยายามปิดบังข้อมูลบางส่วนอยู่
เพราะฉะนั้น จะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม ไม่ว่าจะเป็นเพราะคุณธรรม หรือความเห็นแก่ตัว ฉีเล่ยก็จำเป็นต้องช่วยชีวิตซือไถก่อน
และตอนนี้ ซือไถก็กำลังทรุดนอนอยู่กับพื้นอย่างหมดเรี่ยวหมดแรง
นับว่าโชคดีที่ร่างของซือไถไม่ได้หนักมาก และหลังจากใช้สมุนไพรปิดจมูกของชายชราแล้ว ฉีเล่ยก็จัดการแบกร่างของชายชราเดินออกไปจากบ้านในทันที
แต่น่าแปลกที่ฉีเล่ยกลับพบว่า กลิ่นประหลาดนี้กลับไม่ดึงดูดเพื่อนบ้านในบริเวณนั้นให้สนใจออกมาดูเลยแม้แต่น้อย
“ไม่ต้องแปลกใจหรอก เพราะนอกจากบ้านหลังนี้จะอยู่ค่อนข้างห่างไกลจากบ้านหลังอื่นแล้ว คนปกติที่ไม่เคยถูกฝังหนอนกู่ในร่างก็จะไม่ได้กลิ่น”
ซือไถร้องบอกฉีเล่ยด้วยน้ำเสียงที่ดูเหน็ดเหนื่อยอย่างมาก
ตอนแรกฉีเล่ยยังคิดว่า เดี๋ยวผู้คนที่ได้กลิ่นแปลกๆนี้คงจะต้องเดินออกมาดู แต่เมื่อเวลาผ่านไป กลับไม่มีใครเดินออกมาดูเลยแม้แต่คนเดียว
“คุณรู้เรื่องที่ผมถูกสองผัวเมียฝังหนอนกู่เข้าร่างไหม?”
ฉีเล่ยหันไปมองชายชราด้วยความสงสัยคลางแคลงใจ และคิดว่าชายชราน่าจะรู้เห็นในเรื่องนี้ด้วย แต่ซือไถกลับโบกมือไปมาอย่างอ่อนแรง พร้อมตอบกลับไปว่า
“วันนั้น หลังจากที่เธอเดินออกไปจากบ้านของฉันแล้ว สองคนนั่นก็ถึงกับหัวเราะออกมาเสียงดัง พร้อมกับพูดขึ้นว่า เธอจะต้องตายภายใน 24 ชั่วโมง!”
“ฉันเองก็ไม่คิดว่าเธอจะรอดชีวิตกลับมาที่นี่ได้อีก มิหนำซ้ำ สภาพของเธอในตอนนี้ยังดูเหมือนไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรเลยแม้แต่น้อย สมแล้วที่เป็นประธานฉี!”
แม้ว่าจะมีท่าทีเหน็ดเหนื่อยอย่างมาก แต่ซือไถก็ยังพยายามพูดกับฉีเล่ยต่อ เขาจ้องหน้าชายหนุ่มแน่นิ่ง ก่อนจะเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
“ประธานฉี ฉันรู้ดีว่าทำไมเธอถึงกลับมาช่วยฉัน แต่ฉันขอบอกตามตรงว่า สิ่งที่ฉันรู้มาทั้งหมดนั้นมีเพียงแค่นี้จริงๆ ถ้าเธอหวังจะได้รู้อะไรมากไปกว่านี้ล่ะก็ เกรงว่าเธอคงจะต้องผิดหวังแล้วล่ะ”
และดูเหมือนซือไถเองก็จะเข้าใจจุดประสงค์ที่ฉีเล่ยช่วยเขาได้ดีเช่นกัน
เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายมองจุดประสงค์ที่แท้จริงของตนเองออก ฉีเล่ยก็รู้สึกอายและกระอักกระอ่วนใจไม่น้อย แต่เขาก็สามารถเก็บอารมณ์ความรู้สึกไว้ได้ดี ไม่แสดงออกมาให้อีกฝ่ายได้เห็น จากนั้นจึงได้บอกกับชายชราว่า
“ผมจะพาคุณไปที่โรงแรม หลังจากนี้ไปคุณไม่จำเป็นต้องกลัวอะไรอีกแล้ว ผมว่าสองผัวเมียนั่นคงไม่กลับมายุ่งกับคุณอีกแล้วล่ะ คุณพักผ่อนให้สบายก็แล้วกัน”
ฉีเล่ยไม่ได้หลอกเพื่อปลอบประโลมชายชราให้สบายใจ แต่เขาพูดไปตามความจริง นั่นเพราะองค์กรที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้น่าจะกำลังคิดทำอะไรบางอย่างในเจียงหลิงอยู่ ย่อมไม่มีเวลาจะมาสนใจชายชราอีกนั่นเอง ช่วงเวลานี้จึงน่าจะเป็นช่วงที่อันตรายมากที่สุด
หลังจากพาซือไถกลับไปที่โรงแรมแล้ว ฉีเล่ยก็ได้เตรียมของที่จำเป็นไว้ให้เขา พร้อมกับกำชับหนักแน่นว่า
“ผมจะต้องออกไปทำธุระบางอย่าง จำไว้ว่า ถ้าผมยังไม่กลับมา ห้ามคุณเปิดประตูห้องอย่างเด็ดขาด และต้องไม่ออกไปไหนทั้งนั้น จะต้องอยู่แต่ในห้อง เข้าใจไหม?”
“ฉันเข้าใจ!”
ซือไถตอบกลับด้วยสีหน้าเศร้าสร้อย
หลังจากนั้น ฉีเล่ยก็เดินออกจากโรงแรมไป และได้เรียกรถมุ่งหน้าไปยังบริเวณที่รถตู้สีทองหายไปในวันนั้น
ความจริงแล้ว ถ้าวันนั้นคู่สามีภรรยาชาวเหมี่ยวไม่ปรากฏตัวขึ้นที่ชิงหัวพลาซ่าเสียก่อน คาดว่าเขาน่าจะได้พบเบาะแส หรือร่องรอยอะไรบางอย่างบ้างแล้วก็ได้
ความจำของฉีเล่ยค่อนข้างดีมาก เขายังจดจำเส้นทางที่รถตู้คันนั้นวิ่งไปได้อย่างแม่นยำ และเมื่อมาถึงสี่แยกที่รถคันนั้นเลี้ยวหายไป ฉีเล่ยก็ได้ร้องบอกให้คนขับจอด และก่อนที่จะเดินลงไป เขาก็ได้ให้เงินและเบอร์โทรศัพท์มือถือของตนเองไว้ แล้วสั่งให้คนขับรถแท็กซี่รอเขาอยู่ในบริเวณนี้
ฉีเล่ยเดินไปตามถนนลูกรังที่มีแต่ฝุ่น…
เขาเดินตามทางเรื่อยๆ สายตาพลางสอดส่ายหารถตู้สีทองที่มีเลขทะเบียนตรงกับที่ถงเซียวเซียวจดไว้ให้ แต่หลังจากเดินหาอยู่ราวครึ่งชั่วโมง กลับไม่พบเจอรถในบริเวณนั้นเลยแม้แต่คันเดียว
ฉีเล่ยสังเกตเห็นว่า บริเวณที่เขาเดินหานั้นไม่มีบ้านเรือนหรืออาคารอยู่เลยสักหลัง กระทั่งคนก็ยังไม่พบเห็นเลยแม้แต่คนเดียว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดคุณหมอสกุลเฉิน