ยอดคุณหมอสกุลเฉิน นิยาย บท 263

สรุปบท ตอนที่263 หนูหยางม่วง: ยอดคุณหมอสกุลเฉิน

ตอนที่263 หนูหยางม่วง – ตอนที่ต้องอ่านของ ยอดคุณหมอสกุลเฉิน

ตอนนี้ของ ยอดคุณหมอสกุลเฉิน โดย Internet ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายActionทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง ตอนที่263 หนูหยางม่วง จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที

ตอนที่​263 หนู​หยาง​ม่วง​

ซิ่ว​เอ๋อ​กับ​อี้​ชาคำนวณ​ไว้​ว่า​ หนอน​กู่​จะเจริญเติบโต​เต็ม​วัย​ใน​อีก​สามวันข้างหน้า​ เพราะฉะนั้น​ ฉีเล่ย​จึงไม่มีเวลา​เหลือ​ให้​ทำ​อะไร​ได้​มาก​นัก​

แต่​ฉีเล่ย​ซึ่งอยู่​บน​ยอดเขา​หง​ห​ยา​ซาน​ ก็​ไม่ได้​ล่วงรู้​ระยะเวลา​ที่​แน่นอน​ เขา​รู้​เพียงแค่​ว่า​จะต้อง​ทำ​ทุกอย่าง​ให้​เสร็จสิ้น​โดยเร็ว​ที่สุด​เท่า​ที่จะ​ทำได้​เท่านั้น​

อาจ​เป็น​เพราะ​บริเวณ​นี้​เป็น​ยอดเขา​สูง ฉีเล่ย​ที่นอน​ขดตัว​อยู่​บน​ต้นไม้​ จึงตื่นขึ้น​มาเพราะ​อากาศ​ที่​หนาวเย็น​

ยามเช้า​บน​ยอดเขา​หง​ห​ยา​ซาน​แห่ง​นี้​เต็มไปด้วย​ความ​เงียบสงัด​ สิ่งที่​หา​ได้​ยากเย็น​ที่สุด​บน​ยอดเขา​เวลานี้​ก็​คือ​ แสงอาทิตย์​ที่​สาดส่อง​ลงมา​พร้อม​ให้​ความอบอุ่น​แก่​ร่างกาย​นั่นเอง​

ฉีเล่ย​ปีน​ลง​จาก​ต้นไม้​มายืน​บิดขี้เกียจ​อยู่​ครู่หนึ่ง​ จากนั้น​จึงรีบ​เดิน​ตรง​ไป​ยัง​จุด​ที่​เขา​พบ​หญ้า​ท้อ​เมื่อคืนนี้​ ซึ่งก็​อยู่​ห่าง​จาก​ต้นไม้​ที่​เขา​ปีน​ขึ้นไป​นอน​ไม่ไกล​นัก​ แต่​เมื่อ​ไป​ถึง ฉีเล่ย​ก็​ต้อง​ตกใจ​สุดขีด​

“เวร​เอ๊ย​!! นี่​หญ้า​ท้อ​หาย​ไป​ไหน​แล้ว​?”

ฉีเล่ย​ทั้ง​สบถ​และ​ร้อง​อุทาน​ออกมา​ด้วย​ความตกใจ​จน​แทบ​ช็อค​ นั่น​เพราะ​หญ้า​ท้อ​ที่​เขา​ใช้ไฟฉาย​ส่อง​พบ​เมื่อคืนนี้​นั้น​ เวลานี้​กลับ​อันตรธาน​หาย​ไป​อย่าง​ไร้​ร่องรอย​

หรือว่า​.. เขา​จะเข้าใจผิด​ไป​เอง​?

หรือว่า​.. เขา​ตาฝาด​?

ฉีเล่ย​พยายาม​ย้อนกลับ​ไป​นึกดู​เหตุการณ์​เมื่อคืนนี้​อย่าง​ละเอียด​อีกครั้ง​ เขา​ก็​มั่นใจ​ว่า​ หลังจาก​ตรวจสอบ​จน​แน่ใจ​แล้ว​ว่า​ สิ่งที่​เขา​เห็น​เมื่อคืนนี้​เป็น​หญ้า​ท้อ​จริงๆ​ เขา​จึงได้​เดิน​ไป​ที่​ต้นไม้​ใน​บริเวณ​ใกล้​ๆ แล้ว​ปีน​ขึ้นไป​นอน​อยู่​บน​นั้น​

หาก​เขา​รู้​ว่า​ตื่นขึ้น​มาหญ้า​ท้อ​จะอันตรธาน​หาย​ไป​แบบนี้​ เขา​คงจะ​เสี่ยง​เก็บ​มัน​ตั้งแต่​เมื่อคืนนี้​ไป​แล้ว​อย่าง​แน่นอน​ ฉีเล่ย​โมโห​จน​ต้อง​ยก​มือขึ้น​ตบหน้า​ตัวเอง​ พร้อมกับ​ก่น​ด่า​ตัวเอง​ไม่หยุด​

แม้ว่า​ฉีเล่ย​จะไม่รู้​ว่า​ระหว่าง​ที่​เขา​นอนหลับ​ไป​นั้น​ มัน​เกิด​อะไร​ขึ้น​บ้าง​ แต่​เขา​ก็​มั่นใจ​ว่า​ ใน​เมื่อ​เขา​พบ​หญ้า​ท้อ​ต้น​หนึ่ง​อยู่​บน​ยอดเขา​หง​ห​ยา​ซาน​แห่ง​นี้​ นั่น​หมายความว่า​มัน​น่าจะ​ต้อง​มีหญ้า​ท้อ​ต้น​อื่น​ขึ้นอยู่​อีก​อย่าง​แน่นอน​

ระหว่าง​ที่​ครุ่นคิด​นั้น​ ฉีเล่ย​ก็​ไม่ยอม​เสียเวลา​ไป​โดย​เปล่าประโยชน์​ เขา​เดิน​มุ่งหน้า​เพื่อ​ค้นหา​หญ้า​ท้อ​ต้น​ใหม่​ต่อ​ในทันที​

หลังจาก​เดิน​ไป​อีก​นาน​ไม่รู้​เท่าไหร่​ จน​ฉีเล่ย​รู้สึก​ว่า​ขา​ทั้งสอง​ข้าง​ของ​เขา​เป็น​เหน็บชา​จน​แทบจะ​เดิน​ต่อ​ไม่ไหว​ แต่​เขา​ก็​ยัง​ไม่ได้กลิ่น​แปลก​ๆเหมือน​ที่​ได้กลิ่น​เมื่อคืนนี้​เลย​ เขา​จึงได้​แต่​เงยหน้า​ขึ้น​มอง​ท้องฟ้า​ ซึ่งเวลานี้​แสงสว่าง​เริ่ม​สาดส่อง​ลงมา​ด้วย​ความหมดหวัง​

แต่​เพราะ​ทุกเวลา​ทุก​วินาที​ที่​เดิน​ไป​ข้างหน้า​นั้น​ มัน​หมาย​ถึงชีวิต​ของ​ชาว​เจียง​ห​ลิง​ทั้งหมด​ ฉีเล่ย​จึงไม่กล้า​ที่จะ​ท้อแท้​ และ​ปล่อย​เวลา​ให้​เสีย​ไป​โดย​เปล่าประโยชน์​ เขา​จึงต้อง​ฮึด​เดินหน้า​หา​หญ้า​ท้อ​ต่อไป​

หลังจาก​เดิน​ไป​ได้​ไกล​มาก​แล้ว​ ในที่สุด​ ฉีเล่ย​ก็​เริ่ม​สัมผัส​ได้​ถึงบางอย่าง​ที่​ผิดปกติ​

ตลอด​เส้นทาง​ที่​ออกเดินทาง​จาก​เนินเขา​ขึ้น​มาบน​ยอดเขา​แห่ง​นี้​ ฉีเล่ยพบ​เจอ​สัตว์ป่า​จำนวนมาก​ระหว่างทาง​ และ​เขา​ต้อง​คอย​ระมัดระวัง​ และ​พยายาม​หลบเลี่ยง​ไม่ให้​ไป​ปะ​หน้า​กับ​พวก​มัน​ หรือ​กระทั่ง​ถูก​พวก​มัน​ล้อม​เข้า​

แต่​น่าแปลก​ ที่​เมื่อ​ขึ้น​มาถึงยอดเขา​หง​ห​ยา​ซาน​แล้ว​ เขา​กลับ​ไม่พบ​สัตว์ป่า​เลย​แม้แต่​ตัว​เดียว​ กระทั่ง​สัตว์ป่า​ที่ว่า​กัน​ว่า​อันตราย​ที่สุด​ และ​ดุร้าย​ที่สุด​นั้น​ เขา​ก็​ยัง​ไม่พบเห็น​แม้แต่​ร่องรอย​ของ​พวก​มัน​

แต่​ยิ่ง​เงียบสงัด​ และ​ไร้​ร่องรอย​ของ​สัตว์ป่า​ที่​ควรจะ​ต้อง​มีมาก​เท่าไหร่​ กลับ​ยิ่ง​ทำให้​ฉีเล่ย​เกิด​ความกังวลใจ​มากขึ้น​เท่านั้น​

แต่​ฉีเล่ย​ก็​ไม่มีทางเลือก​อื่น​ นอกจาก​ต้อง​เดินหน้า​ค้นหา​หญ้า​ท้อ​ต่อไป​เรื่อยๆ​ หลังจาก​เดิน​ต่อไป​อี​กราว​สอง​สามก้าว​ จู่ๆ เขา​ก็​ได้ยิน​เสียง​แปลกประหลาด​ดัง​ขึ้น​

“จี๊ด​.. จี๊ด​.. จี๊ด​..”

เสียง​คล้าย​หนู​ร้อง​ดังก้อง​เข้ามา​ใน​หู​ของ​ฉีเล่ย​ แม้ว่า​มัน​จะฟังดู​แปลกประหลาด​ไป​บ้าง​ แต่​หลังจาก​อยู่​ท่ามกลาง​ความ​เงียบสงัด​มานาน​ การ​ได้ยิน​เสียง​อะไร​ขึ้น​มาแบบนี้​บ้าง​ กลับ​ทำให้​ฉีเล่ย​รู้สึก​สบายใจ​มากกว่า​

เสียง​นั้น​ดัง​ห่างไกล​มากขึ้น​เรื่อยๆ​ และ​ค่อยๆ​เบา​ลง​ๆ คล้าย​กับ​ว่า​กำลัง​เคลื่อนที่​ไป​ใน​ทิศทาง​ใด​ทิศทาง​หนึ่ง​อยู่​ ฉีเล่ย​ได้​แต่​นึก​สงสัย​ว่า​มัน​คือ​ตัว​อะไร​ และ​เขา​ก็​ไม่ลังเล​ที่จะ​ตาม​เสียง​นั้น​ไป​ในทันที​

กระทั่ง​เดินตาม​เสียง​นั้น​ไป​ได้​ราว​สิบ​นาที​ ในที่สุด​ กลิ่น​แปลก​ๆคุ้น​จมูก​เหมือนกับ​กลิ่น​เมื่อคืนนี้​ ก็ได้​โชย​มาเข้า​จมูก​ของ​ฉีเล่ย​อีกครั้ง​ และ​ครั้งนี้​กลิ่น​ของ​มัน​กลับ​รุนแรง​มากกว่า​เมื่อคืน​เสีย​อีก​

ฉีเล่ย​ถึงกับ​ใจเต้น​รุนแรง​ เขา​รู้สึก​ตื่นเต้น​ดีใจ​ขึ้น​อย่าง​มาก​ เพราะ​มัน​เป็น​กลิ่น​ของ​หญ้า​ท้อ​ และ​ดูเหมือนว่า​ เมื่อคืน​เขา​จะไม่ได้​ตาฝาด​ หรือว่า​มอง​ผิด​ไป​ สิ่งที่​เขา​เห็น​เมื่อคืนนี้​คือ​หญ้า​ท้อ​จริงๆ​

ฉีเล่ย​สังเกต​และ​พินิจ​พิจารณา​ดู​หนู​ยักษ์​ตรงหน้า​อย่าง​ละเอียด​ และ​รู้สึก​ว่า​หนู​ตัว​นี้​ดู​คล้าย​กับ​รู้​ภาษาคน​ยังไง​ก็​ไม่รู้​ หรือว่า​นี่​จะเป็น​หนู​หยาง​ม่วง​ใน​ตำนาน​

หาก​ฉีเล่ย​ไม่มาเห็นด้วย​ตา​ตัวเอง​ เขา​คงจะ​รู้สึก​ว่า​ คำพูด​ของ​เป่ย​ฉวน​เทียน​ก่อนหน้านี้​ คงจะ​เป็น​การหลอก​ให้​ผู้คน​กลัว​จน​ไม่กล้า​เข้าใกล้​หญ้า​ท้อ​ที่​ล้ำค่า​นี่​เสีย​มากกว่า​

แต่​ตอนนี้​ ขณะที่​สัตว์ประหลาด​กำลัง​ปรากฏตัว​ต่อหน้า​อยู่​นี้​ ฉีเล่ย​กลับ​ตกใจ​จน​แทบ​ช็อค​ และ​ทำ​อะไร​ไม่ถูก​เลย​สัก​อย่าง​

ถึงจะกลัว​มาก​ แต่​เจ้าสิ่งมีชีวิต​ขนาดใหญ่​ที่​มีเสียงร้อง​จี๊ด​ๆเหมือนกับ​เสียง​หนู​นี้​ กลับ​ทำให้​ฉีเล่ย​รู้สึก​ตลกขบขัน​ไม่น้อย​เช่นกัน​

แม้ว่า​เสียงร้อง​ที่​ขัด​กับ​รูปลักษณ์​ของ​มัน​นั้น​จะทำให้​ดู​ตลกขบขัน​ แต่​สายตา​ของ​มัน​กลับ​ดุร้าย​เอาเรื่อง​ และ​สามารถ​ทำให้​ผู้​ที่​พบเห็น​ถึงกับ​สั่นเทา​ไป​ด้วย​ความกลัว​ได้​

เห็นได้ชัด​ว่า​ เจ้าสัตว์ประหลาด​ใหญ่​ตน​นี้​ กำลัง​ปกป้อง​หญ้า​ท้อ​ที่อยู่​ด้านหลัง​ของ​มัน​!

ฉีเล่ย​รู้ดี​ว่า​ หาก​เขา​ต้อง​ต่อสู้​กับ​เจ้าหนู​ยักษ์​ตัว​นี้​ ไม่มีทาง​ที่​เขา​จะเอาชนะ​มัน​ได้​อย่าง​แน่นอน​ เขา​จึงได้​แต่​ต้อง​ถอยห่าง​ออก​ไป​ตั้งหลัก​ จากนั้น​ จึงได้​ยกมือ​ทั้งสอง​ขึ้น​กุม​หน้าอก​ พร้อมกับ​ร้อง​ตะโกน​ออก​ไป​ด้วย​น้ำเสียง​อ่อนน้อม​

“พี่​หนู​ครับ​ อย่า​ทำร้าย​ผม​เลย​นะ​ครับ​ ผม​ไม่ได้​ตั้งใจ​จะมาที่นี่​ แต่​ผม​หลง​เข้ามา​ ผม​จะรีบ​ออก​ไป​จาก​ที่นี่​เดี๋ยวนี้​แล้ว​ครับ​!”

เมื่อ​เห็น​ว่า​ตัวเอง​ไม่มีทาง​ที่จะ​เอาชนะ​เจ้าหนู​ยักษ์​นี้​ได้​แน่นอน​ ฉีเล่ย​จึงต้อง​คิด​หา​วิธี​ที่จะ​รักษา​ชีวิต​ของ​ตัวเอง​ไว้​ก่อน​ จากนั้น​ จึงค่อยๆ​ก้าว​ถอยหลัง​ไป​อย่าง​ช้าๆ เพราะ​เกรง​ว่า​เจ้าหนู​หยาง​ม่วง​นี้​จะโกรธ​และ​ทำร้าย​ตนเอง​เข้า​

การ​จู่โจมของ​เจ้าหนู​ยักษ์​ก่อนหน้านี้​ ได้​อธิบาย​ทุกอย่าง​ไว้​ชัดเจน​แล้ว​ เพราะ​หาก​เขา​ถูก​มัน​จู่โจมเข้า​อีกครั้ง​ คง​ไม่สามารถ​ทน​ต่อไป​ได้​อีก​แน่​ และ​นี่​เป็นครั้งแรก​ที่​ฉีเล่ยรุ้​สึก​ว่า​ ร่างกาย​ของ​ตัวเอง​กำลังจะ​แตก​ออก​เป็น​เสี่ยง​ๆ

แต่​ถึงอย่างนั้น​ เจ้าหนู​หยาง​ม่วง​ก็​ยัง​ขู่​คำราม​ไม่หยุด​ คล้าย​ต้องการ​ที่จะ​แสดง​ความ​แข็งแกร่ง​ข่ม​อีก​ฝ่าย​ให้​หวาดกลัว​

แต่​เมื่อ​เห็น​ว่า​ฉีเล่ย​ไม่ได้​แสดงท่าที​ตอบโต้​อะไร​กลับมา​ หนู​หยาง​ม่วง​ก็​เพียงแค่​จ้องมอง​ชายหนุ่ม​ด้วย​สายตา​เหยียดหยัน​แน่นิ่ง​ และ​ไม่เคลื่อนไหว​ใดๆ​อีก​ จนกระทั่ง​ฉีเล่ย​ถอยห่าง​ออก​ไป​จาก​ทุ่งหญ้า​ท้อ​ที่​กว้างใหญ่​แห่ง​นี้​

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดคุณหมอสกุลเฉิน