ตอนที่291 ทางเข้าเขา
“คุณจะทำยังไงต่อไปกับเรื่องนี้?”
ฉีเล่ยหันไปถามความเห็นของฮวาโหล่ว
“จะทำอะไรอย่างอื่นได้ล่ะ? ก็ต้องเดินหน้าต่อไปน่ะสิ เราเสียเงินไปตั้งเยอะแล้วนะ ทั้งค่าเดินทางค่าที่พัก ยังไงก็ล้มเลิกกลางคันไม่ได้ ต่อให้มั่นใจว่านี่เป็นเรื่องที่กุขึ้น ก็ต้องไปดูให้เห็นความจริงกับตา?”
ฮวาโหล่วหัวเราะ ก่อนจะหันไปถามฉีเล่ยยิ้มๆ “อย่าบอกนะว่านายกลัวอันตราย?”
“แต่สำหรับฉันนะ ต่อให้รู้ว่าข้างหน้ามีอันตราย ก็ไม่ใช่ฉันคนเดียวที่จะต้องเผชิญกับอันตรายครั้งนี้นี่”
ฮวาโหล่วยังคงพูดต่อด้วยเสียงที่ดังฟังชัด “สิ่งที่ฉันอยากรู้มากที่สุดก็คือ ใครที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้?”
เมื่อฉีเล่ยได้ฟัง เขาเองก็เกิดความอยากรู้ขึ้นมาด้วยเช่นกัน
นอกจากอยากจะรู้ว่า เรื่องคัมภีร์เจินจิ่วเจี่ยอี่จิงเป็นเรื่องจริง หรือเรื่องหลอกลวงแล้ว เขายังอยากรู้ว่า ผู้ที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ล่วงรู้ที่อยู่ของทุกคนได้ยังไง และสามารถส่งจดหมายให้ถึงมือทุกคนได้อย่างไร?
เพราะสำหรับเขาแล้ว นี่นับเป็นปัญหาใหญ่!
“ฉันเหนื่อยมากแล้ว ขอตัวไปนอนก่อนนะ ตาจะปิดอยู่แล้วเนี่ย!”
ฮวาโหล่วยืดตัวบิดขี้เกียจพร้อมกับอ้าปากหาวต่อหน้าฉีเล่ย โดยไม่สนใจภาพลักษณ์ของตัวเองเลยแม้แต่น้อย จากนั้น หญิงสาวก็ได้ทิ้งตัวนอนลงบนเตียงทันที
ส่วนฉีเล่ยนั้นก็ล้มตัวนอนลงบนพื้น แต่เขากลับรู้สึกว่า ช่างเป็นการนอนที่ไม่สบายเลยแม้แต่น้อย แม้เขาจะเคยผ่านความลำบากมาก่อนก็จริง แต่การนอนบนพื้นไม้แบบนี้ก็ทำให้เขาหลับไม่ค่อยสนิท
จนกระทั่งราวตีสองเกือบตีสาม ฉีเล่ยก็ไม่สามารถทนต่อไปได้อีก เพราะเขาเริ่มรู้สึกปวดหลังมาก จึงได้แต่ปีนขึ้นไปนอนขดอยู่ขอบเตียงแทน
นับว่าโชคดีที่เป็นเตียงค่อนข้างใหญ่ และฮวาโหล่วเองก็เป็นหญิงสาวร่างเล็กบอบบาง
ฉีเล่ยหลับไปจนกระทั่งเช้า และเมื่อตื่นขึ้นมาก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย ที่ผ้าห่มผืนใหญ่ได้มาห่มอยู่บนร่างของเขาแทน แต่หลังจากนั้น เขาก็รีบลุกขึ้นอาบน้ำแต่งตัว และเก็บของเพื่อเตรียมออกเดินทางต่อ
ระหว่างที่ทั้งคู่ทานอาหารเช้าด้วยกันอยู่นั้น ฉีเล่ยนึกอยากจะอธิบายถึงเหตุผลที่เขาต้องไปนอนบนเตียงให้หญิงสาวฟัง แต่ก็กระอักกระอ่วนใจจนพูดไม่ออก
“นี่! ไม่ต้องคิดมากก็ได้ ฉันไม่ได้แคร์อะไรนักหรอก ไม่งั้นฉันก็คงไม่เอาผ้าห่มไปห่มให้นายแน่!”
กลับกลายเป็นฮวาโหล่วที่พูดขึ้นพร้อมกับหัวเราะออกมาเบาๆ ก่อนจะรีบร้องบอกฉีเล่ยต่อว่า
“รีบๆกินเข้าเถอะ กินเสร็จแล้วจะได้รีบไปหาเช่ารถขับขึ้นเขาจิ่วเหลียน”
หลังจากกินข้าวเช้าเสร็จ ทั้งสองคนก็ได้ไปเอาเครื่องมือ และกระเป๋าที่ตระเตรียมไว้ออกเดินทางทันที
ภายในร้านที่ให้บริการเช่ารถเวลานี้ มีรถเหลืออยู่เพียงไม่กี่คัน และแต่ละคันก็อยู่ในสภาพที่ไม่ค่อยจะดีนัก ทั้งคู่ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องเช่าขับไป
เมื่อได้กุญแจรถมาแล้ว ฮวาโหล่วก็ยื่นต่อให้ฉีเล่ยทันที พร้อมกับพูดขึ้นว่า
“รับไว้สิ!”
ฉีเล่ยนิ่งอึ้งไปชั่วขณะ ฮวาโหล่วเห็นเข้าจึงได้แต่ร้องบอกไปว่า
“ฉันเพิ่งจะบรรลุนิติภาวะเองนะ จะขับรถเป็นได้ยังไง? นายนั่นแหละต้องเป็นคนขับ!”
ฉีเล่ยได้แต่ยิ้มขื่น และรับหน้าที่เป็นคนขับรถไปโดยปริยาย
“นี่พวกคุณสองคนคงจะไปเขาจิ่วเหลียนสินะ?”
เจ้าของร้านเช่ารถเป็นฝ่ายเอ่ยปากถามขึ้นก่อน
“หืมม นี่คุณรู้ได้ยังไง?” ฉีเล่ยเอ่ยถามขึ้นด้วยสีหน้างุนงง
“หลายวันนี้ใครๆก็มาเช่ารถ แล้วก็บอกว่าจะไปเขาจิ่วเหลียนกันทั้งนั้น ฉันอยู่ที่นี่มาตั้งหลายปีแล้ว ก่อนหน้านี้ก็เคยมีเหตุการณ์ลักษณะนี้เกิดขึ้นเหมือนกัน เพราะเรื่องสุสานโบราณในตอนนั้น ทำให้ผู้คนพากันมาที่ภูเขาลูกนี้กันเต็มไปหมด”
“สุสานโบราณเหรอครับ?!”
เจ้าของร้านเช่ารถพยักหน้า และตอบกลับไปว่า
“ก็ใช่น่ะสิ! แต่เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อยี่สิบปีก่อน ตอนนั้นฉันยังเป็นเด็กนักเรียนอยู่เลย มีคนร่ำลือกันว่าได้มีสุสานโบราณปรากฏขึ้นที่เขาจิ่วเหลียน ผู้คนก็เลยพากันแห่มาใหญ่ กระทั่งทีมนักโบราณคดีก็ยังมา”
“แล้วสุดท้ายเป็นยังไงเหรอครับ?”
“ฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันเกิดอะไรขึ้นบ้าง รู้แต่ว่ามีคนรอดชีวิตกลับมาแค่ไม่กี่คน แล้วเรื่องก็จบอยู่แค่นั้น”
ขณะที่พูดถึงเรื่องนี้ เจ้าของร้านยังถึงกับถอนหายใจออกมา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดคุณหมอสกุลเฉิน