ยอดคุณหมอสกุลเฉิน นิยาย บท 290

ตอนที่​290 มุ่งหน้า​สู่เขา​จิ่ว​เหลียน​

การ​เดินทาง​ไป​เขา​จิ่ว​เหลียน​ครั้งนี้​ ฉีเล่ย​ไม่ได้​พา​ใคร​ไป​ด้วย​เลย​ แม้ความจริง​แล้ว​ การ​เดินทาง​ในลักษณะ​ผจญภัย​แบบนี้​ ควรจะ​ต้อง​มีคน​มาด้วย​สัก​สอง​สามคน​ เพราะ​หาก​เกิด​อันตราย​อะไร​ ก็​จะได้​สามารถ​ช่วยเหลือ​กัน​ได้​ทันท่วงที​

แต่​เพราะ​ฉีเล่ย​รู้​ว่า​ การ​เดินทาง​ในครั้งนี้​ดูเหมือน​จะมีแต่​อันตราย​ เขา​จึงเลือก​ที่จะ​เดินทาง​มาเพียง​คนเดียว​ลำพัง​

การ​เดินทาง​ครั้งนี้​ต้อง​ใช้เวลานาน​ถึง 30 กว่า​ชั่วโมง​เลย​ทีเดียว​ ฉีเล่ย​จึงเลือก​นั่ง​รถไฟ​ตู้​นอน​ซึ่งมีที่นอน​นุ่มๆ อาจ​เป็น​เพราะ​จุดหมายปลายทาง​ยังอีก​ไกล​มาก​ หรือ​อาจ​เป็น​เพราะ​เขา​ก็​ยัง​ไม่พบ​เจอ​ใคร​ที่​ดู​เป็นอันตราย​กับ​ตนเอง​ ฉีเล่ย​จึงได้​นอน​หลับไหล​อยู่​บน​ที่นอน​นุ่ม​นั้น​ได้​อย่าง​สบายใจ​

ภายใน​เคบิน​มีเตียง​อยู่​สี่เตียง​ แต่กลับ​มีเขา​นอน​อยู่​แค่​คนเดียว​ เขา​จึงรู้สึก​ว่า​มัน​ช่างสบาย​มาก​จริงๆ​

แต่​ขณะที่​รถไฟ​จอดเทียบ​ชานชลา​ ฉีเล่ย​ก็​ถูก​เสียงดัง​จาก​ด้านนอก​ปลุก​ให้​ตื่น​ เขา​ยก​มือขึ้น​ขยี้ตา​ เพื่อ​จะมองออก​ไปนอก​หน้า​ต่างว่า​มัน​เกิด​อะไร​ขึ้น​ แต่​แล้ว​จู่ๆ ประตู​เคบิน​ก็​เปิด​ออก​ แล้ว​ใคร​บางคน​ก็​เดิน​เข้ามา​

หญิงสาว​คน​หนึ่ง​ที่​แบก​เป้​ใบ​ใหญ่​ไว้​ข้างหลัง​

“สวัสดี​เพื่อนร่วมทาง​ อยู่​เคบิน​เดียวกัน​เหรอ​?”

ฉีเล่ย​งุนงง​เล็กน้อย​ เพราะ​ไม่ได้​คาดคิด​ว่า​จะมีคน​เข้ามา​ ส่วนตัว​หญิงสาว​เอง​ก็​ดู​ตกใจ​นิดๆ​ คง​ไม่คิด​ว่า​จะมีใคร​อยู่​ใน​เคบิน​เหมือนกัน​ จึงได้​ร้องถาม​ออกมา​แก้เก้อ​

ฉีเล่ย​สังเกตเห็น​ว่า​ หญิงสาว​ที่​ปรากฏตัว​ขึ้น​ใน​ตอนนี้​ หน้าตา​ท่าทาง​ไม่เลว​เลย​ แม้จะไม่จัด​ว่า​สวย​เลิศเลอ​ แต่​ก็​ไม่ใช่คน​ขี้ริ้วขี้เหร่​อะไร​

“ครับ​ มาผม​ช่วย​ยก​ระ​เป๋า​เก็บ​ให้​เอง​!”

อีก​ฝ่าย​เป็น​หญิงสาว​ ฉีเล่ย​จึงต้อง​แสดง​ความ​เป็น​สุภาพบุรุษ​

“ไม่เป็นไร​ค่ะ​ ไม่เป็นไร​! เป้​นี่​อาจจะ​ดูเหมือน​หนัก​ แต่​ความจริง​มัน​ไม่ได้​หนัก​อะไร​มากมาย​”

หญิงสาว​หันมา​บอก​ฉีเล่ย​ด้วย​ใบหน้า​ยิ้มแย้ม​ ก่อน​จะยก​กระเป๋า​ขึ้นไป​เก็บ​ด้วยตัวเอง​

หลังจากนั้น​ไม่นาน​ รถไฟ​ก็​เริ่ม​เคลื่อนตัว​ออกจาก​ชาน​ชะลา​ ฉีเล่ย​จึงหยิบ​ขนมขบเคี้ยว​ที่​เตรียม​ไว้​ขึ้น​มากิน​ พร้อมกับ​เอ่ย​ชวน​หญิงสาว​ด้วย​ แต่​เธอ​ก็​รีบ​โบกไม้โบกมือ​ปฏิเสธ​

หลังจาก​ทั้งคู่​นั่ง​กระอักกระอ่วน​กัน​อยู่​สอง​สามนาที​ ฉีเล่ย​ก็​หาเรื่อง​ชวน​คุย​ขึ้น​มาได้​

“ผม​ชื่อ​ฉีควน​นะ​ครับ​ เป็น​คน​เจียง​ห​ลิง​ แล้ว​คุณ​ล่ะ​ชื่อ​อะไร​?”

แม้ว่า​เขา​จะต้องการ​ทำ​ความคุ้นเคย​กับ​หญิงสาว​ เพื่อ​ไล่​บรรยากาศ​กระอักกระอ่วน​ภายใน​เคบิน​ แต่​เขา​ก็​ยังคง​ต้อง​ระมัดระวัง​ตัว​อยู่​มาก​

“ฉัน​ชื่อ​ฮวา​โหล่​ว​ เป็น​คน​ที่นี่​เลย​ค่ะ​”

“คน​ที่นี่​?!”

ฉีเล่ย​สำรวจ​ดู​รูปลักษณ์ภายนอก​ของ​หญิงสาว​อย่าง​ละเอียด​ และ​พบ​ว่า​ เป็น​เพราะ​แสงไฟใน​รถไฟ​สลัว​เกินไป​หรือเปล่า​ ถึงได้​ทำให้​หญิงสาว​คน​นี้​ดู​ไม่ใช่คน​ที่​ขาว​มากมาย​อะไร​นัก​ และ​ด้วย​ผิวพรรณ​ที่​ดู​แข็งแรง​มีชีวิตชีวา​กว่า​หญิงสาว​ทั่วๆ​ไป​ ทำให้​เธอ​ดูเหมือน​คน​ที่​มาจาก​ภูเขา​

“นี่​มัน​ที่ไหน​เหรอ​ครับ​?”

ฉีเล่ย​เพิ่งจะ​ตื่นนอน​ จึงไม่ทัน​ได้​ฟังประกาศ​ว่า​ถึงสถาน​ที​อะไร​ เขา​จึงรีบ​ชะโงก​หัวออก​ไปดู​ป้าย​สถานี​ แต่กลับ​พบ​ว่า​รถไฟ​ได้​เคลื่อน​เลย​ป้าย​บอก​สถานี​มาไกล​แล้ว​

“หมู่บ้าน​ฮวา​จิ่งค่ะ​”

ฮวา​โหล่​ว​หัวเราะ​เบา​ๆ พร้อมกับ​ยก​มือขึ้น​ชี้ไป​ที่​ภูเขา​ลูก​ใหญ่​ลูก​หนึ่ง​ ปาก​ก็​ร้องบอก​ว่า​

“ฉัน​มาจาก​ที่นั่น​ และ​ทุกคน​บน​นั้น​ก็​จะใช้แซ่ฮวา​กัน​ทุกคน​ ชาวบ้าน​ที่นั่น​ต่าง​ก็​รู้จัก​กัน​หมด​”

“แล้ว​นี่​คุณ​กำลังจะ​ไป​ไหน​เหรอ​ครับ​?”

ฉีเล่ย​ก็​แค่​ถามไป​อย่างนั้น​ แต่กลับ​คิดไม่ถึง​ว่า​ หลังจากที่​เขา​เอ่ย​ถามออก​ไป​แล้ว​ สีหน้า​ของ​หญิงสาว​จะเปลี่ยนไป​อย่าง​น่าประหลาด​ทันที​

“ความจริง​แล้ว​ฉัน​เอง​ก็​ยัง​ไม่รู้​ว่า​จะไป​ไหน​ดี​ อยาก​จะท่องเที่ยว​ไป​เรื่อยๆ​ ยัง​ไม่มีจุดหมายปลายทาง​ที่​แน่นอน​ ฉัน​เพิ่งจะ​โต​เป็นผู้ใหญ่​ปี​นี้​เอง​ ก็​เลย​อยาก​จะออกมา​ท่อง​โลก​ภายนอก​”

หลังจาก​ฮวา​โหล่​ว​พูด​จบ​ ฉีเล่ย​ก็​ไม่ได้​ถามอะไร​อีก​เลย​ เพราะ​เห็น​สีหน้าท่าทาง​ของ​อีก​ฝ่าย​ ดู​ไม่ค่อย​สบายใจ​ที่จะ​ตอบ​เท่าไหร่​นัก​ อีก​อย่าง​ ทั้ง​เธอ​และ​เขา​ยัง​ต้อง​เดินทาง​ร่วมกัน​อีก​หลาย​ชั่วโมง​ ฉีเล่ย​จึงไม่ต้องการ​สร้าง​บรรยากาศ​ที่​น่าอึดอัด​ขึ้น​มา

รถไฟ​ยังคง​มุ่งหน้า​ไป​เรื่อยๆ​ และ​หลังจาก​สถานี​ฮวา​จิ่งแล้ว​ ก็​ไม่มีใคร​เข้ามา​ใน​เคบิน​ที่​ทั้งสอง​คน​อยู่​อีก​เลย​

ระหว่าง​นั้น​ สอง​คน​ก็​ดูเหมือน​จะเริ่ม​สนิทสนม​คุ้นเคย​กัน​มากขึ้น​เรื่อยๆ​ หลังจากที่​ทั้งคู่​มีท่าที​กระอักกระอ่วน​ไป​บ้าง​แล้ว​ ก็​เริ่ม​หาเรื่อง​พูดคุย​กัน​ได้​มากขึ้น​

และ​ในที่สุด​ รถไฟ​ขบวน​นี้​ก็​แล่น​เข้าใกล้​จุดหมายปลายทาง​มากขึ้น​เรื่อยๆ​ เหลือ​เพียงแค่​หนึ่ง​ชั่วโมง​เท่านั้น​ ก็​จะถึงเทือกเขา​จิ่ว​เหลียน​ ฉีเล่ย​จึงเริ่ม​เตรียม​เก็บ​ข้าวของ​เพื่อ​ลง​จาก​รถไฟ​

แต่​เขา​กลับ​สังเกตเห็น​ว่า​ ฮวา​โหล่​ว​เอง​ก็​เริ่ม​เก็บ​ของ​ด้วย​เช่นกัน​

“ฮวา​โหล่​ว​ ผม​ว่า​คุณ​คง​มีอะไร​บางอย่าง​ปิดบัง​ผม​แล้ว​ล่ะ​ นี่​คุณ​เก็บ​ข้าว​เก็บ​ของ​เร็ว​มาก​เลย​ อย่า​บอก​นะ​ว่า​คุณ​ไม่รู้เรื่อง​เขา​จิ่ว​เหลียน​?”

หลังจาก​พูด​จบ​ ฉีเล่ย​ก็​ถึงกับ​หัวเราะ​ออกมา​

สีหน้า​ของ​ฮวา​โหล่​ว​เปลี่ยนไป​ในทันที​ พร้อมกับ​เอ่ย​ถามกลับ​ไป​ว่า​

“หรือว่า​พวกเรา​สอง​คน​จะมีจุดหมายปลายทาง​เดียวกัน​งั้น​เหรอ​?”

ฉีเล่ย​จึงตอบกลับ​ไป​ว่า​ “ผม​เอง​ก็​คิดไม่ถึง​จริงๆ​ นั่ง​อยู่​ใน​เคบิน​เดียวกัน​มาตั้ง​นาน​ แต่กลับ​ไม่รู้​ว่า​มีจุดหมายปลายทาง​เดียวกัน​”

เมื่อ​ฮวา​โหล่​ได้ยิน​แบบ​นั้น​ เธอ​ก็​หยุด​เก็บ​ข้าวของ​ไป​ชั่วครู่​ และ​หันไป​มอง​ฉีเล่ย​ตรงๆ​ พร้อมกับ​พูด​ขึ้น​ว่า​

“เอาล่ะ​ พวกเรา​มาตกลง​กัน​ดีกว่า​!”

ดูเหมือน​ฮวา​โหล่​วจะ​เป็น​หญิงสาว​ที่​มีนิสัย​ตรงไปตรงมา​อย่าง​ที่​ฉีเล่ย​ไม่คาดคิด​ เขา​จึงได้​แต่​พยักหน้า​ และ​ตอบกลับ​ไป​ว่า​

“เอาล่ะ​ บอก​ความต้องการ​ของ​คุณ​มาได้​เลย​?”

ความจริง​แล้ว​ ก่อนที่​ต่าง​ฝ่าย​จะต่าง​เปิดเผย​ความจริง​ออกมา​นั้น​ ทั้งคู่​ก็​นับว่า​ได้​ใช้ชีวิต​ร่วมกัน​บน​เส้น​ทางการ​เดินทาง​อัน​ยาว​ไกล​ที่​แสน​จะน่าเบื่อ​นี้​ แม้จะเป็น​ความบังเอิญ​ก็ตามที​

“ฉัน​รู้​ว่า​คุณ​มาที่นี่​เพราะ​เรื่อง​คัมภีร์​เจินจิ่วเจี่ย​อี่​จิง ใน​เมื่อ​เรา​สอง​คน​ต่าง​ก็​มาคนเดียว​ ไม่มีเพื่อน​ร่วม​ทีม​มาด้วย​ ทำไม​พวกเรา​ไม่มาอยู่​ทีม​เดียวกัน​ล่ะ​? หลังจากที่​ได้​คัมภีร์​เล่ม​นั้น​มาแล้ว​ ทั้ง​คุณ​กับ​ฉัน​ พวกเรา​ก็​มาแบ่ง​กัน​อ่าน​ แบ่ง​กัน​ศึกษา​เรียนรู้​ นี่​น่าจะเป็น​วิธี​ที่​ดี​ต่อ​เรา​สอง​คน​ไม่ใช่เหรอ​?”

“ถ้าเรา​สอง​คน​ตกลง​กัน​ได้​ ก็​เท่ากับ​วิน​-วิน​ทั้งสองฝ่าย​!”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดคุณหมอสกุลเฉิน