ตอนที่270 วันสุดท้าย
ฉีเล่ยไม่รู้ว่าเลยว่าวันเวลาได้ล่วงเลยผ่านไปนานเท่าไหร่แล้ว จึงไม่รู้ว่าในตอนนี้ ยังเหลือเวลาอีกเท่าไหร่ที่หนอนกู่จะเติบโตเต็มวัยจากที่เขาได้คาดการไว้ สิ่งที่ฉีเล่ยทำได้อย่างเดียวในตอนนี้ก็คือ ต้องเร่งออกจากยอดเขาแห่งนี้ให้ได้โดยเร็วที่สุด
แต่ฉีเล่ยก็ไม่กล้าคาดหวังอะไรมาก ก่อนหน้านี้เขาได้เห็นว่าถ้ำหินถูกปิดกับตาตัวเอง ระหว่างทางที่เดินไปตามทางนั้น เขาจึงไม่กล้าคาดหวังมากนัก
แต่สวรรค์ก็ไม่ได้โหดร้ายกับเขาเสียทีเดียว ไม่รู้ว่าเป็นเพราะที่ผ่านมา ถ้ำแห่งนี้ถูกควบคุมโดยผู้บำเพ็ญพรตหยินหยางหรือไม่? เพราะหลังจากที่เขาเสียชีวิต ประตูหินที่ปิดปากถ้ำก็ได้อันตรธานหายแล้ว และก่อนที่ฉีเล่ยจะเดินมาถึงหน้าปากถ้ำ เขาก็ได้กลิ่นอายบริสุทธิ์ของอากาศจากภายนอกที่โชยเข้ามา
นี่ต่างหากจึงจะเป็นสภาพแวดล้อมที่เหมาะกับเขา!
ฉีเล่ยได้แต่แอบคิดพร้อมกับยิ้มออกมาด้วยความดีอกดีใจ และเมื่อเดินออกจากถ้ำไปได้แล้ว เขาก็ยืนบิดขี้เกียจ ยืดเส้นยืดสาย พร้อมกับสูดเอาอากาศบริสุทธิ์ด้านนอกเข้าไปอย่างตะกละตะกลาม
แต่หลังจากนั้น ฉีเล่ยก็เพิ่งรู้สึกตัวว่า รอบๆถ้ำแห่งนี้ได้กลายเป็นหลุมขนาดใหญ่ ราวกับถูกคนทิ้งระเบิดใส่อย่างนั้นล่ะ
“เป็นแบบนี้ได้ยังไง…”
ในระหว่างที่ฉีเล่ยกำลังครุ่นคิดว่า มันเกิดอะไรขึ้นบริเวณถ้ำแห่งนี้กันแน่? จู่ๆ ความคิดหนึ่งก็ผุดขึ้นมาในหัวของเขา แต่เป็นเพราะไม่มีเวลาที่จะมานั่นครุ่นคิดอะไรมาก ฉีเล่ยจึงรีบก้าวเดินลงจากเขาไปในทันที
เป็นเพราะครั้งนั้นฉีเล่ยถูกหนูหยางม่วงวิ่งไล่ในยามค่ำคืน เขาเองก็เอาแต่ตั้งหน้าตั้งตาวิ่งอย่างเดียวเท่านั้น เพื่อหวังเอาชีวิตรอดจากการไล่ล่าของหนูหยางม่วง ด้วยเหตุนี้ ต่อให้เขาจะวิ่งถือไฟฉายส่องไปตลอดทาง แต่เขาก็ไม่สามารถจดจำได้ว่า ตัวเองวิ่งหนีไปทางไหนบ้าง
เวลานี้ สิ่งเดียวที่ฉีเล่ยต้องทำก่อนสิ่งอื่นก็คือ หาทางกลับลงเขาทางเดิมให้ได้เสียก่อน
ฉีเล่ยเดินหาทางลงเขาอยู่นานมากกว่าครึ่งชั่วโมง ในที่สุด เขาก็ค้นพบเส้นทางที่เขาปีนขึ้นมาจนได้ ฉีเล่ยไม่รอช้า รีบรุดเดินลงเขาไปตามเส้นทางเดิมทันที
และเมื่อลงมาถึงเนินเขาที่พักค้างคืนก่อนหน้า ฉีเล่ยก็พบว่าเต็นท์ที่เขากางไว้ก่อนหน้านี้ได้หายไปแล้ว บางทีอาจเป็นอาจารย์ของเขาเก็บกลับไปแล้วก็ได้
เมื่อเห็นเช่นนั้น ฉีเล่ยจึงได้เดินลงเขาต่อไปทันที และกลับไปยังที่ที่เขาพบเจอกับชาวบ้าน สถานที่ที่เขาได้ฝากของบางส่วนไว้ก่อนจะเดินขึ้นเขามา และในตอนนั้นเอง เขาจึงได้รู้วันเวลาที่แท้จริง
“พ่อหนุ่ม เธอขึ้นเขาไปเป็นเวลาตั้งสองวันกว่าแล้ว ไม่รู้ตัวเลยรึไงห๊ะ?”
ชาวบ้านที่พูดคุยกับฉีเล่ยอยู่นั้น เห็นเสื้อผ้าที่ขาดวิ่นของเขาอยู่ในสภาพที่ไม่สามารถปกปิดเนื้อตัวได้แบบนั้น อีกทั้งยังเห็นรอยบาดแผลเต็มเนื้อเต็มตัวไปหมด จึงรู้สึกสงสาร และรีบไปหาเสื้อผ้าเก่าๆของตัวเองมาให้ทันที พร้อมกับเอ่ยปากถามด้วยสีหน้าเห็นอกเห็นใจ
“เอาๆ เอาเสื้อผ้าของฉันไปใส่ซะก่อน แล้วนี่ไปเจออะไรเข้าล่ะถึงได้มีสภาพแบบนี้?!”
ก่อนหน้านี้ ฉีเล่ยคิดแต่ว่าต้องรีบลงจากเขาให้เร็วที่สุด จึงไม่ทันนึกถึงสภาพของตัวเองในตอนนี้ แต่เมื่อถูกเอ่ยทักขึ้นมา ฉีเล่ยถึงได้รู้ตัว และรีบเอ่ยขอบคุณอีกฝ่ายด้วยสีหน้าท่าทางเขินอาย จากนั้นจึงรีบรับเสื้อผ้าไปเปลี่ยนทันที หลังจากเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้ว ก็รีบเก็บของกลับออกไปทันที
จากที่ฉีเล่ยคำนวณไว้คร่าวๆด้วยตัวเอง หนอนกู่เหล่านั้นน่าจะโตเต็มวัยพร้อมใช้งานในช่วงดึกของวันพรุ่งนี้ หรือไม่ก็วันมะรืนเป็นอย่างช้า นั่นหมายความว่าเขายังมีเวลาอีกหนึ่งวัน
“ขอบคุณครับ ผมไปก่อนนะครับ พอดีผมรีบ”
ฉีเล่ยรีบเก็บข้าวเก็บของของตัวเองโดยไม่สนใจอะไรทั้งนั้น แต่ในระหว่างที่กำลังจะหันหลังเดินออกไปนั้น ชายคนเดิมก็ร้องตะโกนเรียกเขาไว้ก่อน
“อ่อ.. นี่ๆพ่อหนุ่มอย่าเพิ่งรีบร้อนไป ฉันลืมบอกเธอไปเรื่องหนึ่ง! ก่อนหน้านี้มีคนมาถามหาเธอด้วยล่ะ เขาอยากรู้ว่าเธอลงเขามารึยัง? ดูจากสีหน้าท่าทางของเขาแล้ว เขาดูเป็นห่วงเป็นใยเธอมากเลยนะรู้มั๊ย?”
“เป็นชายสูงอายุรึเปล่าครับ?”
“อืมม ใช่ๆ”
ฉีเล่ยรู้ได้ทันทีว่าเป็นใคร
เมื่อออกมาจากสถานที่ฝากของแห่งนั้นแล้ว ฉีเล่ยก็เดินทางไปยังโรงแรมเล็กๆแห่งหนึ่งในเมือง และหลังจากสอบถามพนักงานโรงแรมจนได้ความแล้ว ฉีเล่ยก็เดินขึ้นไปยังห้องพักห้องหนึ่ง
“เฮ้อ.. ในที่สุดเธอก็ลงเขามาสักทีสินะ! ว่าแต่เธอเห็นสภาพบริเวณเนินเขาบ้างมั๊ย? แล้วนี่เธอปลอดภัยดีรึเปล่าฉีเล่ย?”
เป่ยฉวนเทียนเอ่ยถามขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เจือด้วยความวิตกกังวล
ฉีเล่ยได้แต่พยักหน้า พร้อมตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงเจือหัวเราะ “ไม่ต้องห่วงผมหรอกครับอาจารย์ ขากลับผมผ่านเส้นทางนั้นก็จริง แต่โชคดีที่ไม่ได้รับอันตรายอะไรเลย”
ระหว่างที่พูดนั้น ฉีเล่ยก็ได้พยายามปกปิดบาดแผลตามร่างกายของตัวเอง เพื่อไม่ให้อีกฝ่ายล่วงรู้
“เฮ้อ.. ไม่ต้องมาหลอกฉันก็ได้ แค่เห็นเสื้อผ้าที่เธอสวมใส่อยู่ในตอนนี้ ฉันก็พอจะคาดเดาได้แล้วว่า มันเกิดอะไรขึ้นกับเธอบ้าง?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดคุณหมอสกุลเฉิน