สรุปเนื้อหา ตอนที่268 เจตนาร้าย – ยอดคุณหมอสกุลเฉิน โดย Internet
บท ตอนที่268 เจตนาร้าย ของ ยอดคุณหมอสกุลเฉิน ในหมวดนิยายAction เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย Internet อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที
ตอนที่268 เจตนาร้าย
ซิ่วเอ๋อหันไปมองอี้ชาพร้อมกับหัวเราะ ก่อนจะเอ่ยต่อว่า
“เหลือเวลาอีกไม่เท่าไหร่แล้ว พวกเราจะรีบร้อนไม่ได้ เราจะต้องอดใจรอเวลาอยู่ที่นี่ ถ้าไอ้หมอนั่นมันกล้าบุกไปที่บ้านจริงๆ พวกเรามีกันตั้งหลายคน ฉันไม่เชื่อว่าจะไม่สามารถฆ่ามันคนเดียวตายได้!”
แม้ซิ่วเอ๋อจะบอกว่าไม่เห็นฉีเล่ยอยู่ในสายตา กระทั่งดูถูกฉีเล่ยว่าไร้น้ำยา แต่การกระทำของเธอนั้น กลับตรงกันข้ามกับคำพูดอย่างสิ้นเชิง
หลังจากที่พูดจบแล้ว ทั้งคู่ก็ได้รวบรวมกำลังพลที่อยู่ภายในบ้านไปที่บ้านหลังนั้นทันที
เวลานี้ ที่สวนด้านหลังของบ้านซือไถมีคนเผ้าอยู่ราวสิบกว่าคน ส่วนชั้นล่างของตัวบ้านมีอีกยี่สิบกว่าคน ในขณะที่ชั้นสองนั้น มีคนเฝ้าอยู่หนาแน่นชนิดที่เรียกว่าเกือบจะเต็มพื้นที่
“นี่ถ้ามันกล้าบุกเข้ามาจริงๆ ต่อให้ติดปีกก็ไม่มีทางหนีพ้นไปได้แน่!”
…….
ฉีเล่ยที่นั่งสนทนาอยู่กับผู้บำเพ็ญพรตหยินหยางสองต่อสองนั้น ดูเหมือนจะยังคงไม่ไว้ใจชายชราอยู่ดี เขายังคงคอยระแวดระวัง และพินิจพิจารณาชายชราที่อยู่ตรงหน้าอย่างละเอียด
หลังจากนั่งสนทนากันอยู่ครู่ใหญ่ ในที่สุด ฉีเล่ยก็พร้อมที่จะทำการรักษาอีกฝ่ายแล้ว แม้ว่าคำพูดบางอย่างของผู้บำเพ็ญพรตหยินหยาง จะยังคงทำให้เขารู้สึกสงสัยคลางแคลงใจอยู่บ้างก็ตาม
นั่นเพราะ ผู้ที่ต้องการจะขอความช่วยเหลือจากฉีเล่ยนั้น มักจะไม่ใช้คำพูดในลักษณะที่ชายชรากำลังใช้พูดกับเขาอยู่ในตอนนี้
แต่ถึงอย่างนั้น ฉีเล่ยก็ได้เดินเข้าไปใกล้ และโน้มตัวเข้าไปหาชายชราอย่างว่าง่าย แต่ในขณะที่ร่างของเขาเข้าไปใกล้ในระยะหนึ่งนั้น จู่ๆ อีกฝ่ายก็ยื่นมือทั้งสองข้างออกมาโอบกอดฉีเล่ยไว้ และพยายามที่จะดึงร่างทั้งร่างของเขาเข้าไปแนบตัว
และจากการกระทำของผู้บำเพ็ญพรตหยินหยางในตอนนี้ ฉีเล่ยมั่นใจได้ทันทีว่า อีกฝ่ายต้องไม่ได้มาดีอย่างแน่นอน!
แต่นับว่าโชคดี เพราะด้วยความระแวงสงสัยก่อนหน้านี้ ทำให้ฉีเล่ยแอบระมัดระวังตัวอยู่ตลอดเวลา และทันทีที่ถูกอีกฝ่ายโอบร่างเข้าไปใกล้ชิดตัวนั้น ฉีเล่ยก็รีบทรุดตัวลงนั่งยองๆทันที เพื่อให้ตัวเองหลุดพ้นจากการเกาะกุมของอีกฝ่าย
และนับว่าเป็นความโชคดีอีกครั้ง ที่ปฏิกิริยาของตอบโต้ของฉีเล่ยนั้นรวดเร็วและทันการ ทำให้ร่างของเขาไม่ถูกผู้บำเพ็ญพรตหยินหยางดึงเข้าไปกอดได้
เมื่อเหตุการณ์เป็นไปเช่นนั้น ผู้บำเพ็ญพรตหยินหยางก็ถึงกับยกฝ่ามือทั้งสองข้างตบลงที่พื้นด้วยความโมโห จนกระทั่งเกิดแรงสั่นสะเทือน และเสียงดังกึกก้องไปทั่วทั้งบริเวณ จากนั้น ผืนดินด้านหน้าบัลลังก์ขนาดใหญ่ ก็ได้แยกออกเป็นรอยแยกใหญ่ ทำให้ฉีเล่ยไม่สามารถถอยออกไปจากตรงนั้นได้อีก
“เจ้าคนสารเลว! นี่เจ้าคิดที่จะหนีไปจากข้างั้นรึ?”
ฉีเล่ยยืนนิ่งอยู่ที่เดิม สายตาจ้องมองผู้บำเพ็ญพรตหยินหยางแน่นิ่ง ปากก็ร้องตะโกนถามออกไปด้วยความโกรธเกรี้ยว
“ตาแก่! นี่แกเป็นใครกันแน่?”
“ข้าเป็นใคร?! ข้าก็บอกเจ้าไปแล้วมิใช่รึ?”
ฉีเล่ยส่ายหน้าไปมาช้าๆ พร้อมกับพูดขึ้นว่า “ไม่! ดูเหมือนว่าร่างกายของแกจะไม่ได้มีปัญหาอะไรสินะ? แต่ดูเหมือนว่า… แกไม่ได้มีเจตนาดีกับฉันตั้งแต่แรก!”
ทันทีที่ผู้บำเพ็ญพรตหยินหยางได้ฟังคำพูดของฉีเล่ย สีหน้าของเขาก็ได้เปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด!
ความจริงแล้ว ฉีเล่ยอยากจะให้ภาพที่เขาเห็นก่อนหน้านี้เป็นความจริง เพราะอย่างน้อยถ้าผู้บำเพ็ญพรตหยินหยางได้รับบาดเจ็บเช่นนั้นจริง เขาย่อมมีหนทางที่จะควบคุมอีกฝ่ายได้
แต่กลับกลายเป็นว่า ในขณะที่ผู้บำเพ็ญพรตหยินหยางกำลังฉุดลากร่างของเขาเข้าไปใกล้นั้น สายตาของเขาพลันเหลือไปเห็นว่า บาดแผลที่เขาเห็นก่อนหน้านี้กลับหายไปแล้ว และร่างกายของคนผู้นี้ก็ไม่ได้มีบาดแผลใดๆเลย ทั้งหมดที่เขาเห็นเมื่อครู่ล้วนแล้วแต่เป็นภาพลวงตาทั้งสิ้น
“หึๆ ในที่สุดเจ้าก็รู้ความจริงจนได้สินะ! คิดไม่ถึงจริงๆว่า ผู้ที่มีกายหยางบริสุทธิ์เช่นเจ้า จะมีสายตาที่เยี่ยมยอดเช่นนี้?”
ผู้บำเพ็ญพรตหยินหยางร้องบอกฉีเล่ยยิ้มๆ และถึงแม้ฉีเล่ยจะค้นพบความจริงแล้ว แต่ผู้บำเพ็ญพรตหยินหยางกลับไม่มีท่าทีตื่นตระหนกแต่อย่างใด
“นี่แกรู้เรื่องนี้ด้วยเหรอ?”
“ข้าบอกเจ้าไปก่อนหน้านี้แล้วมิใช่รึว่า ข้ารู้เห็นโลกภายนอกทุกอย่าง?”
ผู้บำเพ็ญพรตหยินหยางต้องการที่จะลุกขึ้นยืน และกล่าววาจาโอ้อวดอะไรบางอย่าง แต่พันธนาการที่มองไม่เห็นนั้น ก็แข็งแกร่งเสียจนทำให้เขาไม่สามารถทำอย่างที่ใจต้องการได้
ฉีเล่ยรู้ตัวดีว่า วันนี้ตนเองคงยากที่จะหลีกพ้นภัยพิบัติครั้งนี้ได้ เขาได้แต่นึกเสียใจที่ถูกหลอกให้เดินขึ้นเขามา และได้แต่ถอยห่างออกไปยืนบริเวณขอบพื้นดินที่แยกออก เพื่อไม่ให้ผู้บำเพ็ญพรตหยินหยางสามารถแตะต้องร่างกายของเขาได้ชั่วคราว
แต่ฉีเล่ยก็รู้ตัวว่า เขาคงจะสามารถหลบอยู่เช่นนี้ได้เพียงชั่วครู่เท่านั้น เพราะผู้บำเพ็ญพรตหยินหยางดูเหมือนจะแข็งแกร่งมาก กระทั่งยังไม่ได้ลงมือ เพียงแค่รัศมีที่แผ่ซ่านออกมา และแววตาของชายชรา ก็แทบสามารถทำให้เขาหมดเรี่ยวหมดแรงจนแทบทรุดลงไปกองกับพื้นได้แล้ว
และเพื่อไม่ให้สติของตัวเองต้องเตลิดเปิดเปิงไปมากกว่านี้ ฉีเล่ยจึงได้ฉวยโอกาสที่ยังพอมีนี้ เปิดจุดฝังเข็มตามร่างกาย เพื่อช่วยบรรเทาความเครียดให้ผ่อนคลายลง
แต่ดูเหมือนจะไม่ได้ผล…
ตรงข้ามกับผู้บำเพ็ญพรตหยินหยางที่อยู่ในถิ่นของตนเอง เวลานี้ สายตาของเขาที่จ้องมองมาทางฉีเล่ยนั้น ดูไร้ซึ่งความวิตกกังวลใดๆ และออกจะดูสบายอกสบายใจอย่างมากด้วย
ฉีเล่ยถึงกับเข่าทรุดลงไปกองกับพื้น และได้แต่คิดว่า นี่เขาต้องเอาชีวิตมาทิ้งที่นี่จริงๆน่ะเหรอ เขาไม่เคยคิดว่าตัวเองจะต้องมามีจุดจบแบบนี้ แต่ในขณะที่กำลังนั่งก้มหน้าลงกับพื้นด้วยความทุกข์ทรมานใจอย่างมากนั้น สายตาของเขาก็พลันเหลือบไปเห็นอะไรบางอย่างเข้า
ห่างจากด้านหน้าของเขาไปไม่ไกลนัก มีบางสิ่งบางอย่างรูปร่างคล้ายกลับรอยฝ่ามือปรากฏอยู่ แต่ดูเหมือนจะเป็นรอยฝ่ามือที่เพิ่งเกิดขึ้นใหม่ๆ
นั่นมันอะไรกัน?!
แม้ว่าจะรู้สึกงุนงงสับสน แต่ฉีเล่ยก็ไม่รอช้า เขารู้ได้ทันทีว่า นี่คงเป็นหนทางเดียวที่จะช่วยให้เขาหนีเอาชีวิตรอดไปจากที่นี่ได้
เวลานี้ ฉีเล่ยเข้าใจค่อนข้างแจ่มแจ้งแล้วว่า เป็นเพราะผู้บำเพ็ญพรตหยินหยาง ถูกใครบางคนจับตัวมาขังไว้ที่นี่เป็นเวลานานมาก และหากต้องการที่จะหลุดออกไปจากกรงขังแห่งนี้ ผู้บำเพ็ญพรตหยินหยางจะต้องหาทางควบคุมเขาให้ได้เท่านั้น
และดูเหมือนว่า รอยฝ่ามือนี้จะเป็นทางออกที่ดีที่สุดของฉีเล่ยในตอนนี้
ฉีเล่ยพยายามคลานไปที่รอยฝ่ามือนั้น และเมื่อผู้บำเพ็ญพรตหยินหยางเห็นเข้า เขาก็ถึงกับร้องตะโกนออกมาด้วยดวงตาเบิกกว้าง สีหน้าบ่งบอกถึงกความตกอกตกใจสุดขีด
“ไม่! อย่านะ!”
และเมื่อได้ยินเสียงร้องตะโกนของผู้บำเพ็ญพรตหยินหยาง ฉีเล่ยก็ยิ่งมั่นใจว่า สถานการณ์ต้องพลิกผันมาเป็นความได้เปรียบของตนเองแล้วอย่างแน่นอน!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดคุณหมอสกุลเฉิน