ตอนที่295 แยกย้ายกันค้นหา
ต้องบอกตามตรงว่า นี่เป็นคำถามที่ตอบได้ยากเล็กน้อยสำหรับฉีเล่ย
แม้ว่าเขาจะมีความมั่นใจในระดับหนึ่ง และมีแผนการบางอย่างอยู่ในใจแล้ว แต่ก็ไม่รู้ว่าจะใช้ได้ในสถานการณ์ตอนนี้หรือไม่?
และเมื่อใครบางคนร้องตะโกนถามออกมาแบบนั้น คนที่เหลือต่างก็พากันจ้องมองไปทางฉีเล่ยเป็นตาเดียว บางคนถึงกับเดินตรงเข้าไปหาฉีเล่ย พร้อมกับเอ่ยปากอ้อนวอนว่า
“น้องชาย ในบรรดาพวกเราทั้งหมด เธอเป็นคนที่น่าทึ่งที่สุด ช่วยพาพวกเราเข้าไปข้างในหน่อยจะได้ไหม?”
นี่เป็นเรื่องที่ทุกคนในที่นี้เป็นกังวลใจมากที่สุด นั่นเพราะหากพวกเขาไม่สามารถเข้าไปข้างในได้ นั่นเท่ากับว่าการเดินทางมาเขาจิ่วเหลียนของพวกเราคงจะต้องสูญเปล่า
ฉีเล่ยหัวเราะด้วยท่าทางเคอะเขิน ก่อนจะตอบกลับไปว่า
“เอาเป็นว่าผมจะพยายามอย่างสุดความสามารถก็แล้วกัน ขอให้ทุกคนวางใจ ถ้ามีวิธีเมื่อไหร่ ผมจะรีบบอกให้ทุกคนรู้ทันที”
ความจริงแล้ว ก่อนที่ฉีเล่ยและฮวาโหล่วจะมาถึงที่นี่นั้น ทุกคนที่มาถึงก่อนย่อมต้องเห็นทั้งประตูหินลึกลับ และรอยฝ่ามือที่อยู่ข้างๆนั่นก่อนพวกเขาสองคนแล้ว
แต่ไม่ว่าพวกเขาจะพยายามอย่างไร ก็ไม่สามารถเปิดประตูหินนี้ได้สำเร็จ ในเมื่อไม่มีอะไรนอกเหนือจากนี้ รอยฝ่ามือที่ปรากฏอยู่จึงดูเหมือนจะเป็นเพียงเบาะแสเดียวที่น่าสนใจ
ก่อนหน้านี้หวงเหวินชิงเองก็ได้ลองพยายามทุกวิถีทางแล้วเช่นกัน แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จ และเพราะเกรงว่าคนอื่นๆ จะพากันหาทางเข้าไปจนเกิดความวุ่นวาย จึงได้ใช้กฏหมู่ควบคุมคนที่เหลือให้อยู่ในการควบคุมของตนเอง
“ผมว่าคุณต้องทำสำเร็จแน่ๆ”
ใครบางคนร้องตะโกนบอกฉีเล่ยด้วยน้ำเสียงมั่นอกมั่นใจ
มนุษย์เราก็มักจะเป็นแบบนี้ ในยามที่สิ้นหวัง หากได้พบเจอผู้คนที่แข็งแกร่งกว่า พวกเขาก็จะเริ่มฝากความหวังไว้กับคนๆนั้น เช่นเดียวกับหลายๆคนในที่นี้ ที่ต่างก็ฝากความหวังทั้งหมดไว้กับฉีเล่ย
ฉีเล่ยเดินตรงไปที่หน้าประตูหิน และได้สังเกตเห็นว่ารอยฝ่ามือที่ข้างประตูนั้นค่อนข้างใหญ่มาก เขาได้ลองทาบฝ่ามือของตนเองลงไปบนรอยฝ่ามือนั้นเพื่อเปรียบเทียบ
หลังจากนั้น เขาก็เดินวนไปวนมาอยู่แถวๆประตูหลายรอบ แต่ก็ยังไม่พบร่องรอยอะไรที่ผิดสังเกต
ฮวาโหล่วเดินเข้าไปหาฉีเล่ยพร้อมกับเอ่ยถามด้วยความอยากรู้ “พอมีวิธีไหม?”
“ยังไม่มีเลย!”
ฉีเล่ยจำเป็นต้องตอบฮวาโหล่วไปตามความเป็นจริง แต่ในเวลานั้น เขากลับรู้สึกประหลาดใจกับรอยฝ่ามือข้างประตู และรู้สึกว่าฝ่ามือนี้จะต้องเป็นกลไกอะไรบางอย่าง เพียงแต่นึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออกว่า จะใช้วิธีกระตุ้นกลไกนี้ได้อย่างไร
“นึกออกแล้ว!”
หลังจากยืนครุ่นคิดอยู่ครู่ใหญ่ ในที่สุดฉีเล่ยก็กระโดดโลดเต้นด้วยความตื่นเต้นดีใจ
“หรือว่า…”
ฉีเล่ยก้มลงมองฝ่ามือของตนเอง และกำลังคิดว่า ผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นหมอเทวดาในตำนาน ล้วนมีเรื่องของพลังหยินและหยางเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยทั้งสิ้น
“คงต้องทดลองดู…”
ฉีเล่ยพึมพำออกมาด้วยความมั่นอกมั่นใจมากขึ้น
ฮวาโหล่วที่ยืนอยู่ข้างๆนั้น เกรงว่าตนเองจะรบกวนสมาธิของฉีเล่ย จึงได้ถอยออกไปหลบอยู่อีกมุมหนึ่งอย่างเงียบๆ
ฉีเล่ยทดลองทาบฝ่ามือของตนเองลงบนรอยฝ่ามือนั้นอีกครั้ง แต่กลับไม่มีอะไรเกิดขึ้นเหมือนเดิม จากนั้น เขาจึงได้ทดลองปลดปล่อยพลังหยินและหยางในร่างไปที่ฝ่ามือ แล้วความเปลี่ยนแปลงก็ปรากฏขึ้นให้เห็น พื้นดินในบริเวณนั้นเริ่มสั่นสะเทือนขึ้นเล็กน้อย
“นี่มันเกิดอะไรขึ้น?! มีใครรู้สึกอะไรบ้างไหม?”
ใครบางคนร้องตะโกนออกมา
“รู้สึกๆ ฉันรู้สึกว่าพื้นมันสั่น หรือว่าจะเกิดแผ่นดินไหว?”
“ไม่น่าใช่แผ่นดินไหวแน่ๆ ไม่เคยเกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหวบริเวณเขาจิ่วเหลียนมานับพันๆปีแล้ว จุดที่ชีพจรมังกรมาบรรจบกันแบบนี้ ถ้าเกิดแผ่นดินไหวได้ง่ายๆ คงจะไม่อยู่มาได้นานหลายปีแบบนี้แน่!”
คนที่พอมีความรู้เรื่องภูมิศาสตร์ร้องตะโกนบอก เพื่อไม่ให้เกิดความตื่นตระหนกตกใจ
ฉีเล่ยสังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นได้ในทันที ระหว่างที่เขาปลดปล่อยพลังหยินและหยางออกมานั้น กลางรอยฝ่ามือได้เกิดแสงสว่างจางๆขึ้น
“ใช่แล้ว! มาถูกทางแล้ว!”
ฉีเล่ยพึมพำออกมาด้วยความตื่นเต้นดีใจ และรู้สึกว่าสิ่งที่เขาคาดเดานั้นถูกต้อง เขาจิ่วเหลียนน่าจะต้องมีความเกี่ยวข้องกับพลังหยินและหยางอย่างมากทีเดียว
ฉีเล่ยทดลองปลดปล่อยพลังหยินและหยางไปยังฝ่ามืออีกครั้ง ยิ่งเขาปลดปล่อยพลังหยินและหยางออกไปมากเท่าไหร่ แสงสว่างตรงกลางรอยฝ่ามือก็ยิ่งสว่างเจิดจ้ามากขึ้นเท่านั้น
“ดูนั่นสิ!”
ทุกคนต่างก็จับจ้องไปที่ประตูหินกันเป็นตาเดียว นั่นเพราะประตูหินที่พวกเขาพยายามเปิดอย่างไร ก็ไม่ขยับเขยื้อนแม้แต่น้อยก่อนหน้านี้ กลับเริ่มมีแสงสว่างปรากฏมากขึ้นเรื่อยๆ แล้วสิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากนั้น ก็ได้สร้างความตกตะลึงให้กับทุกคนอย่างมาก
หลังจากที่เสียงครืนดังขึ้น ทุกคนก็ถึงกับดวงตาเบิกกว้าง ราวกับกำลังพบเห็นบางสิ่งบางอย่างที่น่าอัศจรรย์ใจ!
ประตูหินค่อยๆเปิดออกอย่างช้าๆ เสียงเสียดสีของประตูหินที่เกิดขึ้น ฟังดูคล้ายกับว่ากลไกที่ถูกปิดตายมานาน ได้ถูกทำลายลงแล้ว
“พระเจ้า! น้องชายคนนี้ทำได้จริงๆด้วย!”
และในเวลานี้ ฉีเล่ยก็ได้กลายมาเป็นฮีโร่ในสายตาของทุกคนในที่นี้ไปแล้ว กระทั่งหวงเหวินชิงเอง ก็ยังจ้องมองไปทางฉีเล่ยด้วยอารมณ์ความรู้สึกที่สับสน
“เอาล่ะทุกท่าน ตอนนี้ประตูก็เปิดออกแล้ว ถ้าใครไม่กลัวก็เชิญเข้าไปก่อนได้เลย”
ไม่มีใครรู้ว่าข้างในนั้นจะมีอะไรบ้าง? มันจะเป็นนรก หรือว่าสวรรค์กันแน่?
แต่เมื่อคิดว่าข้างในน่าจะมีคัมภีร์ฝังเข็มเจินจิ่วเจี่ยอี่จิงในตำนานอยู่ แววตาของแพทย์จีนหลายๆคนในที่นั้น ก็เป็นประกายขึ้นมาในทันที
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดคุณหมอสกุลเฉิน