ยอดคุณหมอสกุลเฉิน นิยาย บท 264

ตอนที่​264 ปัญหา​มาปัญญา​เกิด​

ฉีเล่ย​ย่อม​ไม่ยอม​กลับ​ลง​จาก​เขา​หง​ห​ยา​ซาน​อย่าง​แน่นอน​ ใน​เมื่อ​เขา​อุตส่าห์​ตามหา​หญ้า​ท้อ​จน​พบ​แล้ว​ เขา​จะไม่ยอม​ทิ้ง​มัน​ไว้​และ​กลับ​ไป​มือเปล่า​อย่าง​แน่นอน​ ไม่อย่างนั้น​ การ​ที่​เขา​อุตส่าห์​ดั้นด้น​เดินทาง​มาถึงที่นี่​ ไม่เท่ากับ​เป็นการ​เสียเวลา​เปล่า​งั้น​หรือ​?

ตอนนี้​ฉีเล่ย​ได้​แต่​นึก​เสียใจ​ที่​เมื่อคืนนี้​ไม่ยอม​เก็บ​หญ้า​ท้อ​ต้น​นั้น​ไป​ตั้งแต่แรก​ ไม่อย่างนั้น​ เขา​คงจะ​ไม่ต้อง​มาเผชิญหน้า​กับ​สถานการณ์​บ้า​ๆแบบนี้​แน่​

แต่​ต่อให้​เขา​จะมานั่ง​เสียใจ​และ​เสียดาย​ไป​ ก็​คงจะ​ไม่ช่วย​ให้​อะไร​ดีขึ้น​มาได้​ และ​สิ่งที่​ฉีเล่ย​จะต้อง​ให้ความสนใจ​ใน​ตอนนี้​ก็​คือ​ หาทาง​แก้ปัญหา​ใหญ่​ซึ่งก็​คือ​หนู​หยาง​ม่วง​ยักษ์​ตัว​นี้​เสีย​ก่อน​

หาก​เป็นเรื่อง​ของ​การรักษา​ผู้ป่วย​ หรือ​การฝังเข็ม​แล้ว​ล่ะ​ก็​ ฉีเล่ย​เชื่อมั่น​ใน​ทักษะ​ทางการแพทย์​ของ​ตนเอง​อย่าง​มาก​ และ​ไม่เคย​เกรงกลัว​ผู้ใด​เลย​แม้แต่น้อย​ แต่​สำหรับ​การต่อสู้​กับ​สัตว์ประหลาด​ที่​เคย​พบ​เจอ​มาก่อน​ใน​ชีวิต​แบบนี้​ เขา​ยอมรับ​ว่า​ตัวเอง​ไม่มีความสามารถ​พอ​

ฉีเล่ย​นั่ง​หลบ​ซ่อนตัว​อยู่​หลัง​โขดหิน​ พร้อมกับ​ครุ่นคิด​หา​วิธี​แก้ปัญหา​อยู่​เป็นเวลา​นาน​ เขา​ไม่ต้องการ​ที่จะ​ปะทะ​กับ​หนู​หยาง​ม่วง​ยักษ์​นี้​ตรงๆ​ เพราะ​ถึงอย่างไร​เขา​ก็​ตกเป็น​ฝ่าย​เสียเปรียบ​อยู่ดี​

ฉีเล่ย​แอบ​โผล่​หน้า​ออก​ไป​สำรวจ​ดู​อีกครั้ง​ และ​พบ​ว่า​หนู​หยาง​ม่วง​ไม่ได้​อยู่​ตรงนั้น​แล้ว​ แต่​ถึงอย่างนั้น​ เขา​ก็​ยังคง​ได้ยิน​เสียงร้อง​จี๊ด​ๆของ​มัน​ดังก้อง​อยู่​

จาก​เสียง​ที่​ได้ยิน​นั้น​ ฉีเล่ย​รู้สึก​ว่า​หนู​หยาง​ม่วง​น่าจะ​ไม่ได้​ไป​ไหน​ไกล​ และ​น่าจะ​ยังอยู่​ใกล้​ๆบริเวณ​ทุ่งหญ้า​ท้อ​ใหญ่​นั่น​

แต่​ฉีเล่ย​เอง​ก็​มีเวลา​ไม่มาก​ และ​เวลา​ก็​เดินหน้า​ไป​ทุก​วินาที​ เขา​ไม่สามารถ​ปล่อย​เวลา​ให้​เสีย​ไป​โดย​เปล่าประโยชน์​แบบนี้​ได้​ เพราะ​หนอน​กู่​ที่​ซิ่ว​เอ๋อ​กับ​อี้​ชาเลี้ยง​ไว้​นั้น​ ก็​ค่อยๆ​เจริญเติบโต​ขึ้น​ใน​ทุกๆ​วัน​ และ​น่าจะ​ใกล้​จะโต​เต็ม​วัย​แล้วด้วย​ หาก​เขา​ยังคง​ปล่อย​เวลา​ให้​ล่วงเลย​ไป​จนถึง​บ่าย​โดย​ไม่ลงมือทำ​อะไร​ ก็​คงจะ​เป็นเรื่อง​ที่​ไม่ดี​แน่​

ใน​เมื่อ​ไม่มีทางเลือก​อื่น​ ในที่สุด​ฉีเล่ย​ก็​ต้อง​คิด​หา​วิธี​ที่จะ​เป็นประโยชน์​กับ​ตัวเอง​ หรือ​วิธี​ที่จะ​ทำให้​ตัวเอง​เป็น​ฝ่าย​ได้เปรียบ​หาก​ต้อง​ปะทะ​กับ​เจ้าหนู​หยาง​ม่วง​นั่น​

ฉีเล่ย​ทดลอง​แม้กระทั่ง​เดิน​ออกจาก​ที่ซ่อน​ และ​ย่อง​ตรง​เข้าไป​ทาง​ทุ่งหญ้า​ท้อ​อยู่​หลาย​ต่อ​หลายครั้ง​ แต่​ทุกครั้งที่​เขา​ก้าวเดิน​ออก​ไป​เพียงแค่​สอง​สามวินาที​ เสียง​ของ​หนู​หยาง​ม่วง​ก็​จะดัง​ขึ้น​ใน​ระยะใกล้​ตัว​เขา​ทันที​ และ​เมื่อ​ได้ยิน​เสียงร้อง​จี๊ด​ๆดัง​ใกล้​ตัว​มากขึ้น​ ฉีเล่ย​ก็​จะรีบ​ล่า​ถอยกลับ​ไป​หลบ​ที่​หลัง​โขดหิน​ตามเดิม​ ไม่กล้า​ที่จะ​เผชิญหน้า​กับ​เจ้าหนู​ยักษ์​นั่น​อีก​

ฉีเล่ย​ต้อง​ทน​อยู่​กับ​หนทาง​ตีบตัน​นี้​กว่า​ครึ่ง​วัน​โดย​ไม่มีอะไร​คืบหน้า​เลย​แม้แต่น้อย​ อย่า​ว่าแต่​จะได้​เก็บ​หญ้า​ท้อ​กลับ​ไป​เลย​ กระทั่ง​เข้าใกล้​เขา​ยัง​ไม่สามารถ​ทำได้​เลย​ด้วยซ้ำ​ไป​ เมฆหมอก​อึมครึม​หลัง​ฝนตก​ที่​พบ​เจบ​เมื่อวาน​นี้​ได้​อันตรธาน​หาย​ไป​จน​สิ้น​

ฉีเล่ย​มองหา​ก้อนหิน​ใหญ่​ใกล้​ตัว​ เขา​หยิบ​มัน​ขึ้น​มา และ​โยน​ออก​ไป​ใน​บริเวณ​ใกล้​ๆกับ​ทุ่งหญ้า​ท้อ​ เพราะ​คิด​ว่า​หาก​หนู​หยาง​ม่วง​ได้ยิน​เสียง​เข้า​ มัน​คงจะ​ต้อง​รีบ​วิ่ง​ตาม​ก้อนหิน​นั้น​ไป​อย่าง​แน่นอน​ และ​ใน​จังหวะ​ที่​มัน​วิ่ง​ตาม​ก้อนหิน​ไป​นั้น​ เขา​ก็​จะวิ่ง​ไป​เก็บ​หญ้า​ท้อ​อีก​ด้าน​แทน​

แต่​เหตุการณ์​ที่​ป​รา​ฏขึ้น​กลับ​ทำให้​ฉีเล่ย​รู้สึก​ประหลาดใจ​ระคน​ตกใจ​อย่าง​มาก​ นั่น​เพราะ​หนู​หยาง​ม่วง​กลับ​ไม่หลงกล​เขา​ นั่น​เพราะ​หลังจากที่​โยน​ก้อนหิน​ออก​ไป​แล้ว​ เจ้าหนู​ยักษ์​กลับ​ไม่ปรากฏตัว​เลย​แม้แต่น้อย​

“เฮ้อ​.. ไม่ได้ผล​สินะ​!”

ฉีเล่ย​ถึงกับ​ถอนหายใจ​พร้อมกับ​บ่นพึมพำ​ แต่​ในขณะเดียวกัน​ก็​มานั่ง​ครุ่นคิด​ว่า​

ก่อนหน้านี้​ที่​เขา​แอบ​ย่อง​ออก​ไป​ที่​ทุ่งหญ้า​ท้อ​นั่น​ เสียง​เดิน​ของ​เขา​ยัง​เบา​กว่า​เสียง​โยน​ก้อนหิน​เมื่อ​ครู่​เสีย​อีก​ แต่​ทำไม​หนู​หยาง​ม่วง​ถึงได้ยิน​ และ​รีบ​พุ่ง​ออกมา​ในทันที​นะ​?

ฉีเล่ย​แทบ​ไม่อยาก​จะคิด​ว่า​ หรือ​เป็น​เพราะ​หนู​หยาง​ม่วง​มีความสามารถ​ใน​การตรวจจับ​ความ​ร้อนที่​เรียก​ว่า​ระบบ​อินฟราเรด​ แล้ว​ความ​ร้อนที่​มัน​ตรวจ​จับได้​นั้น​มาจาก​อะไร​ล่ะ​?

“หรือว่า​จะเป็น​…”

ฉีเล่ย​นึก​ขึ้น​มาได้​ว่า​ นอกจาก​ความร้อน​จาก​ร่างกาย​ของ​เขา​แล้ว​ สิ่งที่​แตกต่าง​ระหว่าง​มนุษย์​กับ​ก้อนหิน​นั้น​ ก็​คือ​ลมหายใจ​นั่นเอง​!

เป็นไปได้​ว่า​หนู​หยาง​ม่วง​จะมีประสาทหู​ที่​ไม่สู้ดี​นัก​ และ​วิธี​ที่​มัน​ใช้ตรวจจับ​สิ่งมีชีวิต​รอบตัว​ก็​คือ​ลมหายใจ​ เพราะฉะนั้น​ ทันทีที่​ฉีเล่ย​ปรากฏตัว​เข้าใกล้​ทุ่งหญ้า​ท้อ​ มัน​จึงสามารถ​สัมผัส​ลมหายใจ​ของ​เขา​ได้​ในทันที​นั่นเอง​

เมื่อ​คิด​ว่าการ​คาดเดา​นี้​มีโอกาส​ที่จะ​เป็นไปได้​มาก​ที่สุด​ ฉีเล่ย​ก็​เริ่ม​ลงมือ​ทันที​ เขา​ล้วง​เอา​หีบ​สมบัติ​ที่​มีสารพัด​ยา​ซึ่งพก​ติดตัว​ไว้​ตลอด​ออกมา​ทันที​ และ​ภายใน​นั้น​ก็​มียา​ที่จะ​ช่วย​ทำให้​เขา​สามารถ​หยุด​หายใจ​ได้​ และ​หาก​การ​คาดเดา​นี้​ถูกต้อง​ เขา​ก็​จะสามารถ​ทำ​ภารกิจ​นี้​ได้​สำเร็จ​เสียที​

ก่อนหน้านี้​ ฉีเล่ย​ไม่ค่อย​ได้​พก​หีบ​สมบัติ​เล็ก​ๆนี้​ติดตัว​ไป​ไหน​ต่อ​ไหน​ด้วย​ แต่​หลังจากที่​เขา​ได้รับบาดเจ็บ​จน​เกือบตาย​ใน​ครั้งนั้น​ เขา​จึงได้​พก​หีบ​เล็ก​ๆนี้​ติดตัว​ไป​ด้วย​เสมอ​

แม้ภายใน​หีบ​เล็ก​ๆนี้​จะไม่ได้​มีอะไร​มากมาย​ แต่​ก็​มียา​แทบ​ทุกชนิด​อยู่​ครบครัน​!

ฉีเล่ย​รีบ​หยิบ​ยา​ที่ว่า​นี้​ออกมา​ถือ​ไว้​ทันที​

หาก​เขา​กลืน​ยาเม็ด​นี้​เข้าไป​ ลมหายใจ​ของ​ของ​เขา​ก็​จะหยุดนิ่ง​ไป​ชั่วครู่​ และ​ร่าง​ของ​เขา​จะอยู่​ใน​สภาพ​ไร้​ลมหายใจ​นี้​ได้​เพียงแค่​สิบห้า​นาที​เท่านั้น​ และ​หาก​เขา​ไม่สามารถ​ทำ​ภารกิจ​ให้​สำเร็จ​ได้​ภายใน​เวลา​ที่​กำหนด​นี้​แล้ว​ล่ะ​ก็​ เขา​คงจะ​ต้อง​กลับ​ลง​เขา​มือเปล่า​ และ​หา​วิธีการ​อื่น​ต่อไป​อย่าง​แน่นอน​

แต่​ในระหว่างนั้น​เอง​ ฉีเล่ย​ก็​สัมผัส​ได้​ว่า​ มีใคร​บางคน​ปรากฏตัว​อยู่​ข้าง​กาย​เขา​ พร้อมกับ​วาง​ฝ่ามือ​ไว้​บน​ไหล่​ของ​ตนเอง​ จากนั้น​ก็​มีเสียงร้อง​กระซิบ​ถามข้าง​หู​ว่า​

“นี่​เธอ​กำลัง​ทำ​อะไร​?”

‘หืม​ม.. เสียง​อาจารย์​นี่​?’

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดคุณหมอสกุลเฉิน